20 พ.ย. เวลา 05:03 • ธุรกิจ

ศึกษาเส้นทาง เปลี่ยนอุตสาหกรรมอะลูมิเนียมไทย ให้คาร์บอนต่ำ สู่ Net Zero ทำได้อย่างไร

วิกฤตการณ์สภาพภูมิอากาศโลกที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ กำลังส่งผลกระทบต่อทุกชีวิตบนโลกใบนี้ หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่เร่งให้เกิดภาวะโลกร้อนคือการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกระบวนการผลิตอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ใช้พลังงานสูงอย่างอุตสาหกรรมโลหะ การผลิตอะลูมิเนียมซึ่งเป็นโลหะที่มีน้ำหนักเบาและแข็งแรง ทำให้เป็นที่ต้องการอย่างมากในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ทั่วโลก แต่กระบวนการผลิตอะลูมิเนียมกลับปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในปริมาณมหาศาล ส่งผลกระทบต่อสภาพอากาศอย่างรุนแรง
การรีไซเคิลอะลูมิเนียม จึงกลายเป็นหนึ่งในทางเลือกที่น่าสนใจในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากกระบวนการรีไซเคิลอะลูมิเนียมใช้พลังงานน้อยกว่าการผลิตอะลูมิเนียมจากแร่ธาตุถึง 95% ทำให้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีนัยสำคัญ
บทความนี้จะพาไปศึกษาเส้นทางการเปลี่ยนอุตสาหกรรมอะลูมิเนียมไทย ให้คาร์บอนต่ำ สู่ Net Zero ว่าสามารถทำได้อย่างไร เพื่อทำความเข้าใจถึงความสำคัญของการรีไซเคิลอะลูมิเนียม และบทบาทของอะลูมิเนียมรีไซเคิลในเปลี่ยนผ่าน (Transition) ธุรกิจสู่ความยั่งยืน (Sustainability)
อุตสาหกรรมอะลูมิเนียมทั่วโลกและไทย ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่าไหร่
ปัจจุบันอุตสาหกรรมอะลูมิเนียมทั่วโลก มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกรวมประมาณ 1.1-1.2 พันล้านตัน CO2e ต่อปี คิดเป็น 2% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดของโลก ส่วนใหญ่มาจากประเทศจีนประมาณ 60% ของการผลิตทั่วโลก ซึ่งทั่วโลกก็ได้มีการตั้งเป้าลดลงให้เหลือ 0.9-1.0 พันล้านตัน CO2e ภายในปี 2024 นี้
ขณะที่ประเทศไทย มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากอุตสาหกรรมอะลูมิเนียมประมาณ 3-4 ล้านตัน CO2e ต่อปี คิดเป็นประมาณ 0.3% ของการปล่อยทั่วโลกในภาคอุตสาหกรรมนี้ และตั้งเป้าจะลดลงเหลือ 2.8-3.2 ล้านตัน CO2e ให้ได้ภายในปี 2024
ทั้งนี้ อุตสาหกรรมอะลูมิเนียมของไทย กำลังเผชิญกับความท้าทายที่ซับซ้อนสองด้านพร้อมกัน ด้านแรกคือ การแข่งขันที่รุนแรงจากการนำเข้าอะลูมิเนียมราคาถูกจากจีน ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตในประเทศและกดดันราคาในตลาด ด้านที่สองคือ ปัญหาการขาดแคลนเศษอะลูมิเนียมที่ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิต
เนื่องจากมีการส่งออกเศษอะลูมิเนียมไปยังประเทศเพื่อนบ้านในปริมาณมาก ทำให้ต้องพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งส่งผลต่อต้นทุนการผลิตและความสามารถในการแข่งขัน
ปัจจัยเหล่านี้ ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอะลูมิเนียมไทยอย่างมาก ไม่เพียงแต่ทำให้การผลิตหดตัวลง แต่ยังส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chian) และเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ การแก้ไขปัญหานี้ จำเป็นต้องมีการบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางในการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม ส่งเสริมการรีไซเคิล และเจรจาการค้ากับประเทศคู่ค้า เพื่อสร้างความยั่งยืน (Sustainability) ให้กับอุตสาหกรรมอะลูมิเนียมของไทยในระยะยาว
