เมื่อวาน เวลา 07:44 • ธุรกิจ

ไทย เป็นจุดหมายลงทุน Data Center ของ Google-Microsoft แล้ว SME ไทยได้ประโยชน์อย่างไร?

ไทยเนื้อหอมไม่เบา บิ๊กเทคระดับโลกอย่าง Google เพิ่งประกาศลงทุนในไทย 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 3.6 หมื่นล้านบาท เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา หลังจากการเดินทางเยือนไทยของ “นางรูท โพรัธ” (Ruth Porat) ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการลงทุนของ Alphabet และ Google ซึ่งได้เข้าเยี่ยมคารวะ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
การลงทุนโครงการดังกล่าว มีเป้าหมายสร้าง Data Center และ Cloud Region ในประเทศไทย ซึ่งคาดว่าจะช่วยสร้างงานกว่า 14,000 ตำแหน่ง ในช่วงปี 2568 - 2572 และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจประมาณ 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ140,000 ล้านบาทภายในปี 2572
ซึ่งนอกเหนือไปจาก google ที่ประกาศโครงการลงทุนนี้แล้ว จากข้อมูลสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ยังพบว่า ปัจจุบันอนุมัติส่งเสริมการลงทุนจัดตั้ง Data Center 37 โครงการ มูลค่าเงิน ลงทุน 98,539 ล้านบาท ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ ชลบุรี และระยอง
โดยมีบริษัทชั้นนำระดับโลกได้เข้ามาลงทุนจัดตั้ง Data Center ในประเทศไทยแล้วหลายราย อาทิ ก่อนหน้านี้ Amazon Web Service (AWS) ที่ประกาศลงทุน Data Center ในไทยกว่า 2 แสนล้านบาท ภายในปี 2580 มีกำหนดว่าในเฟสแรก ได้ลงทุนสร้าง Data Center แล้ว 3 แห่ง เงินลงทุนกว่า 25,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมีโครงการ NextDC จากออสเตรเลีย ลงทุน 13,700 ล้านบาท STT GDC จากสิงคโปร์ ลงทุน 4,500 ล้านบาท Evolution Data Center จากสิงคโปร์ ลงทุน 4,000 ล้านบาท Supernap (Switch) จากสหรัฐอเมริกา ลงทุน 3,000 ล้านบาท Telehouse จากญี่ปุ่น ลงทุน 2,700 ล้านบาท One Asia จากฮ่องกง ลงทุน 2,000 ล้านบาท
ขณะที่ธุรกิจการให้บริการคลาวด์ (Cloud Service) มีบริษัทชั้นนำที่ได้รับการส่งเสริม การลงทุนจากบีโอไอ เช่น Alibaba Cloud ลงทุนกว่า 4,000 ล้านบาท และ Huawei Technologies ลงทุนกว่า 3,000 ล้านบาท
และไม่เพียงบริษัทชั้นนำจากต่างประเทศเท่านั้น แต่ยังมีผู้ประกอบการไทยที่มีศักยภาพสูงอีกหลายรายที่ลงทุนในธุรกิจ Data Center และ Cloud Service ด้วย เช่น บริษัท ทรูอินเทอร์เน็ต ดาต้า เซ็นเตอร์ บริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทย และบริษัท GSA ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่าง Gulf, Singtel และ AIS เป็นต้น
เหตุผลสำคัญที่บิ๊กเทค ตัดสินใจเลือกไทยเป็นฐานที่มั่นในการลงทุน Data Center มากจากความปลอดภัยของไทยซึ่งอยู่ในโลเคชั่นที่เสี่ยงต่อภัยธรรมชาติน้อยกว่าบางพื้นที่ และที่สำคัญไทยยังเป็นแหล่งผลิตพลังงานไฟฟ้า ซึ่งเป็นหัวใจของการพัฒนา Data Center ไทยตอบโจทย์ทั้งเรื่องปริมาณ และราคาค่าไฟ และยังได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากภาครัฐอย่างมาก
ปูพรมในอาเซียน
อย่างไรก็ตาม การลงทุน Data Center ไม่เพียงแต่จะบูมในประเทศไทยเท่านั้น แต่หากสำรวจข้อมูลการลงทุนประเทศอื่น ๆ ในอาเซียนในปี 2567 นี้จะพบว่า บิ๊กเทคโลกได้ประกาศการลงทุนรวมกว่า 1 ล้านล้านบาทแล้ว อาทิ Microsoft ลงทุน 1.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 6.2 หมื่นล้านบาท ในอินโดนีเซียเป็นเวลา 4 ปี เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคลาวด์และ AI ด้าน AWS ประกาศลงทุนใน AWS Asia Pacific (Bangkok) Region ส่วน Google ประกาศลงทุน 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 7.3 หมื่นล้านบาท เพื่อสร้าง Data Centerแห่งแรกในมาเลเซีย
“Data Center” (ดาต้าเซ็นเตอร์) คืออะไร?
