20 พ.ย. เวลา 10:17 • คริปโทเคอร์เรนซี

5 ความเปลี่ยนแปลงในตลาดคริปโทฯ ที่อาจเกิดขึ้นในยุคประธานาธิบดี Trump

ตั้งแต่ Donald Trump ได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตลาดคริปโทเคอร์เรนซี (cryptocurrency) ก็ดูจะคึกคักเป็นพิเศษ โดยนักวิเคราะห์จาก JPMorgan ได้คาดการณ์ความเปลี่ยนแปลงหลัก 6 อย่างเกี่ยวข้องกับตลาดคริปโทที่อาจเกิดขึ้นในช่วง 4 ปีที่ Trump เป็นประธานาธิบดี ซึ่งมีแนวโน้มหนุนราคาคริปโทฯ อย่างมากในระยะถัดไป
1.กฎหมายเกี่ยวกับคริปโทฯ จะถูกเร่งให้มีผลเร็วขึ้น
เช่นกฎหมาย Financial Innovation and Technology for the 21st Century Act (FIT21) หรือ Clarity for Payment Stablecoins Act of 2023 ที่ถูกร่างขึ้นมาเพื่อกำหนดบทบาทและความรับผิดชอบของ Commodity Futures Trading Commission (CFTC) และ Securities and Exchange Commission (SEC หรือ ก.ล.ต.สหรัฐฯ)
กำหนดโครงสร้างของ stablecoin (เหรียญคริปโทที่มีความมั่นคง เอาไว้เป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซีอื่น) และจำกัดจำนวนเหรียญคริปโทฯ ที่ถูกสร้างและสนับสนุนโดยรัฐบาล เพื่อประโยชน์ของภาคเอกชน ซึ่งกฎหมายเหล่านี้มีแนวโน้มถูกเร่งให้ผ่านการพิจารณาเร็วขึ้น
2.เกิดความร่วมมือระหว่างองค์กรในการกำกับดูแลคริปโทฯ มากขึ้น
นักวิเคราะห์จาก JPMorgan มองว่า ก.ล.ต.สหรัฐฯ จะปรับบทบาทจากการควบคุมดูแลแพลทฟอร์มซื้อขายคริปโทฯ เป็นการขอความร่วมมือจากแพลตฟอร์มเหล่านี้มากขึ้น และการฟ้องร้องระหว่าง ก.ล.ต.สหรัฐฯ กับ แพลตฟอร์มเหล่านี้ เช่น Coinbase ที่เกิดขึ้น ก็อาจมีน้อยลงด้วย เปิดโอกาสให้บริษัทมากมาย เช่น Robinhood (HOOD) หรือ Uniswap
3.ข้อจำกัดของสถาบันการเงินถูกลดลง
รัฐบาลของ Trump มีแนวโน้มสูงที่จะยกเลิกกฎหมาย SAB 121 ที่กำหนดให้ผู้ดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลบันทึกคริปโทฯ เป็นหนี้สินในงบดุล และนี่จะช่วยให้สถาบันการเงินสามารถมีส่วนร่วมในการดูแลคริปโทฯ มากขึ้น นอกจากนี้การเปลี่ยนผู้นำในบรรษัทคุ้มครองเงินฝากของสหรัฐฯ (FDIC) ก็มีโอกาสทำให้ธนาคารมีบทบาทที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้นด้วย
4.มีการลงทุนมากขึ้น
นโยบายเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลที่ชัดเจนขึ้นมีโอกาสกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในกลุ่มสตาร์ทอัพ การเสนอขายหุ้นครั้งแรกของบริษัทให้กับสาธารณะชน (IPO) และการควบรวมกิจการ (M&A) มากขึ้น จากโอกาสใหม่มากมายที่จะเกิดขึ้นในตลาดคริปโทฯ
5.มี ETF สำหรับคริปโทฯ สกุลอื่นๆ มากขึ้น นอกเหนือจาก Bitcoin (BTC)
โดย JPMorgan มองว่าจะมีกองทุนรวมคริปโทฯ สกุลใหม่ๆ ที่ถูกยอมรับโดย ก.ล.ต.สหรัฐฯ มากขึ้น เช่น กองทุน XRP หรือ Solana (SOL) ซึ่งจะช่วยหนุนราคาคริปโทฯ สกุลเหล่านี้ในอนาคต อย่างไรก็ตาม ยังมีความเสี่ยงจากความล่าช้าในการร่างกฎหมายให้คริปโทฯ สกุลเหล่านี้นับเป็นหลักทรัพย์
จากความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นทั้งหมดนี้ ก็ถือเป็นข่าวดีสำหรับตลาดคริปโทฯ โดยราคาเป้าหมายของคริปโทฯ จากหลากหลายสำนักในปี 2568 ได้ถูกปรับขึ้นให้สอดคล้องกับมุมมองที่ดีในอนาคต ยกตัวอย่างเช่น แพลตฟอร์ม CoinDCX ที่มองราคาเป้าหมายของ SOL ในปี 2568 อยู่ที่ระหว่าง 380 - 450 ดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วน AMBcrypto มองราคาเป้าหมายของ XRP อยู่ที่ 2.24 - 2.69 ดอลลาร์ หรือ VanEck ที่ให้ราคาเป้าหมาย BTC ที่ 180,000 ดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม JPMorgan ได้เตือนนักลงทุนว่า มุมมองนี้ยังมีความเสี่ยงจากความล่าช้าของกระบวนการทางกฎหมายและการต่อต้านทางการเมืองในสหรัฐฯ ซึ่งนักลงทุนต้องคอยจับตาดูอย่างใกล้ชิด
โฆษณา