19 พ.ย. เวลา 04:16 • ธุรกิจ

เปิดใจ “พิมพ์พิชา อุตสาหจิต” ทายาทรุ่น 3 ขายหัวเราะ “การ์ตูนเป็น Soft Power ที่ไปอยู่กับอะไรก็ได้”

ปี 2566 ที่ผ่านมา ท่ามกลางกระแสตื่นตัวกับคำว่า soft power ที่รัฐบาลนำมาใช้เป็นนโยบายสำคัญหนึ่งในการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจนั้น เป็นช่วงเวลาที่หนังสือ “ขายหัวเราะ” มีวาระครบ 50 ปี จึงมีกิจกรรมให้ย้อนรำลึกถึงอดีตอันรุ่งโรจน์ ขณะเดียวกัน ก็แสดงพลังของตัวคาแรกเตอร์ในตำนานกับบทบาทการขับเคลื่อนธุรกิจไปข้างหน้าผ่านการทำงานร่วมกับแบรนด์ต่าง ๆ
แม้ในความเป็นจริง ขายหัวเราะไม่ใช่หนังสือหัวแรกและหัวเดียวของเครือ ทว่าเป็นเล่มเด่นที่สร้างชื่อเสียง และมีความผูกพันกับผู้อ่านยาวนานที่สุด นี่จึงเป็นหน้าประวัติศาสตร์สำคัญของเครือวิธิตากรุ๊ป ซึ่งมีรากฐานมาจากธุรกิจสิ่งพิมพ์ ที่เคยรู้จักกันดีในนามสำนักพิมพ์บรรลือสาส์น เจ้าของหัวหนังสือการ์ตูนดังหลายเล่มที่สร้างความสุขแก่คนไทยด้วยอารมณ์ขันมานานหลายทศวรรษ
ถึงวันนี้การ์ตูนขายหัวเราะไม่ได้จำกัดเฉพาะบนสื่อกระดาษอีกต่อไป หากแต่เป็นคอนเทนต์บนหลายแพลตฟอร์ม และเป็นเพียง 1 ในหลายแบรนด์ที่ช่วยกันทำหน้าที่สร้างความสุขให้กับกลุ่มเป้าหมายแตกต่างกันไป
“คุณพ่อมองการณ์ไกลเห็นว่าการ์ตูนเป็น soft power ที่เล่าเรื่องและทำให้คนเกิดรู้สึกถึงเรื่องราวต่าง ๆ ได้มากมาย มันใช้ประโยชน์ได้มากกว่าแค่ความบันเทิง และแพลตฟอร์มที่รองรับไม่ควรอยู่ในเฉพาะสื่อสิ่งพิมพ์เท่านั้น“
นิว-พิมพ์พิชา อุตสาหจิต ทายาทรุ่น 3 บุตรสาวคนโตของ วิธิต อุตสาหจิต ทายาทรุ่น 2 ผู้ให้กำเนิดหนังสือขายหัวเราะ บอกกับ The Story Thailand ถึงแนวคิดของพ่อที่เป็นเสมือนเข็มทิศนำทางให้เธอในฐานะ Executive Director เครือวิธิตากรุ๊ป นำไปใช้กับการบริหารกิจการของครอบครัวจนขยายเติบใหญ่กลายเป็นเครือธุรกิจสื่อที่มีหลากหลาย business model บนหลายแพลตฟอร์ม
#TheStoryThailand #ขายหัวเราะ #พิมพ์พิชาอุตสาหจิต #เครือวิธิตากรุ๊ป #สำนักพิมพ์บรรลือสาส์น
โฆษณา