คำถามคือ “Data Center” คืออะไร และผู้ประกอบการ 'คนตัวเล็ก' หรือ SME จะมีโอกาสใช้ประโยชน์จากโครงการเหล่านี้หรือไม่อย่างไร
ก่อนอื่นต้องทำความรู้จัก “Data Center” เสียก่อนว่า “ศูนย์ข้อมูล” ของบิ๊กเทคเหล่านี้ หมายถึงพื้นที่ที่มีระบบคอมพิวเตอร์สำหรับการจัดเก็บและถ่ายโอนข้อมูล ระบบต่าง ๆ นั้น รวมถึงการจัดเก็บข้อมูล อุปกรณ์ด้านไอที และโครงสร้างเครือข่าย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่จะมาช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงานและทำธุรกิจยุคใหม่
ซึ่งเกือบทุกกิจกรรมที่เกิดขึ้นบนโลกออนไลน์นั้นเกิดขึ้นใน Data Center บางครั้งอาจจะได้ยินผู้คนพูดว่า สำรองข้อมูล "ในคลาวด์" ซึ่งเป็นคำทั่วไปที่ใช้พูดถึง Data Center “ก้อนเมฆบางเบา” และล่องลอยอยู่ทั่วไปในอากาศ แต่ก็ต้องมีโครงสร้างพื้นฐานรองรับจริงจัง
ความต้องการ Data Center เพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในอนาคต ปัจจัยสำคัญที่มีส่วนเสริมให้ Data Center เติบโต ก็มาจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่มีการใช้เวลาบนออนไลน์มากขึ้น หลังการแพร่ระบาดของโควิด 19 ทำให้ทุกคนต้องทำงานจากบ้าน (Work From Home)
และใช้บริการช็อปปิ้งสินค้าออนไลน์ นั่นจึงเสริมส่งให้ คนไทยมีบัญชีการใช้งานโซเชียลมีเดีย 49.1 ล้านบัญชี ในปี 2024 เพิ่มขึ้น 1 ล้านบัญชีจากปี 2023 และคำนวณเวลาในแต่ละวันไปกับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเฉลี่ยราว 2.31 ชั่วโมงต่อวันเลยทีเดียว
ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2564-2566) ขนาด Data Center ต่อจำนวนประชากรในไทยเติบโตไปแล้วกว่า 54% และไทยอยู่อันดับ 3 ของอาเซียน พร้อมคาดว่า ในช่วงปี 2567-2570 การลงทุน Data Center ของไทยจะมีมูลค่ามากกว่า 7.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 1.1% ของ GDP แต่ยังเป็นรองมาเลเซีย
โดยตลาดบริการ Data Center ไทย น่าจะเติบโตเฉลี่ยกว่า 31.2% ต่อปี ซึ่งอัตราการเติบโตระดับนี้บ่งชี้ถึงโอกาสที่เป็นไปได้สำหรับนักลงทุนที่จะเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ความต้องการ “Data Center” ในประเทศไทยเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
การเติบโตของอุตสาหกรรมนี้ยังได้รับแรงหนุนจากรัฐบาลไทยที่สนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะ 5G อย่างเต็มที่ ทั้งยังมีการกำหนดให้พัฒนาอุตสาหกรรมใหม่ New S Curve อย่าง อุตสาหกรรม AI sinv หุ่นยนต์ที่กำลังเติบโตอย่างมาก เทคโนโลยีการจัดการข้อมูลจำนวนมาก อย่าง Edge Computing และ Internet of Things (IoT) ทำให้เกิด BIG DATA มหาศาล ที่จำเป็นต้องอาศัยพื้นที่ Data Center มากขึ้น
ธุรกิจต้องพึ่งพา “Data Center”
ส่วนประโยชน์ที่แน่นอนจากการลงทุน “Data Center” นี้ ไม่เพียงจะดึงดูดเม็ดเงินจากต่างประเทศขนาดมหึมาเข้ามาช่วยขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจไทยเท่านั้น แต่การเข้ามาของบิ๊กเทคต่างชาติยังจะช่วยส่งเสริมธุรกิจไทย ส่งเสริมให้การเกิดการพัฒนานวัตกร รวมถึงบุคลากรที่มีทักษะด้านดิจิทัล ซึ่งเป็นทรัพยากรที่จำเป็นที่สุดในการช่วยสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจยุคใหม่ เพื่อปูทางไปสู่อนาคต
โดยเมื่อวิเคราะห์โครงการลงทุนขนาดใหญ่ของ Google จะนำมาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางเทคนิคระดับโลก เรียกกว่าลงทุน 36,000 ล้านบาท แต่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ถึง 1.4 แสนล้านบาท ในปี 2572 นำมาสู่การสร้างงานสร้างอาชีพโดยเฉลี่ย 14,000 ตำแหน่งต่อปี ตั้งแต่ปี 2568-2572 (อ้างอิงข้อมูลจากการศึกษาของดีลอยท์ Deloitte)
