Lamborghini ต้องขอยอมแพ้
เมื่อ Ferrari เตรียมมุก "อาวุธลับ" สำหรับงานมหกรรมการแข่งรถ ลาสเวกัส กรังด์ปรีซ์ ( Las Vegas Grand Prix )
Las Vegas Grand Prix เป็นงานแข่งรถที่เป็นส่วนหนึ่งของการ แข่งขันชิงแชมป์โลกฟอร์มูล่าวัน ซึ่งจัดขึ้นที่ เมืองพาราไดส์ รัฐเนวาดา ประเทศสหรัฐอเมริกา
โดยจะจัดเป็นการแข่งขันตอนกลางคืนในสนามแข่งชั่วคราวบนถนน ซึ่งรวมถึงบางส่วนของ ลาสเวกัส เวกัสสตริป
และครั้งนี้ Mercedes ก็ขอเข้าร่วม เอฟไอเอเวิลด์เอนดูแรนซ์แชมเปี้ยนชิพ (The FIA World Endurance Championship(WEC)) ใน 2025 นี้ด้วย
ผู้เชี่ยวชาญของ RacingNews365 เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ Ferrari ได้ออกแบบแบบการจำลองทางคณิตศาสตร์ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำหรับการอัพเกรดล่าสุดของทีม
อย่างที่เราทราบกันดีว่าในระหว่างการแข่งขันตอนกลางคืนในลาสเวกัส
ดังนั้น ความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดที่รถ F1 ที่ต้องเผชิญคืออุณหภูมิที่ต่ำในตอนกลางคืน ดังนั้น Ferrari จึงทำงานวิจัยจำนวนมากมาย
สำหรับเครื่องจำลองแบบไดนามิกและ CFD
RN365 เฟอร์รารีเตรียม 'อาวุธลับ' สำหรับ Las Vegas Grand Prix
ด้วยการใช้ข้อมูลที่รวบรวมเมื่อฤดูกาลที่แล้วในเนวาดา
ฤดูกาลนี้ วิศวกรสามารถปรับปรุงแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ของการถ่ายเทความร้อนผ่านพื้นผิวของยางได้อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งอาจแตกต่างกันไปโดยขึ้นอยู่กับสารประกอบที่ใช้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิภายในที่คอมปาวน์ของยางแต่ละชนิดที่ต้องเผชิญ
ในท้ายที่สุดจะกำหนดช่วงประสิทธิภาพสูงสุดและการยึดเกาะทางกลที่ยางสามารถผลิตได้
ซึ่งกำหนดโดยแบบจำลองที่ไม่เพียงแต่คำนวณการกระจายโหลดตามหลักอากาศพลศาสตร์บนยางเท่านั้น
และนอกจากนี้ ยังปรับพารามิเตอร์ตามมุมที่เป็นลักษณะเฉพาะของยาง โดยเฉพาะแคมเบอร์ (CAMBER) กันเลยทีเดียวนะครับ
แบบจำลองทางคณิตศาสตร์นี้สามารถจำลองสภาพเฉพาะของมุมแคมเบอร์ของล้อยาง
ซึ่งทำให้ Ferrari สามารถแก้ไขปัญหาแอโรไดนามิกที่ต้องเผชิญในการแข่งขัน Spanish Grand Prix ได้
ท้ายที่สุด แม้ว่าแบบจำลองจะซับซ้อนมาก (การใช้งานแต่ละครั้งต้องใช้การแก้ระบบสมการไม่เชิงเส้นด้วยพารามิเตอร์ที่แตกต่างกันประมาณ 20 แบบ) แต่ก็ช่วยให้ Scuderia Ferrari เข้าใจสภาพเฉพาะของยาง
ไม่เพียงแต่แบบรอบต่อรอบเท่านั้น แต่ เป็นแบบตักต่อรอบด้วย
การทำความร้อนของยางส่งผลต่อประสิทธิภาพและยุทธวิธี
