21 พ.ย. เวลา 10:21 • กีฬา

อโมริมผู้จัดการทีมที่จะเข้ามาเขย่าขวัญแฟนบอลลิเวอร์พูล?(ตอนที่ 3 สุดท้าย)

ระหว่างตัวเลือกทั้งหมดในการแต่งตั้งผู้จัดการทีมคนใหม่ ก่อนที่จะแต่งตั้งอโมริม (ย้อนไปตั้งแต่ช่วงที่อังกฤษยังไม่แต่งตั้งโธมัส ทูเคิล) สังเกตตามโพลต่างๆ ใน x แฟนผีอยากได้ทูเคิลมากที่สุด
ในมุมมองของเด็กหงส์ก็ย่อมจะคาดหวังให้แมนฯ ยูไนเต็ดได้ตัวเลือกที่แย่ที่สุด ในความรู้สึกของผมกับเพื่อนหลายคน ช่วงเวลานั้นแกเร็ธ เซาท์เกตเป็นตัวเลือกแบบนั้น!
ถ้าแมนฯ ยูไนเต็ดได้เซาท์เกตคงต้องบรรยายว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร แม้ว่าเขามีประสบการณ์ในการคุมมิดเดิลสโบรห์ และพาทีมชาติอังกฤษประสบความสำเร็จมากที่สุดในรอบหลายปี กับการได้รองแชมป์ยูโรสองสมัย แต่สไตล์ฟุตบอล การตัดสินใจต่างๆ มักจะถูกวิจารณ์อยู่เสมอ
เซาท์เกตเป็นแฟนแมนฯ ยูไนเต็ด และสนิทสนมกับผู้บริหารชุดนี้ของแมนฯ ยูไนเต็ด แต่ถ้าเทียบกับทูเคิล รายหลังอันตรายสำหรับแฟนบอลคู่แข่งมากกว่า ความรู้ด้านแท็กติก การปรับทีม การพาทีมชิงแชมเปียนส์ลีกสองครั้งได้แชมป์มา 1 ครั้ง ทูเคิลดูน่ากลัวกว่า
 
อย่างไรก็ตามไม่ว่าตัวเลือกไหน ดูจะไม่ได้น่ากังวลในระยะยาวเลย โดยเฉพาะรายของทูเคิลที่มักจะอยู่กับทีมไหนได้ไม่นาน และมีประวัติความขัดแย้งกับสโมสรแทบทุกสโมสรจบไม่ค่อยสวย
ผู้บริหารแมนฯ ยูไนเต็ดยังมีตัวเลือกอย่างการใช้รุด ฟาน นิสเตลรอย แต่ทุกคนเกรงกลัวว่าจะซ้ำรอย โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ อันนี้ความเห็นในมุมเด็กหงส์ตัวเลือกนี้น่ากลัว ตรงที่รุดมีความคุ้นเคยกับแมนฯ ยูไนเต็ด เป็นเด็กเก่า และอยู่กับทีมชุดนี้มาพอสมควร มีโอกาสที่จะสานต่อผลงานทีมกลับมาได้เร็ว
แต่สุดท้ายแมนฯ ยูไนเต็ดเลือกอโมริม ซึ่งมีความเสี่ยง และน่าสนใจมากๆ ในเวลาเดียวกัน ดังนั้นการไม่เลือกตัวเลือกอื่นๆ ก็ไม่จำเป็นต้องพูดถึง เพราะผมไม่อยากจะงอกตอนเพิ่ม!
อโมริมถูกเลือกเข้ามาในโปรเจ็กต์คล้ายๆ กับเอริค เทน ฮาก เอาเรื่องเวลาต้องบอกว่าบางคนชื่นชมบอร์ดบริหารว่าตัดสินใจได้เร็ว แต่ในอีกทางก็ช้าในเวลาเดียวกัน
แมนฯ ยูไนเต็ดเสียหายไปไม่น้อยกับการให้เทน ฮาก คุมทีมช่วงพรีซีซั่น บางทีเขาอาจจะควรไปตั้งแต่เกมแพ้ต่อลิเวอร์พูล และสเปอร์สแบบหมดสภาพ และทำให้มีช่วงที่เสียเวลาไปใช่เหตุ แถมปล่อยให้เทน ฮากซื้อตัวในช่วงซัมเมอร์ไม่น้อย อาจจะมีผลต่อการคุมทีมของโค้ชใหม่ในระยะยาว
 