เป็นโอกาสของเอสเอ็มอีในการเติบโตด้วยเทคโนโลยี เพราะที่สำคัญโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์และศูนย์ข้อมูลของ Google ในกรุงเทพฯ และชลบุรีจะช่วยรองรับความต้องการการใช้งาน Google Cloud และนวัตกรรม AI อีกทั้งบริการต่าง ๆ ของ Google ที่จะเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะ Google Search, Google Maps และ Google Workspace เป็นต้น
ส่วนประโยชน์จาก Cloud Region ซึ่งเป็นการรวบรวมทรัพยากรการประมวลผลและการจัดเก็บข้อมูลโดยมีการเชื่อมต่อเครือข่ายประสิทธิภาพสูงระหว่างกัน แม้ว่าฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และการดำเนินการจะคล้ายคลึงกับศูนย์ข้อมูล แต่ Cloud Region จะให้บริการ Google Cloud เฉพาะสำหรับองค์กรทุกขนาดรวมถึง SME ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างไปสู่ระบบดิจิทัล
เพราะก่อนหน้านี้ได้มีการประกาศของ Google Cloud เมื่อปี 2565 ที่วางแผนจะเปิดตัว Cloud Region ในประเทศไทย เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐ ธุรกิจขนาดเล็ก สตาร์ตอัป ไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ใช้ประโยชน์จากทรัพยากร Al/ML (Machine Learning) และการประมวลผลแบบออนดีมานด์ได้ง่ายและเร็วขึ้น ซึ่งจะช่วยทำให้บริการมีประสิทธิภาพสูงและมีความหน่วงต่ำ รวมถึงมอบเครื่องมือในการควบคุมหลัก ๆ แก่ลูกค้า เพื่อดูแลเรื่องความปลอดภัยสูงสุด
ทำไมจึงจำเป็นต้องใช้ “Data Center”
เหตุผลสำคัญที่ต้องมองถึงการใช้ประโยชน์จาก Data Center เพราะในโลกอนาคต Data Center จะมีบทบาทสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะบริษัทไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็กจำเป็นต้องพึ่งพาระบบคอมพิวเตอร์ขับเคลื่อนการทำงาน รวมถึงต้อง เข้าถึงข้อมูลจำนวนมาก (Big Data) ซึ่งหากบริหารจัดการได้ไม่ดี อาจจะประสบปัญหาระบบ หรืออาจจะบานปลายไปถึงความปลอดภัยของข้อมูล ที่เสี่ยงต่อการถูกแฮ็กได้
ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทยเมื่อต้นปี 2567 ระบุว่า ธุรกิจที่มีแนวโน้มใช้บริการ Data Center ส่วนใหญ่คือองค์กรที่จำเป็นต้องใช้ข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อการวิจัยและพัฒนาสินค้าและบริการ (R&D) หรือต้องการข้อมูลแบบ Real-time หรือต้องการความปลอดภัยทางข้อมูลสูง เช่น
1.อุตสาหกรรมการแพทย์ ที่กำลังพัฒนาไปสู่ยุค Personalized Products และการแพทย์แม่นยำ เพื่อตอบโจทย์การดูแลสุขภาพและรักษาโรคที่แตกต่างกันไปในแต่ละคน
2.ธุรกิจ e-Commerce ที่ประเมินสินค้าที่ผู้บริโภคต้องการซื้อโดยการอ้างอิงจากประวัติการซื้อในเดือนก่อนหน้า
3. อุตสาหกรรมยานยนต์ ที่กำลังพัฒนาสู่ยานยนต์ขับเคลื่อนอัจฉริยะ
และ 4. ธุรกิจการเงิน ที่ต้องเก็บข้อมูลธุรกรรมทางการเงินเป็นจำนวนมาก และต้องการความปลอดภัยสูง รวมถึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินให้ตอบโจทย์ผู้ใช้บริการมากขึ้น เป็นต้น
เห็นได้ว่าประโยชน์ของการมี Data Center ที่ได้มาตรฐาน จะช่วยให้ธุรกิจมีระบบการทำงานที่มีประสิทธิภาพ สร้างสรรค์นวัตกรรมจากข้อมูลที่มีอยู่ รวมถึงเร่งกระบวนการเปลี่ยนแปลงการทำงานให้เป็นดิจิทัลได้เร็วขึ้น ส่งเสริมให้ธุรกิจเติบโตและแข่งขันได้ท่ามกลางเศรษฐกิจโลก แต่สิ่งสำคัญ ต้องคิดว่าจะทำอย่างไร? ให้แรงงานปรับตัวพัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยีเพื่อคว้าโอกาส ต่อยอดธุรกิจจากประโยชน์ของ Data Center ให้ได้
โฆษณา