อะลูมิเนียมสร้างมลพิษสูง แต่การรีไซเคิลแก้ปัญหาได้
รู้หรือไม่? การผลิตอะลูมิเนียม 1 ตันปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากกว่าการผลิตเหล็กถึง 4 เท่า และมากกว่าไม้จริงถึง 100 เท่า ทำให้เป็นหนึ่งในตัวการสำคัญของภาวะโลกร้อน และถูกกำหนดเป็นสินค้าเป้าหมายในการควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในหลายประเทศ
อย่างไรก็ตาม การรีไซเคิลอะลูมิเนียม สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 95% เมื่อเทียบกับการผลิตใหม่ ทำให้เป็นทางออกที่น่าสนใจเพื่อตอบสนองความต้องการอะลูมิเนียมที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก พร้อมกันไปกับการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสอดคล้องกับเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ของหลายประเทศ
ผลกระทบจาก CBAM ต่ออุตสาหกรรมอะลูมิเนียม โอกาสของอะลูมิเนียมรีไซเคิล
มาตรการ CBAM ของสหภาพยุโรปที่กำลังจะบังคับใช้ คาดว่าจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอะลูมิเนียมอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ผลิตอะลูมิเนียมถลุงใหม่ (Primary Aluminium) ที่มีคาร์บอนฟุตพริ้นท์สูงกว่าอะลูมิเนียมรีไซเคิล (Secondary Aluminium) ถึง 4 เท่า
อะลูมิเนียมถลุงใหม่ เมื่อส่งออกไปยังยุโรป จะต้องแบกรับภาระค่าคาร์บอนที่สูงขึ้นอย่างมาก เนื่องจากกระบวนการผลิตที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกจำนวนมาก ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นและความสามารถในการแข่งขันลดลง
ในทางตรงกันข้าม อะลูมิเนียมรีไซเคิล ซึ่งมีกระบวนการผลิตที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่ามาก จะได้รับผลกระทบน้อยกว่า และอาจมีโอกาสในการขยายตลาดในยุโรปมากขึ้น เนื่องจากสามารถแข่งขันด้านราคาได้ดีกว่า และสอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของสหภาพยุโรป
สรุปแล้ว มาตรการ CBAM จะเป็นตัวเร่งให้ผู้ผลิตอะลูมิเนียมทั่วโลกหันมาให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และส่งเสริมการใช้อะลูมิเนียมรีไซเคิลมากขึ้น ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ในระยะยาว
วิธีการวัดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในกระบวนการผลิตอะลูมิเนียมตามมาตรฐาน EU
สำหรับการคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์จะพิจารณาจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ ดังนี้
1. การได้มาซึ่งวัตถุดิบ
- การทำเหมืองแร่บอกไซต์
- การถลุงอะลูมิเนียม
- การขนส่งวัตถุดิบ
2. กระบวนการผลิต
- การหลอมและขึ้นรูปอะลูมิเนียม
- การกลึงและทำเกลียว
- การชุบผิว/เคลือบผิว
- พลังงานที่ใช้ในการผลิต
- ของเสียที่เกิดขึ้น
3. การบรรจุภัณฑ์และการขนส่ง
- วัสดุบรรจุภัณฑ์
- การขนส่งสินค้าสำเร็จรูป
4. การใช้งานและกำจัด
- อายุการใช้งาน
- การรีไซเคิล
ทั้งนี้ การคำนวณจะใช้หน่วย kgCO2e (กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า) โดยแต่ละขั้นตอนจะมีค่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่แตกต่างกัน ซึ่งจะต้องวัดและบันทึกตามมาตรฐาน เช่น ISO 14067
มาตรการ CBAM โอกาสและความท้าทายของอุตสาหกรรมอะลูมิเนียมรีไซเคิลไทย
