18 พ.ย. เวลา 10:09 • ข่าวรอบโลก

“ทีมทรัมป์” กับนโยบายตะวันออกกลาง

ความสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่าง “โดนัลด์ ทรัมป์” กับกลุ่มขวาจัดอิสราเอลและนายกรัฐมนตรี “เบนจามิน เนทันยาฮู” ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร ในช่วงสมัยแรกของทรัมป์เขาถือเป็นผู้นำของสหรัฐฯ ที่สนับสนุนอิสราเอลมากที่สุดคนหนึ่งนับตั้งแต่ปี 1947
1
ในปี 2017 สหรัฐฯ ภายใต้ทรัมป์รับรองเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล ปี 2018 สหรัฐฯ ย้ายสถานทูตจากเทลอาวีฟมาอยู่ที่นี่ ยุติการปฏิบัติตามมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเกี่ยวกับดินแดนที่ยึดครองระหว่างสงครามหกวันมาหลายทศวรรษอย่างเป็นทางการ ในปี 2019 ทรัมป์รับรองการผนวกที่ราบสูงโกลัน ซึ่งละเมิดบูรณภาพแห่งดินแดนของซีเรีย - อ้างอิง: [1]
ในปี 2020-2021 ทรัมป์มีส่วนสนับสนุนการสรุปข้อตกลงที่เรียกว่า “ข้อตกลงอับราฮัม” (Abraham Accords) ระหว่างอิสราเอลและรัฐอาหรับสี่ประเทศคือ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ บาห์เรน ซูดาน และโมร็อกโก - อ้างอิง: [2]
ก่อนการโจมตีเข้ามาในอิสราเอลของกลุ่มฮามาสในวันที่ 7 ตุลาคม 2023 การเจรจากำลังดำเนินไปด้วยดีเพื่อเข้าร่วมข้อตกลงในการสร้างฟื้นฟูความสัมพันธ์ให้เป็นไปตามระดับปกติระหว่างเทลอาวีฟและริยาด ในช่วงที่ “โจ ไบเดน” ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีแล้ว แต่ความชัดเจนที่ว่าใครเป็นผู้ริเริ่มข้อตกลงเหล่านี้และวางรากฐาน นั่นคือทรัมป์ บางคนเชื่อว่าความล้มเหลวในการประนีประนอมระหว่างอิสราเอลและซาอุดิอาระเบียเป็นสาเหตุของการโจมตีของกลุ่มฮามาส - อ้างอิง: [3]
ความพยายามในการเจรจาฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างอิสราเอลและซาอุดิอาระเบียในสมัยไบเดนเป็นประธานาธิบดี เครดิตภาพ: Press TV
ทรัมป์จะเดินหน้าแนวทางสนับสนุนอิสราเอลต่อไปในสมัย 2.0 ของเขาหรือไม่? น่าจะตอบได้ไม่ยาก แต่มีความคิดเห็นว่าเขาจะระมัดระวังมากขึ้น แต่หลังจากที่เห็นทีมทำงานของเขาเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา ก็ชัดเจนว่าเขาอยากจะปะฉะกับอิหร่านและกลุ่มกองกำลังของพวกเขา ซึ่งหมายความว่าตะวันออกกลางจะยังคงลุกไหม้ต่อไป
มีแนวโน้มสูงสุดที่วอชิงตันจะใช้กลยุทธ์สันติภาพผ่านการใช้กำลัง พวกเขาจะเริ่มพูดคุยกับเตหะรานจากจุดยืนที่มองว่าพวกเขาเป็นภัยคุกคาม คาดว่าสหรัฐฯ จะไม่เข้าสู่สงครามโดยตรงอย่างชัดเจน แต่จะให้การสนับสนุนอิสราเอลในระดับเดียวกับที่รัฐบาลไบเดนทำกับในยูเครนหรือไม่ (หรือมากยิ่งกว่า)
ว่าที่หัวหน้าเพนตากอนคนใหม่ของทรัมป์คือ “พีท เฮกเซธ” ซึ่งเป็นทหารผ่านศึกสงครามอัฟกานิสถานและอิรัก ในวัฒนธรรมการทหารของอเมริกาสงครามในตะวันออกกลางถือเป็นการสานต่อสงครามครูเสด (อ้างอิง: [4]) หัวหน้ากระทรวงกลาโหมคนใหม่เรียกร้องให้ฟื้นฟูสร้างวิหารของชาวยิว โดยแทนที่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์อันดับสามของศาสนาอิสลามซึ่งก็คือมัสยิดอัลอักซอ – อ้างอิง: [5]
