เมื่อวาน เวลา 03:30 • ธุรกิจ

DBS ธนาคารเบื้องหลัง การสร้างชาติของสิงคโปร์

หลายคนคงรู้ว่า สิงคโปร์กลายเป็นประเทศพัฒนาแล้ว เพราะระบบการศึกษา ที่สร้างบุคลากรที่มีคุณภาพ และวิสัยทัศน์การพัฒนาประเทศอย่างเป็นระบบ
แต่รู้ไหมว่า ยังมีหนึ่งฟันเฟืองชิ้นสำคัญ ที่อยู่เบื้องหลังของเรื่องนี้ด้วย นั่นคือ DBS Bank
ซึ่งปัจจุบันธนาคารแห่งนี้ มีมูลค่ากว่า 3 ล้านล้านบาท
ถือเป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีมูลค่ามากที่สุดของสิงคโปร์
และด้วยมูลค่าขนาดนี้ ก็มากกว่าทุกธนาคารของไทย รวมกันด้วย
DBS ช่วยสร้างสิงคโปร์ให้ยิ่งใหญ่ได้อย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
สิ่งสำคัญที่จะสร้างประเทศให้ยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้
นอกจากต้องลงทุนพัฒนาคนแล้ว ก็ต้องพัฒนาเศรษฐกิจ
ของประเทศไปพร้อมกัน
ซึ่งเรื่องคน สิงคโปร์สามารถลงทุนพัฒนาระบบการศึกษาในประเทศอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันเป็นที่ยอมรับกันทั่วโลกว่า สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีแรงงานทักษะสูง
แต่เรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจ ดูเป็นเรื่องยากอยู่ไม่น้อย
เพราะสิงคโปร์เป็นเพียงเกาะเล็ก ๆ แทบไม่มีทรัพยากรธรรมชาติอะไร ให้สามารถพัฒนาและส่งออกได้เลย
สิงคโปร์จึงตั้งคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจ (Economic Development Board) หรือ EDB ขึ้นมาในปี 1961 ด้วยเงินอัดฉีด 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
โดยมีเป้าหมายในช่วงแรกคือ การเปลี่ยนเศรษฐกิจให้มีความหลากหลาย และสนับสนุนอุตสาหกรรมการผลิตที่มีมูลค่าเพิ่มสูง
1
เริ่มจากอุตสาหกรรมที่ไม่ซับซ้อน แล้วค่อยพัฒนาไปสู่อุตสาหกรรมที่ซับซ้อนมากขึ้น
หนึ่งในโครงการที่ EDB นำเงินตรงนี้ไปใช้ นั่นคือ การพัฒนาเกาะจูรง ให้กลายเป็นเขตอุตสาหกรรมที่สำคัญ สำหรับโรงงานของต่างชาติ ที่เข้ามาลงทุนในสิงคโปร์
อย่างไรก็ตาม ด้วยภาระหน้าที่ของ EDB ที่ต้องดูแลหลายเรื่องมากเกินไป ไล่ตั้งแต่เรื่องการจัดสรรเงินทุนให้ธุรกิจในประเทศ การดูแลทิศทางพัฒนาเศรษฐกิจ คิดนโยบายดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ และอื่น ๆ อีกมากมาย
ทำให้เวลาต่อมา EDB จึงต้องแยกหน่วยงานออกไป เพื่อกระจายงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
1
Development Bank of Singapore หรือ DBS จึงได้เกิดขึ้นในปี 1968 เพื่อรับผิดชอบการจัดสรรเงินทุนให้กับอุตสาหกรรมในประเทศแทน EDB
โดยมีเงินทุนในการจัดตั้งธนาคาร 100 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์
ซึ่งเงินทุนครึ่งหนึ่งมาจากรัฐบาลสิงคโปร์