มาตรการ CBAM ของสหภาพยุโรปที่กำลังจะบังคับใช้ ส่งผลให้ผู้ผลิตอะลูมิเนียมรีไซเคิล ซึ่งมีคาร์บอนฟุตพริ้นท์ต่ำกว่าอะลูมิเนียมถลุงใหม่ถึง 4 เท่า มีข้อได้เปรียบในการแข่งขันอย่างมาก เนื่องจากเสียค่าภาษีคาร์บอนน้อยกว่ามาก ทำให้มีความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้น และตอบโจทย์ความต้องการของตลาดที่หันมาให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าไทยจะส่งออกอะลูมิเนียมไปยังยุโรปในปริมาณน้อย แต่การที่สหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นตลาดส่งออกที่สำคัญของไทยกำลังเตรียมบังคับใช้มาตรการ CBAM เช่นกัน ทำให้ผู้ผลิตอะลูมิเนียมไทยต้องเผชิญกับความท้าทายในการปรับตัว เพื่อลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกที่ให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากขึ้น
สรุป มาตรการ CBAM เป็นทั้งโอกาสและความท้าทายสำหรับอุตสาหกรรมอะลูมิเนียมไทย ผู้ผลิตที่สามารถปรับตัวและผลิตอะลูมิเนียมรีไซเคิลที่มีคุณภาพสูงและราคาแข่งขันได้ จะสามารถคว้าโอกาสในการขยายตลาดในต่างประเทศ และสร้างความยั่งยืน (Sustainability) ให้กับธุรกิจในระยะยาว
แนวโน้มอุตสาหกรรมอะลูมิเนียมรีไซเคิลไทยในอนาคต
แม้ปัจจุบัน ไทยจะมีความได้เปรียบในการผลิตอะลูมิเนียมรีไซเคิล แต่ในอนาคตที่ความต้องการอะลูมิเนียมคาร์บอนต่ำทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้น ประเทศคู่แข่งก็จะเร่งพัฒนาเทคโนโลยีการรีไซเคิลเช่นกัน ดังนั้น เพื่อรักษาความเป็นผู้นำ ไทยจำเป็นต้องเร่งพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานการแยกเศษโลหะและเทคโนโลยีการรีไซเคิล ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มคุณภาพของอะลูมิเนียมรีไซเคิล
นอกจากนี้ การพัฒนาภาคพลังงานสะอาดควบคู่กัน จะช่วยลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของกระบวนการผลิต ทำให้ผลิตภัณฑ์อะลูมิเนียมรีไซเคิลของไทยมีความโดดเด่นและแข่งขันได้ในตลาดโลก ตัวอย่างเช่น การนำเทคโนโลยีเซนเซอร์ X-ray มาใช้ในการแยกเศษโลหะ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพของอะลูมิเนียมรีไซเคิลได้อย่างมีนัยสำคัญ
การปรับตัวของ SME อะลูมิเนียมไทย ในยุคคาร์บอนต่ำ
ขณะนี้ ธุรกิจอะลูมิเนียมไทยกำลังเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ จากนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำทั่วโลก โดยเฉพาะมาตรการ CBAM ของสหภาพยุโรปที่บังคับให้ผู้ผลิตสินค้าต้องรับผิดชอบค่าคาร์บอนที่ปล่อยออกมา
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการอะลูมิเนียมไทยสามารถเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสได้ ด้วยการลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสำคัญที่ลูกค้าให้ความสนใจในปัจจุบัน การได้รับการรับรองมาตรฐานคาร์บอนฟุตพริ้นท์ เช่น TGO จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผลิตภัณฑ์และเปิดโอกาสทางการตลาดใหม่ ๆ โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
โดยอะลูมิเนียมรีไซเคิล ถือเป็นผลิตภัณฑ์ดาวรุ่งที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของตลาดในยุคปัจจุบันได้เป็นอย่างดี เนื่องจากมีคาร์บอนฟุตพริ้นท์ต่ำกว่าอะลูมิเนียมที่ผลิตจากแร่ดิบ ทำให้มีราคาแข่งขันและเป็นที่ต้องการของตลาดโลก
เพื่อให้ธุรกิจอะลูมิเนียมไทยสามารถเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว SME ควรเริ่มต้นเตรียมความพร้อมด้วยวิธีการดังต่อนี้
