20 พ.ย. เวลา 12:00 • หนังสือ

เมื่อโชคชะตาทำงานกับชีวิตเด็ก 2 คน

หลังจากที่โชคชะตาทำงานกับชีวิตในช่วงแรกเกิดของเราทุกคนแล้วคนสองคนแล้วที่มีต้นทุนชีวิตที่แตกต่างกันจะเดินทางสู่การทำงานของโชคชะตาเรื่องต่อมาซึ่งสามารถต่อยอดกับการเกิดมาตามโชคชะตากำหนดของพวกเราก็คือเรื่องของ
“โอกาสในการศึกษา” ซึ่งเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ถือเป็นค่านิยมของคนในสังคมและเรานั้นต้องสูญเสียเวลาไปกับมันเป็นสิบๆ ปี เข้าสู่วงจรการศึกษาเพื่อแลกมาด้วยแต้มต่อของ
“โอกาส” ในการประสบความสำเร็จของชีวิต ที่แม้ว่าความสำเร็จในชีวิตของบางคน การศึกษาไม่ได้สำคัญกับเขามากเท่าไหร่เพราะด้วยความที่เขา “ขาดโอกาส” ในการเข้าสู่ชีวิตการศึกษาในสภาพแวดล้อมที่ดีทำให้เขาต้องเรียนรู้ด้วยตนเองที่จะประสบความสำเร็จตามเส้นทางที่โชคชะตากำหนดไว้ว่า เขาไม่จำเป็นต้องไปเสียเวลากับการแสวงหาการศึกษาและสังคมดีๆ รอบการศึกษา
ในขณะที่บางคนก็โชคดีเพราะโชคชะตากำหนดให้เขาเกิดมาเจอกับสิ่งที่เขาต้องการจะเป็นจนสามามารถประสบความสำเร็จได้ถูกเรื่อง ลงทุน ลงแรง ลงเงิน ไปกับเรื่องที่ตนเองเกิดมาเพื่อจะเป็นโดยไม่สูญเปล่าโดยที่การศึกษาไม่ได้มีส่วนเข้ามาเกี่ยวข้องใดๆ กับการประสบความสำเร็จของเขาเลย
แต่ถ้าหากเราไม่ได้เป็นคนที่โชคดีเกิดมาแล้วพบตัวเอง พบสิ่งที่ชอบ เจอกสิ่งที่ใช่ ในเวลาที่รวดเร็ว เจอสิ่งที่เกิดมาเพื่อจะเป็น ยังไงซะ “การศึกษา” ก็ถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่เราต้องควรจะมีเพื่อเรียนรู้สิ่งต่างๆ และนำมาเป็นแต้มต่อให้กับชีวิตได้ เนื่องจากในชีวิตการศึกษานั้นไม่ได้มีแค่ทฤษฏีแค่นั้นที่เราต้องเรียนรู้ตามตำราเพียงอย่างเดียว ยังมีเรื่องของสังคม Connection ทางสังคมที่เราจะได้รับมาเป็นแต้มต่ออีกอย่างในการประสบความสำเร็จของชีวิตอีกด้วย
ทำไมเด็กบางคนได้เรียนโรงเรียนดีๆ แต่ทำไมเด็กอีกคนไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะเข้าเรียนแม้จะเป็นเพียงโรงเรียนธรรมดาทั่วไปก็ตาม?
ถ้าเอาเรื่องโชคชะตามาอธิบายเราลองมองดูเรื่องโอกาสทางการศึกษาในปัจจุบันนี้กันดูครับ เด็กบางคนขยันเรียน เรียนเก่งมาก อดทน มานะพยายามทุกอย่างเพียงเพื่อที่จะส่งเสียตัวเองให้ได้มีโอกาสเข้าถึงการศึกษาแม้จะเป็นเพียงโรงเรียนทั่วไป ไม่ใช่โรงเรียนเด่นดัง มีชื่อเสียง เป็น International School ก็ตาม หากแต่บางครั้งโชคชะตามันไม่ได้สนใจในทุกสิ่งทุกอย่างที่เด็กคนนี้ทำมันเพียงแค่ทำงานของมันไปตามปกติ เด็กคนนี้จากที่พยายามและทำทุกอย่างเพื่อแค่ให้ตัวเองได้มีโอกาสได้เข้าสู่โอกาสทางการศึกษา
กลับกลายเป็นเด็กที่ต้องเจอกับสถานการณ์ที่ ไม่มีเงินเรียนต่อ ไม่มีเงินค่าเทอม ไม่มีแม้แต่เงินเพื่อใช้ประทังชีวิต บางครั้งต้องออกมาเรี่ยไรเงินเพื่อส่งเสียตัวเองเรียนเพราะหางานทำเพื่อส่งเสียตัวเองไม่ได้ ไม่มีงานให้ทำ ถ้าโชคดีมีคนสนับสนุนและให้ทุนการศึกษาก็ดีไป แต่ถ้าโชคไม่ดีไม่มีพื้นที่สื่อให้ความสนใจ ไม่มีใครช่วยเหลือบางคนก็อาจจะไม่ได้เข้าสู่ระบบการศึกษาและอาจจะทำให้ต้องออกจากระบบการศึกษาไปในที่สุด ส่วนจะไปเรียนรู้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งการเข้าสู่ระบบแล้วประสบความสำเร็จได้ไหม?
นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่าโชคชะตาขีดเขียนเส้นทางชีวิตของเขาไว้อย่างไร
ถ้าความพยายามอยู่เหนือโชคชะตา กรณีนี้ที่เกิดขึ้นกับเด็กคนนี้ คำถามคือ “เด็กพวกนี้ไม่ได้พยายามให้ตัวเองได้มีโอกาสเข้าสู่เส้นทางแห่งการศึกษาหรือเปล่า?” ผมเชื่อว่าทุกคนที่ได้เห็นปัญหานี้จากสภาพปัจจุบันคงตอบได้เต็มปากว่า “ไม่เลย” เด็กที่ขาดโอกาสเหล่านี้หลายคน อดทน และพยายามมากกว่าเด็กปกติทั่วไปด้วยซ้ำ เพราะรู้ว่าตัวเองต้องทำอะไรจึงจะได้โอกาสในการเข้ารับการศึกษาได้ เด็กพวกนี้พยายามในการหาเงินส่งตัวเองเรียน
บางคนยังส่งเสียตัวเองไม่พอยังต้องดูแล พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ในสภาพที่บางครั้งแม้แต่ที่อยู่อาศัยยังไม่มีด้วยซ้ำ สำหรับจุดนี้ที่เราเห็นไม่มีอะไรที่จะอธิบายได้เลยว่าทำไมจึงเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นกับเด็กดีคนหนึ่งที่พยายามมากขนาดนี้แต่ไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่ควรจะเป็นจากความพยายามของพวกเขา นอกเหนือจากคำว่า
“โชคชะตาช่างเล่นตลกกับเด็กเหล่านี้จริงๆ” ทั้งๆ ที่อยากเรียน เรียนเก่ง เป็นเด็กดี ไม่ได้เละเทะ เกเร สร้างความเดือดร้อนให้ใคร แต่ทำไมโชคชะตานำพาให้เขามาอยู่ในครอบครัวที่ยากจนล้นเหลือ เงินจะกินยังแทบจะไม่มี ที่อยู่อาศัยก็เหมือนจะไม่ใช่บ้านที่คนทั่วไปมีกัน การเข้าสู่การศึกษาจึงเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้หรือเป็นไปได้ยากจริงๆ สำหรับพวกเขา
ถ้าเราใช้ความพยายามไปโทษเด็กพวกนี้ว่า “พ่อแม่ของพวกเขายังพยายามในการหาเงินส่งเสียให้พวกเขาได้รับการศึกษาไม่มากพอ หรือ เด็กยังคงพยายามไม่มากพอในการหาเงินส่งเสียตัวเองเรียน” เราคงต้องเข้าใจก่อนว่าการเกิดมาจนชนิดที่แทบไม่มีจะกินมันก็ว่าแย่แล้ว ในขณะที่พ่อ แม่ ต้องลำบากหากเงินมากินมาใช้กับเรื่องที่จำเป็นก่อน จะมีปัญญาที่ไหนหาเงินให้ลูกเข้าสู่ระบบการศึกษา
แม้บางคนจะได้ผลของความพยายามนี้ในทางที่ดี ทำให้เด็กบางคนสามารถเข้าสู่ระบบการศึกษาได้ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยภาพที่พ่อแม่ต้องไปกู้หนี้ยืมสิน เอาของใช้ทรัพย์สินไปเข้าโรงรับจำนำ เพื่อมาจ่ายค่าหนังสือ ค่าเทอม ค่าชุดนักเรียน ฯลฯ ให้ลูกได้เข้าสู่ระบบการศึกษา ยอมเป็นหนี้เป็นสิน เพราะพยายามมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ก็ไม่เห็นทางออกของปัญหาทางไหนเลยที่จะช่วยได้ สุดท้ายก็ต้องทำในสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมด
ถ้าแบบนี้การขาดโอกาสทางการศึกษาที่เกิดขึ้นกับเด็กคนนี้ เรายังจะโทษว่าพวกเขาไม่พยายามได้ลงคอเหรอครับ? บางทีโชคชะตาต่างหากที่มันทำงานไปตามหน้าที่แต่ดันส่งผลเลวร้ายต่อชีวิตคนๆ หนึ่งตั้งแต่แรกเกิด ในบางอารมณ์ของคนหมดหวัง ท้อแท้ ไม่รู้ว่าจะหันหน้าไปทางไหน? ไม่รู้จะโทษใคร? อารมณ์อึดอัดเหล่านี้ถ้าจะหาใครสักคนมาระบายเพื่อให้สิ่งเหล่านี้มันทำให้เราสบายใจขึ้น ลองโทษ “โชคชะตา” กันดูบ้างก็ได้นะครับ ไม่ต้องไปปลอบใจตัวเองตามชุดความคิดที่ปลูกฝังกันมาว่า
