18 พ.ย. เวลา 10:41 • ความคิดเห็น

โศกนาฏกรรม เรือ Batavia: Toxic Boss

ผมเล่าเรื่อง VOC หรือ Dutch East India Company ไปหลายทีแล้ว วันนี้จะมาเล่าเรื่องต่างมุมบ้างในเรื่องของผู้นำ
อย่างที่เพื่อนๆ อาจจะรู้จัก VOC กัน VOC เป็นบริษัทที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดบริษัทหนึ่งในสมัยนั้น มีกองทัพเป็นของตัวเอง และสามารถตัดสินคดีเองได้ นอกจากนั้นยังเป็นที่มาของการจัดตั้งบริษัทมหาชนที่ระดมทุนผ่านตลาดทุนเลยทีเดียว บริษัทนี้ทำรายได้จากการค้าเครื่องเทศ และของมีค่าต่างๆ จากกลุ่มประเทศตะวันออก โดยเฉพาะหมู่เกาะเครื่องเทศ รวมทั้งประเทศอินโดนีเซียในปัจจุบัน ที่ในเวลานั้นเรียกว่า East Indies บริษัทจึงจำเป็นต้องมีการเดินเรือไปมาระหว่าง Holland กับ East Indies อยู่เสมอๆ
ในปี 1628 บริษัทจึงเตรียมฝูงเรือทั้งหมด 7 ลำ โดยมีเรือ Batavia เป็นเรือธง หากชื่อคุ้นๆ ไม่ต้องแปลกใจ เรือลำนี้ตั้งชื่อตามเมือง Batavia ที่ถูกนำมาตั้งชื่อเมือง Batavia ใน East Indies ซึ่งก็คือเมือง Jakarta ในปัจจุบันนั่นเอง และมี Francisco Pelsaert หัวหน้าพ่อค้าที่เป็นผู้บัญชากองเรือนี้ เป็นตัวละครคนแรก และมี Ariaen Jacobsz เป็นกัปตันเรือ เป็นคนที่สอง ตัวละครหลักที่สามคือ Jeronimus Cornelisz ตัวร้ายประจำเรื่อง
1
Jeronimus Cornelisz เป็นเภสัชกรชาวดัชต์ และเป็นพ่อค้าของ VOC แต่ในเดือนพฤศจิกายน 1627 ภรรยาของเขาได้คลอดลูกออกมา แต่ลูกเสียชีวิตเนื่องจากเป็นโรคซิฟิลิส ซึ่งเป็นโรคที่น่ารังเกียจในเวลานั้น และการที่เขาเป็นเภสัชกรเสียเอง เขาจึงเสียชื่อเสียงเอามากๆ
และในที่สุดก็ถูกบังคับให้ขายกิจการ และเขาเองดูเหมือนจะศรัทธา Johannes van der Beeck ศิลปินวาดภาพที่มีความคิดเสรีที่รู้สึกว่าศาสนาเป็นเครื่องกดทับทำให้คนไม่มีอิสระเสรี ต่อมา Johannes van der Beeck ถูกตัดสินให้ผิดในข้อหาคนไม่มีศาสนา และไม่เชื่อในพระเจ้า เขาจึงยิ่งเกิดความกลัว และเริ่มอยากจะหนีออกจากฮอลแลนด์ เขาจึงสมัครมาเดินทางกับเรือลำนี้ในที่สุด
เรือทั้ง 7 ลำได้ออกเดินทางในเดือนตุลาคม 1628 โดยเรือ 6 ลำอื่นได้ออกเดินทางก่อน ส่วนเรือ Batavia ได้ออกเดินทางล่าช้ากว่าเรือลำอื่นด้วยปัญหาหลายเรื่อง แต่หลังจากออกเรือได้ไม่นาน ก็เกิดพายุอย่างหนักในทะเลเหนือ ทำให้เรือเกยตื้น แต่ Ariaen Jacobsz ก็พยายามจนกระทั่งนำเรือออกเดินทางต่อได้ และพายุก็ทำให้เรือขาดการติดต่อกับเรือลำอื่น แต่ในที่สุดก็เดินทางมาเรื่อยๆ และเจอเรือลำอื่นอีกสองลำ และมาถึงแหลม Good Hope ในที่สุด