• วัดและจัดการคาร์บอนฟุตพริ้นท์ ใช้เครื่องมือและแพลตฟอร์มที่เหมาะสมในการคำนวณและลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
• ขอรับรองมาตรฐาน เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผลิตภัณฑ์และองค์กร
• พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น อะลูมิเนียมรีไซเคิล
• ปรับปรุงกระบวนการผลิต เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดการใช้พลังงาน
ธุรกิจทุกประเภท ควรตระหนักถึงผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และปรับตัวให้สอดคล้องกับนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดมากขึ้น การลงทุนในเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่ตอบสนองความต้องการของตลาด จะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจในระยะยาว
[ดูรายชื่อผลิตภัณฑ์อะลูมิเนียมที่ได้รับการรับรอง CFP จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (TGO) ได้ที่นี่ https://thaicarbonlabel.tgo.or.th/index.php?lang=TH&mod=Y0hKdlpIVmpkSE5mWVhCd2NtOTJZV3c9&keyword=%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A1&ref=blog.carbonwize.io
ยกตัวอย่าง ผู้ประกอบการ SME ด้านอลูมิเนียมที่ปรับได้เป็นอย่างดี อย่างเช่น บริษัท เมทเทิลคอม จำกัด เป็นผู้ประกอบการรายแรก ๆ ของประเทศไทย ที่บุกเบิกการรีไซเคิลอะลูมิเนียม จนก้าวสู่ผู้นำในอุตสาหกรรมการผลิตอะลูมิเนียมคุณภาพมาตรฐานสากลระดับโลก พร้อมทั้งมุ่งพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อสร้างความยั่งยืน ควบคู่การเติบโตของธุรกิจ
สำหรับ เมทเทิลคอม ให้ความสำคัญเรื่องมาตรการ CBAM และ คาร์บอนเครดิต ซึ่งการลดคาร์บอนได้ทำมาตั้งแต่เริ่มทำโรงงานใหม่ ๆ โดยปรึกษากับบริษัทขายเครื่องจักร ได้รับคำแนะนำให้ใช้ระบบ Dust Collector เพื่อบำบัดดักควันที่เกิดจากกระบวนการหลอม เพราะต้องการเน้นย้ำเรื่องความยั่งยืน (Sustainability)
ทั้งนี้ เมื่อ 10 กว่าปีก่อน ธุรกิจนี้ Raw material คือการนำขยะมาสร้างเป็น Product ใหม่ ทำให้ไม่มีของเสีย (Waste) เพราะของเสียคือวัตถุดิบของบริษัท ความร้อนที่ออกจากกระบวนการหลอม จะนำกลับมาทำเป็นพลังงานใหม่ โดยใช้ระบบ Regenerative Burners รวมถึงควันดำที่เกิดจากการเผาไหม้ ก็ถูกดูดกลับมาเป็นพลังงานแล้วใช้ต่อ
ผู้บริหารเมทเทิลคอม ได้กล่าวว่า “ทั่วโลกพูดเรื่องโลกร้อน ลดคาร์บอน Green Industry มาตั้งนานแล้ว จึงมองว่า ถ้าวันหนึ่งประเทศเราพัฒนาขึ้น เรื่องสิ่งแวดล้อมจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้าอะไรที่ทำแล้วไม่กระทบต้นทุนมาก และดีต่อโลกในวันนี้และอนาคต ผมจะทำ”
ผู้สนใจสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://bangkokbanksme.com/en/sustainability-carbon-credit
อุตสาหกรรมอะลูมิเนียมไทย ผู้นำในการรองรับมาตรการ CBAM
อุตสาหกรรมอะลูมิเนียมไทย ได้สร้างความสำเร็จครั้งสำคัญ ด้วยการเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมแรกในประเทศไทยที่สามารถจัดทำฐานข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อรองรับมาตรการ CBAM ของสหภาพยุโรปได้สำเร็จ การดำเนินงานร่วมกับเอ็มเทคในการจัดทำค่ากลางของผลิตภัณฑ์อะลูมิเนียมตามกรอบ CBAM ครอบคลุมผู้ประกอบการในหลากหลายกลุ่ม เช่น กลุ่มอุตสาหกรรมหล่อบิลเล็ต, กลุ่มอุตสาหกรรมอะลูมิเนียมหน้าตัด และกลุ่มอุตสาหกรรมอะลูมิเนียมแผ่นม้วน ทำให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าใจรายละเอียดของกระบวนการผลิตและปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างชัดเจน