เฮกเซธ ว่าที่หัวหน้าเพนตากอนคนใหม่กล่าวในงานที่จัดขึ้นในเยรูซาเล็ม โดยคำพูดของเขามีดังนี้ – อ้างอิง: [6]
1
เราได้ไปเยือนกำแพงตะวันตก ในปี 1917 มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น [คำประกาศ Balfour] ในปี 1948 มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น [การเกิดขึ้นของอิสราเอล] ในปี 1967 มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น [การยึดครองดินแดนปาเลสไตน์] ในปี 2017 มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น [การยอมรับการผนวกเยรูซาเล็มตะวันออก] และไม่มีเหตุผลใดที่การสร้างวิหารบนเทมเปิลเมาท์ขึ้นมาใหม่จะเกิดขึ้นไม่ได้
พีท เฮกเซธ ว่าที่หัวหน้าเพนตากอนสมัยทรัมป์ 2.0
รับชมรับฟังคำพูดของหัวหน้าเพนตากอนคนใหม่เกี่ยวกับการสร้างวิหารชาวยิวทับมัสยิดศักดิ์สิทธิ์ของชาวมุสลิมได้ตามลิงก์ด้านล่างนี้
“มาร์โก รูบิโอ” ว่าที่รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ของทรัมป์แถลงเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างปาเลสไตน์และอิสราเอลรอบใหม่ว่า “ผมไม่คิดว่าอิสราเอลจะสามารถอยู่ร่วมกับพวกป่าเถื่อนเหล่านี้ได้ หรือหาทางออกทางการทูตใดๆ… พวกเขาต้องถูกทำลาย” – อ้างอิง: [7]
เขาไม่ได้ระบุว่า “พวกเขา” คือใคร แน่นอนว่าอาจกล่าวได้ว่าหมายถึงนักรบฮามาส เพราะคำถามของนักข่าวที่ถามคือเกี่ยวกับพลเรือนที่เสียชีวิตในฉนวนกาซา
มาร์โก รูบิโอ ว่าที่รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ สมัยทรัมป์ 2.0 เครดิตภาพ: Chip Somodevilla/Getty Images
“ไมค์ วอลท์ซ” ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐคนใหม่ของทรัมป์เป็นทหารผ่านศึกสงครามอัฟกานิสถาน สายเหยี่ยวแท้ เขาเป็นศัตรูตัวฉกาจของจีน และเป็นผู้ศรัทธาต่ออิสราเอลอย่างมาก และวิจารณ์ต่อต้านอิหร่านอย่างหนัก - อ้างอิง: [8]
อิหร่านจึงไม่พ้นชะตากรรมอีกครั้งจากสายเหยี่ยวในอเมริกา คราวนี้น่าจะโดนหนักกว่าเดิม ถึงแม้ว่าประธานาธิบดีคนใหม่ของอิหร่าน “เปเซชเคียน” ซึ่งเป็นนักปฏิรูปและเอนมาทางตะวันตกอยู่บ้างจะต้องการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับอเมริกาและประนีประนอมโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน ซึ่งมันน่าจะไร้ผลในสมัยทรัมป์ 2.0
นั่นหมายความว่าอิหร่านก็ไม่มีทางเลือกอื่นมากนักนอกจากต้องใกล้ชิดกับรัสเซียและจีนมากขึ้น และเพิ่มการค้ากับรัสเซียรวมถึงสร้างความร่วมมือทางทหารทวิภาคีแบบเดิมและอาจมากขึ้น นั่นหมายถึงการเปิดโอกาสให้รัสเซียเข้ามาเพิ่มอำนาจในโลกอาหรับและในโลกอิสลามโดยรวม
เครดิตภาพ: Craig Stephens / SCMP
เรียบเรียงโดย Right Style
18th Nov 2024
  • เชิงอรรถ:
<ภาพปก: หน้าปกหนังสือชื่อ Donald Trump and Israel โดยผู้เขียน Mike Evans>
โฆษณา