เรือทั้งสามมาถึงแหลม Good Hope เร็วกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ 1 เดือน จึงได้แวะพัก และพยายามทำการซื้อขายสินค้ากับชาวพื้นเมือง แต่ก็มีปัญหาในการสื่อสารกัน ระหว่างนั้น Pelsaert ซึ่งมีปัญหากับ Jacobsz อยู่แล้ว ก็ได้ตำหนิ Jacobsz เกี่ยวกับเรื่องพฤติกรรมการเมา (สุรา ไม่ใช่เรือ) ของเขา ทั้งๆ ที่เป็นกัปตัน (skipper) ส่วน Cornelisz ที่เงินก็ไม่มี แต่เห็นว่าเรือลำนี้แบกสมบัติมาเป็นจำนวนมาก จึงเริ่มวางแผนชักชวนให้ Jacobsz หักหลัง ก่อกบฏ และยึดเรือ เพื่อแบ่งสมบัติกัน
ในตอนแรก เรือทั้งสามวางแผนที่จะเดินทางไปในทิศตะวันออกประมาณ 3,500 ไมล์ทะเล ก่อนที่จะเดินทางไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อให้เจอกับเมือง Batavia ตามที่ตั้งใจไว้ แต่พอออกเดินทางได้ไม่นาน ไม่รู้ว่าเพราะเป็นการวางแผนของทั้งสองหรือไม่ เรือ Batavia ก็หลงกันกับเรือลำอื่นๆ จนต้องเดินทางลำเดียวตลอดการเดินทาง
แต่แล้ว แทนที่จะเจอกับหมู่เกาะ East Indies ตามที่ตั้งใจไว้ เรือกลับเดินทางไปถึงบริเวณเกาะ Beacon ในหมู่เกาะ Houtman Abrolhos ห่างจาก
Australia ไปประมาณ 50 ไมล์ และชนเข้ากับปะการัง Morning Reef จนเรือได้รับความเสียหายอย่างหนัก ทั้งๆ ที่มีคนเตือน Jacobsz แล้วว่าเห็นคลื่นแตกฟอง ซึ่งมักหมายถึงว่า น้ำในบริเวณนั้นอาจจะตื้นกว่าที่คิด แต่ Jacobsz ก็ไม่สนใจ และคิดว่าเป็นเพียงแสงสะท้อนจากจันทร์ในคืนเดือนหงายเท่านั้นเอง ในวันที่ 4 มิถุนายน 1629 เรือลำนี้จึงได้อับปางลง
จากผู้โดยสารที่มีประมาณ 332 คนในเวลานั้น ลูกเรือส่วนใหญ่ประมาณ 180 คนก็ขึ้นเรือชูชีพ และรอดออกมาได้ ส่วนคนอื่นๆ ประมาณ 70 คนก็ติดอยู่กับเรือ รวมทั้ง Cornelisz
ลูกเรือที่ขึ้นเรือชูชีพ ก็ได้มาขึ้นเกาะ Beacon Island ส่วน Pelsaert, Jacobsz และคนอื่นๆ อีกประมาณ 40 คนก็ได้แบ่งไปขึ้นเกาะ Traitors Island แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ เกาะทั้งสองไม่มีน้ำจืดให้ใช้บริโภคเลย แต่ทาง Pelsaert และคนอื่นก็ได้ไปกอบกู้เอาเสบียง และน้ำจากเรือมาได้ส่วนหนึ่ง แต่ก็รู้ว่า ถ้าไม่มีน้ำคงแย่แน่ๆ จึงได้ตัดสินใจเอาทีมออกเดินทางไปหาน้ำในเกาะใกล้ๆ แต่ถ้าหาไม่ได้ ทีมของเขาจะรีบเดินทางไปยังเมือง Batavia เพื่อหาเรือมารับผู้รอดชีวิตกลับไป
ในระหว่างนั้นเอง ตัดภาพมาที่เรือ Batavia ที่มีลูกเรืออีก 70 คนรวมทั้ง Cornelisz ซึ่งด้วยความที่เป็นเรือขนาดใหญ่ จึงค่อยๆ จมลง ลูกเรือส่วนใหญ่ประมาณ 40 คนจึงเสียชีวิต แต่ไม่รู้โชคดีโชคร้าย Cornelisz และคนที่เหลือเกาะซากสินค้าเรือ และลอยมาขึ้นเกาะได้ในที่สุด
เนื่องจาก Pelsaert และทีมได้ออกเดินทางไปแล้ว และไม่ได้สั่งเสียอะไรไว้ คนบนเกาะซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนธรรมดา และกำลังรู้สึกแค้นใจที่ Pelsaert รีบออกเดินทางไป จนรู้สึกว่าถูกทอดทิ้งให้เผชิญชะตากรรมโดยลำพัง จึงต้องนับถือ Cornelisz เพราะเป็นบุคคลที่อาวุโสที่สุดใน VOC ที่อยู่บนเกาะ