ส่วนตัวผมมองว่าช้าไป โดยเฉพาะกับการที่สปอร์ติ้ง ลิสบอนต้องเสียเวลายื่นเรื่องกับตลาดหลักทรัพย์ และทำให้แมนฯ ยูไนเต็ดอยู่ในจุดกลับตัวสู่การลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกปีนี้ยากแล้ว แต่สำหรับการติดท็อป 4 กับ 4 แต้มในตอนนี้ก็ไม่ได้ไกลเกินไป
ลองถ้าปลดเทน ฮาก ไวกว่านี้ บางทีอโมริมที่เคยสร้างอภินิหารตอนคุมบราก้ากลางฤดูกาล หรือปีแรกได้แชมป์กับลิสบอนเลย มันอาจจะน่ากลัวกว่านี้ โอเค ในทางทฤษฎีแม้แต่ตอนนี้พวกเขายังมีลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก แต่ในทางปฏิบัติมันแทบเป็นไปไมได้แล้ว
หมายความว่าอย่างน้อยแมนฯ ยูไนเต็ด และลิเวอร์พูลการแข่งขันของทั้งสองทีมจะอยู่คนละหยุด ใช่ ที่เรายังมีโอกาสเจอกันในลีกอีกครั้ง และอาจจะในเอฟเอ คัพ
แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นฤดูกาลนี้แฟนหงส์แดงยังมีแต้มต่ออยู่เยอะกับสิทธิ์ในการบลัฟคู่แข่งตลอดกาล โดยเฉพาะสกอร์ในยุคที่เทน ฮากสร้างไว้
การเป็นเป้าหมายที่พลาดตัวไป แน่นอนว่าเราอยากจะเห็นว่าโชคดีแล้วที่ไม่ได้ตัว เหมือนกับข่าวไม่กี่วันมานี้ว่าคล็อปป์เคยมองแอนโทนี (หรือจะอันโตนีตามแบบโปรตุกีส)เป็นตัวแทนซาลาห์เมื่อ 2 ปีก่อน แต่ขอบคุณที่แมนฯ ยูไนเต็ดมาตัดหน้าไป!
 
ในอดีตเราอาจจะพลาดนักเตะบางคน อย่างกรณีไม่นานมานี้อย่างไกเซโด้ หรือลาเวีย แต่เอาจริงๆ แล้วมันพิสูจน์แค่ในระยะเวลาอันสั้น แต่อนาคตเราไม่รู้เช่นกันว่ามันอาจจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง แอนโทนีอาจจะทำได้ดีในยุคอโมริมก็ได้
หรือสมมติว่าแอนโทนีย์ทำงานกับคล็อปป์ฝีเท้าเขาอาจจะพัฒนาไปไกลกว่าสองสามปีที่ผ่านมา
แต่แน่นอนว่าเด็กหงส์อยากจะได้สิทธิ์พูดเช่นกันในอนาคตว่า โชคดีแล้วที่ตอนนั้นไม่ได้อโมริม...
และนั่นแหล่ะเป็นที่มาของหัวเรื่องที่ผมได้จั่วไว้ตั้งแต่ต้น หากอโมริมทำผลงานได้ดีมันอันตรายมากสำหรับเด็กหงส์ เมื่อมันจะย้อนมาเล่นงานช่วงเวลาตัดสินใจเลือกผู้จัดการทีมคนใหม่ของลิเวอร์พูลก่อนซัมเมอร์ที่ผ่านมา
ใช่ ถึงเวลานี้อาร์เน่อ สล็อตทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ตราบใดที่ยังไม่จบฤดูกาลพร้อมกับถ้วยรางวัล หรือระดับแชมป์พรีเมียร์ลีก (แม้ตอนแรกหลายคนหวังแค่รักษาพื้นที่ท็อป 4) มันก็พูดได้อยากว่านี่คือตัวแทนของคล็อปป์ที่สมบูรณ์แบบ
ผมจะกลับไปเขียนถึงลิเวอร์พูล และสล็อตในบทความครั้งต่อไป แต่สำหรับอโมริมการเริ่มต้นของเขาไม่ว่าการโชว์สกิลการให้สัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษ อารมณ์ขัน และการแสดงออกหลายๆ อย่างมันมีทั้งจุดดี และจุดสังเกต
เขายังไม่ได้พูดถึงระบบการเล่นที่หลายคนหวาดฝันจะเห็น 3-4-3 ยังไม่ได้ขอเวลาชัดเจน เหมือนกับคล็อปป์ที่ขอไว้ 4 ปี(แต่กว่าจะทำได้จริงก็ช้าไปปีนึง) เหมือนกับราฟาที่เคยขอสามปี แต่ลิเวอร์พูลได้ลุ้นแชมป์จริงๆ ประมาณปีที่ 4 ของเขา
อโมริมเริ่มต้นด้วยการเดินทางไปยังสนามโอลด์แทร็ฟฟอร์ด ทัวร์สนาม ซึมซับความยิ่งใหญ่ของปีศาจแดง และเขาบอกว่าอนาคตถ้าเขาซื้อนักเตะใหม่จะพาเขามาทัวร์สนามโดยมีไกด์คนเดิม
เขาเริ่มงานไม่กี่วันนี้ด้วยการคุมนักเตะที่มีอยู่ที่ไม่ได้เล่นทีมชาติซ้อมระบบ คร่าวๆ เท่าที่เห็นประมาณนี้ และจิตวิทยาในช่วงเริ่มต้นของเขาน่าสนใจ
 