ส่วนอีกครึ่งหนึ่ง มาจากธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงินต่าง ๆ ในประเทศ รวมถึงจากคนทั่วไป
หลังจากได้ไฟเขียวจากรัฐบาลและเงินตั้งต้นแล้ว
DBS ก็ทำหน้าที่ในการให้สินเชื่อธุรกิจและโครงการ
ต่าง ๆ ในประเทศอย่างต่อเนื่อง
ตัวอย่างเช่น ศูนย์การค้า Plaza Singapura, คอนโดมิเนียมแห่งแรก Pandan Valley รวมไปถึงโครงการหลายแห่งบนเกาะจูรง ที่รัฐบาลต้องการให้เป็นเขตอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศ
ซึ่งหนึ่งในผลงานชิ้นโบแดง นั่นคือ การให้เงินกู้กับบริษัทกล้องของเยอรมนี อย่าง Rollei พร้อมเงื่อนไขให้บริษัท มาตั้งโรงงานผลิตบนเกาะจูรงของสิงคโปร์
1
กลายเป็นจุดเริ่มต้น ที่ทำให้เกาะจูรงเป็นเขตอุตสาหกรรมที่มีชื่อเสียง จนดึงดูดบริษัทต่างชาติเข้ามาตั้งโรงงานในสิงคโปร์มากขึ้น
ซึ่งปัจจุบัน เกาะจูรงกลายเป็นเขตอุตสาหกรรมครบวงจร
ที่มีทั้งอุตสาหกรรมปิโตรเคมี สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และฐานโลจิสติกส์ ที่เป็นหนึ่งในฮับสำคัญของโลก
และนอกจากให้สินเชื่อกับธุรกิจในประเทศแล้ว
DBS ยังเป็นเครื่องมือสำคัญให้คนสิงคโปร์สามารถเข้าถึง
บริการสินเชื่อกู้ซื้อบ้านและที่อยู่อาศัย
เมื่อมีทั้งระบบการเงินที่เอื้อกับการเติบโตของธุรกิจ
ระบบการศึกษาที่ดี และการพัฒนาประเทศที่ชัดเจน
ทำให้เศรษฐกิจของสิงคโปร์ติดปีกพุ่งทะยานไปไกลมากขึ้น..
และที่สำคัญ ยังเป็นการช่วยให้สิงคโปร์ ลดการพึ่งพาภาคอุตสาหกรรมแค่อย่างเดียว
เพราะได้เน้นธุรกิจบริการทางการเงินมากขึ้น เพื่อกระจายความเสี่ยงในการพัฒนาประเทศของตัวเอง
ซึ่งเรื่องนี้ ก็เป็นจิกซอว์ที่ทำให้สิงคโปร์ขึ้นมาเป็นศูนย์กลางทางการเงินอันดับต้น ๆ ของโลก
ส่วน DBS เอง ก็ไปไกลกว่าการเป็นเครื่องมือทางการเงินของประเทศ เพราะให้บริการไปมากกว่า 18 ประเทศทั่วโลก
โดยปี 2023 มีสัดส่วนรายได้มาจากสิงคโปร์ 66%
ส่วนที่เหลือมาจากฮ่องกง จีน อาเซียน และประเทศอื่น ๆ
ผลประกอบการช่วงที่ผ่านมา ของ DBS
- ปี 2022
รายได้ 428,300 ล้านบาท
กำไร 212,700 ล้านบาท
- ปี 2023
รายได้ 523,300 ล้านบาท
กำไร 261,200 ล้านบาท
ตอนนี้ DBS เป็นธนาคารที่มีมูลค่าบริษัทกว่า 3 ล้านล้านบาท ถือเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดของสิงคโปร์อีกด้วย
ถึงตรงนี้ ก็คงเห็นแล้วว่า DBS เป็นเครื่องมือทางการเงิน ที่สำคัญกับรัฐบาลสิงคโปร์มากแค่ไหน
เพราะถ้าไม่มีธนาคารแห่งนี้ ความฝันของสิงคโปร์ ที่จะเป็นประเทศพัฒนาแล้ว ก็อาจจะไม่มีทางเกิดขึ้นอย่างในวันนี้..
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติสิงค์โปร์ หรือ Temasek เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดของ DBS โดยถือหุ้นในสัดส่วน 29%
และปีที่แล้ว Temasek ได้รับเงินปันผลจาก DBS ไปราว 49,000 ล้านบาท..
โฆษณา