“โชคชะตาไม่เกี่ยวกับความล้มเหลวนี้แต่เป็นเพราะเรายังพยายามไม่มากพอ” เพราะถ้าเราทำมันเต็มที่จนถึงที่สุดแล้ว มันไม่ทำให้อะไรดีขึ้นมา การลองโทษโชคชะตาบ้างก็ได้นะครับ โทษมัน ด่ามัน ว่ามัน ให้หายอึดอัดและสบายใจ แล้วพอรู้สึกดีขึ้น สบายใจขึ้น เราค่อยๆ ประคองสติ คิดทบทวนต่อไปว่าจะเอายังไง? จะเดินหน้ายังไง? จะสู้ยังไง? ให้ความทุกข์ใจมันออกไปจากหัวใจและความคิดเราก่อนเพราะธรรมชาติของมนุษย์จะรู้สึกดีที่หาที่ระบายกับอะไรก็ตามที่ทำให้ตัวเองผิดหวังและไม่ได้ดั่งใจ
แม้ในจุดนี้เหมือนเรายอมรับในโชคชะตาไปแล้วว่ามันเป็นคนทำให้ชีวิตเราเป็นแบบนี้ แต่ก็อย่าไปยอมแพ้มันครับ สู้ต่อไปเพราะในความเป็นโชคชะตาที่มองไม่เห็นและเอาแน่เอานอนไม่ได้ รู้ว่ามันจะทำอะไรกับชีวิตเราล่วงหน้าไม่ได้ เราไม่มีทางรู้เลยว่าอนาคตข้างหน้าบางทีโชคชะตามันอาจจะกำลังทำงานของมันโดยการดึงดูดให้เราเดินเข้าสู่หนทางแห่งความสำเร็จมาให้เราก็ได้ โดยที่เราไม่รู้ตัว เพียงแต่ตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลาที่เป็นของเราก็เท่านั้นเอง
เด็กบางคนโชคดี เกิดมาในครอบครัวที่ดี อุดมไปด้วยทรัพย์สินเงินทอง ชื่อเสียง อำนาจ วาสนา บารมี มีคนนับหน้าถือตาตั้งแต่เล็กแต่น้อย มีแต่คนพร้อมจะให้ความช่วยเหลือและส่งเสริมโดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลย พ่อแม่มีเงินเหลือกินเหลือใช้ เด็กคนนี้ย่อมการันตีได้เลยว่าจะมีโอกาในการได้รับการศึกษาได้มากที่สุดเท่าที่เขาจะร่ำเรียนได้แบบไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายใดๆ เลย และยังคงรวมถึงโอกาสได้เข้าสู่วงสังคมต่อยอดในการสร้างโอกาสและความสำเร็จให้กับชีวิตด้วยการได้เลือกเรียนในสถาบันการศึกษาที่ดีที่สุดได้
เช่น โรงเรียนเอกชน โรงเรียนนานาชาติ มหาวิทยาลัยเอกชน หรือแม้แต่เดินทางไปเรียนต่างประเทศทีมีระบบการศึกษาที่ดีกว่าได้ โดยไม่ต้อง กังวลเรื่องค่าใช้จ่าย การใช้ชีวิต สิ่งอำนวยความสะดวก เพราะทุกอย่างมีพร้อมแล้ว ในบางครั้งการได้เข้าไปร่ำเรียนยังสถาบันการศึกษาดังกล่าวยังต่อยอดในการสร้างความรู้จักกันในวงสังคมของเพื่อนที่มีฐานะใกล้เคียงกัน ต่อยอดไปยังการสร้างความมั่งคั่งและโอกาสดีต่างๆ ในชีวิตได้ต่อไปอีก
นี่คือเรื่องของโชคชะตาด้านการศึกษาที่ผมลองเอามาเทียบให้ดูถึงความแตกต่างระหว่างเด็ก 2 คนนี้โดยที่เราจะเห็นถึงการทำงานของโชคชะตาที่กำหนดเส้นทางการเกิดมาของเด็กสองคนได้อย่างชัดเจน ซึ่งเด็กสองคนนี้ไม่มีสิทธิเลือก ไม่มีสิทธิในการหวังผลของความพยายามที่จะไปเกิดในครอบครัวที่ดีกว่าได้ เพราะตนเองไม่มีสิทธิตรงนี้ทำได้แค่เกิดมาในที่ๆ ถูกกำหนดไว้เท่านั้น ทำให้สิ่งที่เด็กสองคนได้รับนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงอย่างชนิดที่ไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้เลย
โฆษณา