Cornelisz ได้คิดว่าจะมีชีวิตอยู่ จนกระทั่งมีเรือมาช่วย และจะยึดเรือดังกล่าว เพื่อออกเดินทางหนีไป เขาจึงตั้งตัวเป็นผู้นำ และนำกลุ่มทหารอีก 40 คน และเริ่มวางแผนร้าย
เขารู้ดีว่า เสบียงอาหาร และน้ำมีไม่พอแน่ๆ วิธีการที่จะอยู่รอดให้ได้นานที่สุด จึงเป็นการทำอย่างไรก็ได้ให้มีตัวหารน้อยที่สุด
เขาออกอุบายให้ผู้โดยสารประมาณ 45 คน เชื่อว่ามีน้ำอยู่ที่เกาะ Seal และให้คนเหล่านี้เดินทางไป และทิ้งไว้ที่เกาะนั้น ส่วนทหารที่นำโดย Wiebbe Hayes ก็ถูกหลอกให้เดินทางไปยังเกาะ High เช่นกัน และก่อนออก ก็ได้ยึดอาวุธไว้ทั้งหมด และเขาก็ยังได้หลอกให้คนอื่นไปทำโน่นนี่ และทำให้เสียชีวิตแบบต่างๆ นานา แถมยังพยายามจัดการกับคนป่วย และเด็กให้เสียชีวิตตามไปด้วย แต่เก็บสาวๆ ไว้ ด้วยเหตุผลใด ใครก็เดาออก
ต่อมา เขาพบว่า คนที่หลอกไปปล่อยที่เกาะ Seal ดันรอดชีวิต ไม่ตายสักที เขาจึงส่งคนไปฆ่า ส่วน Wiebbe Hayes และทหารคนอื่นก็ดันรอดอยู่ที่เกาะ High เช่นกัน Cornelisz จึงส่งลิ่วล้อไปฆ่าเช่นกัน แต่กลับทำไม่สำเร็จ เขาจึงออกเดินทางไปหา Hayes เพื่อหลอกให้เขาติดกับ แต่ Hayes ก็ไม่หลงกล และใช้อาวุธที่ทำขึ้นมาเอง เอาชนะ และจับตัว Cornelisz ไว้ได้
ในระหว่างนั้นเอง Pelsaert ที่ไปถึงเกาะ Batavia แล้วก็ได้ขอเอาเรือ Sardam มาช่วยเหลือลูกเรือที่รอดชีวิต และออกเดินทางจาก Batavia กลับมาที่เกาะ Beacon พอมาถึง เขาก็ได้เจอกับ Hayes และได้ยินเรื่องราวที่เกิดขึ้น จึงได้จับ Cornelisz และคนที่ร่วมมือกับเขามาสอบสวน
จริงๆ แล้วเขาควรจะจับคนที่เกี่ยวข้องกลับไป ให้ VOC ลงโทษ แต่เนื่องจากเรือมีพื้นที่ไม่พอที่จะเอาคนทั้งหมดกลับไป เขาจึงเลือกที่จะทำตัวเป็นศาลเตี้ยตัดสินลงโทษ Cornelisz และหลายๆ คนโดยการตัดมือ ก่อนที่จะแขวนคอคนเหล่านี้
ส่วนเขาเองได้สั่งให้ลูกเรือพยายามกอบกู้ทรัพย์สมบัติบนเรือ Batavia ให้ได้มากที่สุด เพื่อเอากลับไปยังเกาะ Batavia
ไปๆมาๆ มีคนรอดชีวิตได้กลับไปทั้งหมดเพียง 116 ชีวิต ส่วนคนอื่นเป็นร้อยชีวิตกลับถูก Cornelisz และพวกทำให้เสียชีวิตระหว่างรอรับการช่วยเหลือ
หากให้วิเคราะห์ว่าเกิดอะไรขึ้น เราคงเห็นกันว่า Cornelisz ได้เป็นผู้นำ ทั้งๆ ที่ไม่มีประสบการณ์ ไม่เก่ง และพยายามทำตัวว่าเก่ง พยายามกำจัดคนที่เก่งกว่าตัวเองออกไปเพื่อรักษาอำนาจ แทนที่จะพยายามทำให้คนอื่นรอดชีวิตไปด้วยกัน กลับเลือกกำจัดคนจำนวนมาก เพียงเพื่อต้องการเอาชีวิตตัวเองให้รอดได้นานที่สุด
องค์กรที่แย่ๆ ก็เป็นแบบนี้แหล่ะ เริ่มต้นจากผู้นำที่ไม่ดี ดันได้เป็นผู้นำทั้งๆ ที่ไม่ควรได้เป็น บริหารองค์กรจนย่ำแย่ ใครเก่ง ใครล้ำหน้าตัวเอง ก็แขวน ก็ลอยแพเขา พอแย่ก็ไล่ลูกน้องออก เพื่อลดต้นทุน
อย่าเป็นแบบนี้กันนะ
โฆษณา