เพราะการทำความร้อนของยางส่งผลต่อประสิทธิภาพและยุทธวิธี ดังนั้นการหยุดพักในสองจุดคือ ตัวเลือกที่ดีที่สุด
และในสุดสัปดาห์นี้ F1 จะมาเยือนลาสเวกัสเป็นครั้งที่ 4 ในประวัติศาสตร์ โดยลาสเวกัสเคยเป็นเจ้าภาพมาแล้วถึง 3 ครั้ง
กล่าวคือ ในปี 1981, 1982 และ 2023
ก่อนที่รถจะเข้าสู่ Las Vegas Strip จะมียางทั้งสามเส้นที่ให้แต่ละทีมเลือก นั่นคือ 3 ยางที่นิ่มที่สุดของฤดูกาล ได้แก่ C3 ซึ่งเป็นยาง(แข็งสุด)ที่มีเครื่องหมายสีขาว
C4 ซึ่งเป็นยางที่อ่อนขนาดกลางๆที่มีเครื่องหมายสีเหลือง และ C5 ยางแบบอ่อนที่มีเครื่องหมายสีแดง
การทำความร้อนของยางส่งผลต่อประสิทธิภาพและยุทธวิธี
หลังจากการแข่งที่ ไมอามีและออสติน การแข่งที่ลาสเวกัส ก็คือการแข่งขัน F1 ครั้งที่ 3 ที่จัดขึ้นในสหรัฐอเมริกาในฤดูกาลปีนี้
ที่สนามแข่งในลาสเวกัส สนามแข่งนี้มีความยาวรอบเดียว 6.201 กิโลเมตร และเป็นอันดับสองรองจาก Belgian Spa-Francorchamps
ในปฏิทินปีนี้ นักแข่งจะต้องยอมรับการทดสอบที่ 17 มุมและการเร่งความเร็วเต็มอัตราในการแข่งขัน 50 รอบ
และแม้กระทั่งในการแข่งขัน คันเร่งเต็มสูบเหยีบยาวเกือบ 1.2 กิโลเมตร ก่อนถึงโค้ง 14 ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ความเร็วสูงสุดของรถพุ่งแตะไปที่ 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
เช่นเดียวกับปีที่แล้ว
เกมสุดสัปดาห์นี้จะเริ่มต้นในวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่น
โดยการแข่งขันหลักจะจัดขึ้นในคืนวันเสาร์ เพื่อนๆอาจได้เห็นมาแล้วในปีที่แล้วว่านักแข่งต้องแข่งขันในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิต่ำ
เมื่ออุณหภูมิอากาศ(ในท้องถิ่น)อยู่ที่ประมาณ 10°C ในเดือนพฤศจิกายน ฉากนี้คาดว่าจะดำเนินต่อไปแบบเดิมๆในปีนี้
ในแง่ของการทดสอบยาง แน่นอนว่า การระวังในเรื่องความร้อนเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกในสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการระวังในเรื่องความร้อนที่ล้อหน้า
ซึ่งจะส่งผลอย่างมากต่อประสิทธิภาพของนักแข่งในรอบคัดเลือก
มีการจัดวางทางตรงยาวหลายจุด และพื้นที่เบรก(หนัก)จะช่วยเตือนผู้ขับขี่ว่าเมื่อยางถูกล็อค(แล้ว) พวกเขาอาจต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมาก ฮาาาาา
นอกจากนี้ สภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิต่ำสามารถนำไปสู่การเกิดเม็ดยางได้ง่าย(เมื่อพื้นผิวด้านนอกร้อนกว่าด้านในของยาง จะทำให้ยางด้านนอกเกิดการโค้งงอ แตกออก และติดอยู่บนพื้นผิวยาง)
และจะไม่สามารถให้การยึดเกาะที่เหมาะสมที่สุดได้
เมื่อคำนึงถึงปัจจัยข้างต้น นักวิจัยจึงแนะนำให้แต่ละทีมใช้กลยุทธ์การหยุดเข้าพิตแบบสองจุดในระหว่างการแข่งขัน
