21 พ.ย. เวลา 02:20

ไหว้พระไม่ถูกพระ

ขอโหนกระแส "คนตื่นธรรม" กับเขามั่ง
พุทธศาสนาเป็นศาสนาประเภท “อเทวนิยม” นั่นก็คือการไม่ให้ความสำคัญกับเทวดาหรือพระเจ้า แต่จะให้ความสำคัญกับการบำบัดจิตด้วยตนเอง
ซึ่งผลจากการกระทำดังกล่าวจะทำให้จิตมีพลัง มีสติรู้เท่าทันทุกข์-สุข ไม่หลงไปกับความเศร้าหมอง (ใจแฟบ) หรือยินดี (ใจฟู) สิ่งนี้จะเป็นสารตั้งต้นของภาวะนิพพาน ดังนั้นผู้ที่ปฏิบัติจนถึงภาวะนี้แล้วจะเข้าสู่นิพพานในขณะนั้นทันที ไม่ต้องรอไปถึงชาติหน้าหรือชาติไหน
ในปัจจุบันชาวพุทธในประเทศไทยส่วนใหญ่ได้เปลี่ยนคติของพุทธศาสนาจาก “อเทวนิยม” เป็น “เทวนิยม” ไปแล้ว นั่นคือเปลี่ยนจากการปฏิบัติเป็นการร้องขอความช่วยเหลือจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มองไม่เห็นแทน
ชาวพุทธบางส่วนที่เอาพระเครื่องมาคล้องคอ หรือไปไหว้พระพุทธรูปกลับไม่นึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า ทั้ง ๆ ที่พระเครื่องหรือพระพุทธรูปนั้นเมื่อเริ่มแรกมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของพระศาสดาและสืบทอดพระศาสนา แต่กลับไปติดอยู่ที่พระพุทธรูปหรือพระเครื่อง แล้วตั้งชื่อท่านขึ้นมาว่าหลวงพ่อนั่น หลวงพ่อนี่ มองว่าท่านเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีความขลัง
จนทำให้ชาวพุทธที่กราบไหว้ทองเหลืองหรือปูนปั้นเพื่อความศักดิ์สิทธิ์ กลายเป็นคนอ่อนแอทางจิต ไม่รู้จักช่วยตัวเอง ไม่รู้จักพึ่งพาตัวเอง แต่กลายเป็นเด็กที่วิงวอนขอร้อง ขอหวย บนบานศาลกล่าว เอาโขนละครไปแสดงให้พระพุทธรูปดู เข้าใจว่าหลวงพ่อชอบ บางคนเอาไข่ต้ม ดอกไม้ ปะทัด ว่าวไปแก้บน
จากปรากฏการณ์ดังกล่าวสามารถกล่าวได้ว่าชาวพุทธได้หนีจากพระพุทธเจ้าไปแล้ว กลายเป็นคนติดอยู่ในรูป ทำให้จิตก็ไม่ก้าวหน้าในการปฏิบัติ ไม่คิดที่จะช่วยตนเอง แต่คิดจะไปพึ่งความศักดิ์สิทธิ์ซึ่งไม่ใช่จุดมุ่งหมายของพระพุทธศาสนา
ขอบูชาคุณ ท่านปัญญานันทภิกขุ
ธรรมทาน
โฆษณา