ความสำเร็จนี้ไม่ได้ส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมอะลูมิเนียมเพียงอย่างเดียว แต่ยังส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าที่ต้องการอะลูมิเนียมเป็นส่วนประกอบสำคัญ การที่อุตสาหกรรมอะลูมิเนียมไทยสามารถผ่านมาตรการ CBAM ได้ จะช่วยให้ซัพพลายเชนของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยมีความแข็งแกร่งมากขึ้น และสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การเตรียมความพร้อมรับมือกับมาตรการ CBAM ไม่เพียงแต่เป็นการปฏิบัติตามกฎระเบียบสากล แต่ยังเป็นการสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ให้กับอุตสาหกรรมอะลูมิเนียมไทยอีกด้วย การมีข้อมูลเกี่ยวกับคาร์บอนฟุตพริ้นท์ที่ชัดเจน จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมได้อย่างตรงจุด
อะลูมิเนียมสีเขียวของไทยลดก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 60%
ไทยเม็ททอล อลูมิเนียม เป็นตัวอย่างของความสำเร็จในการเป็นบริษัทแรกในประเทศไทย ที่ได้รับการรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์องค์กร (CFO) และคาร์บอนฟุตพริ้นท์ผลิตภัณฑ์ (CFP) โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ "Thai Metal Green Billet" ที่ผลิตจากกระบวนการหลอมวัตถุดิบเองและใช้พลังงานหมุนเวียน ทำให้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 60% เมื่อเทียบกับกระบวนการผลิตแบบเดิม นอกจากนี้ บริษัทยังมีระบบจัดการขยะที่ครบวงจร ช่วยลดปริมาณขยะและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
ความสำเร็จของไทยเม็ททอล อลูมิเนียม สะท้อนให้เห็นถึงความพร้อมของอุตสาหกรรมอะลูมิเนียมไทยในการปรับตัวเข้าสู่ยุคของเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ และสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้มาตรการ CBAM ของสหภาพยุโรปที่กำหนดให้ผู้ผลิตต้องรายงานข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
การลงทุนในเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการปรับปรุงกระบวนการผลิตของไทยเม็ททอล อลูมิเนียม ไม่เพียงแต่ช่วยลดต้นทุนการผลิตในระยะยาว แต่ยังสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับบริษัท และเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับภาคอุตสาหกรรมอื่น ๆ ในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำในการผลิตอะลูมิเนียมสีเขียวในประเทศไทย การได้รับการรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์เป็นเครื่องยืนยันถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และเป็นการเปิดโอกาสให้ไทยสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมอะลูมิเนียมไทยให้เป็นคาร์บอนต่ำ สู่ Net Zero เป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาและความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน การเริ่มต้นจากการวัดและรายงานคาร์บอนฟุตพริ้นท์ การปรับปรุงกระบวนการผลิต และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งหมดนี้ คือกุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จในระยะยาว
อ้างอิง
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)
สถาบันเทคโนโลยีและสารสนเทศเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (TIIS) ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (MTEC)
โฆษณา