ซึ่งก็น่าจะเป็นเช่นนั้น เช่นเดียวกันกลยุทธ์หลักในการแข่งขันของปีที่แล้วเป๊ะๆ
แน่นอนว่า ผู้ขับขี่สามารถเพิ่มอุณหภูมิของยางให้อยู่ในระยะการทำงานโดยเร็วที่สุดและรักษาความเร็วที่เหมาะสมไว้ได้
แต่ก็ไม่อาจมองข้าม ในการที่เกิดเหตุในขณะที่อาจเกิดขึ้น ในขณะที่กำลังจะหยุดรถได้ ตรงที่มักจะเจอปัญหาเรื่องความร้อน(จากเบรค)ได้ง่าย(ในลาสเวกัส)
คาดว่าพลังของกลยุทธ์การหยุดพักในแต่ล่ะจุด คงจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าในการขยายเวลาการใช้งานของชุดยางให้มากที่สุด
อย่างไรก็ตาม อย่าลืมว่าในการแข่งขันบนท้องถนน แม้แต่ รถเซฟตี้คาร์ หรือแม้แต่รถธงแดงเอง อาจส่งผลต่อเส้นทางการแข่งขันของผู้ขับโดยไม่ได้ตั้งใจ
รถเซฟตี้คาร์คันดังกล่าวเคยถูกนำไปมาใช้สองครั้งในการแข่งขันเมื่อปีที่แล้ว และคันหนึ่งที่ขับอยู่ระหว่างกลางการแข่งขันก็(ดัน)ส่งผลต่อจังหวะการเข้าพิทของนักแข่งหลายคนซะงั้น...
และ Las Vegas Grand Prix ในปีนี้เป็นการแข่งขันครั้งที่ 79 ของ F1 ที่จัดขึ้นในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ปี 1950
ทำให้สหรัฐอเมริกามีการแข่งขันแบบนี้มากเป็นอันดับ 2 รองจากเยอรมนีและสหราชอาณาจักร
และในประวัติศาสตร์ของการแข่งขันครั้งก่อนๆ ในสหรัฐอเมริกา แฮมิลตันและเวอร์สแทปเพน
ต่างกลายเป็นนักแข่งที่มีผลงานดีที่สุดด้วยการชนะถึง 6 ครั้ง
และชัยชนะล่าสุด ใน U.S. Grand Prix ทำให้ Ferrari เป็นทีม F1 ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในสหรัฐอเมริกาด้วยสถิติชนะ 14 ครั้ง
และผมขอตบท้าย ด้วยข้อมูลสนามแข่งในลาสเวกัส (ยิ่งคะแนนสูง ราคาคูณในข้อกำหนดด้านนี้ก็จะยิ่งสูงขึ้น) ได้แก่
การยึดเกาะ: 2 คะแนน
การยึดเกาะของยางมะตอย: 1 คะแนน
ระดับการสึกหรอของยางมะตอย: 2 คะแนน
ระดับรอบของสนามแข่ง: 5 คะแนน
แรงดันลมยาง: 4 จุด+เบรก: 3 คะแนน
แรงกดด้านข้าง: 2 จุด
แรงกด(เลือก): 1 จุด
ขีดจำกัดแรงดันลมยางขั้นต่ำสำหรับยางแห้ง:
ล้อหน้า: 28.0psi
ล้อหลัง: 262.0psi
ขีดจำกัดการเอียงยางสูงสุด:
ล้อหน้า: -3.00°
ล้อหลัง: -1.75°
ส่วนในการแข่งขันอีกสนาม(ที่ผมรอคอย)...
Mercedes จะเข้าร่วม WEC ในปี 2568
นั่นคือ สนามในการแข่งขัน WEC World Endurance Championship ในปี 2025
Mercedes-AMG จะเข้าร่วมในทีม Iron Lynx และครั้งนี้ โดยทีม Mercedes-AMG จะใช้รถ LMGT3 ที่เคยใช้ในการแข่งขัน Le Mans 24h Endurance ในปี 1999
ส่วน Lamborghini จะขอสละที่นั่งในการเหยียบครั้งนี้...เนื่องจาก(ผิด)กฎของ WEC
- 7
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