โชคดีของอโมริมในเวลานี้คือเขาไม่มีความกดดัน ถ้าแฟนบอลคนไหนใจร้ายพอที่จะกดดันให้เขาพาทีมประสบความสำเร็จตั้งแต่ปีแรก แฟนบอลแบบนั้นคงยากจะสมหวัง แต่เท่าที่เห็นเพื่อนผีแดงหลายคน ต่อให้ปีนี้แมนฯ ยูไนเต็ดไม่ได้ไปแชมเปียนส์ลีกเมื่อจบฤดูกาล พวกเขาจะไม่โทษอโมริม
ถ้ามันไม่ได้แย่ขนาดนำแมนฯ ยูไนเต็ดตกชั้น เขาจะได้เริ่มต้นฤดูกาลจริงๆ ปีหน้าเลย อาจจะคล้ายกับคล็อปป์ที่เข้ามาปีแรก ลิเวอร์พูลจบด้วยอันดับ 8 แต่ได้ชิงบอลถ้วยสองรายการ(และแพ้) แต่ไม่มีฤดูกาลที่สองที่กดดัน
แปลว่าอย่างน้อยอโมริมจะมีช่วงโปรโมชั่นค่อยข้างนาน และถ้าแมนฯ ยูไนเต็ดกลับมาเล่นสนุก เปิดเกมรุกเป็นหลัก เราอาจจะเห็นแดงเดือดที่สนุกสนาน ไม่ได้สนุกอยู่ฝ่ายเดียว หรือบางทีจืดชืดเพราะมีทีมนึงเล่นอุดตลอดทั้งเกมเหมือนที่เราเห็นยุทธวิธีเอาตัวรอดแบบนี้หลายครั้งทั้งยุคโซลชาร์ และเทน ฮาก
การพยายามซึมซับความยิ่งใหญ่ และพูดถึงประวัติศาสตร์บ่อยๆ มันก็เป็นเรื่องที่ดีในการปลุกเร้าทีม แต่ระยะยาวมันจะได้ผลแค่ไหน มันทำให้ผมนึกถึงเบรนแดน ร็อดเจอร์สในจุดนี้ ที่เพื่อนสนิทอย่างพี่ก้องให้นิยามว่าดู ‘เคลือบน้ำตาล’ หรืออธิบายว่าหวานเกินความเป็นจริง
เอาจริงๆ ผมคิดว่านักเตะที่ย้ายมาใหม่ทุกคนไม่จำเป็นต้องไปทัวร์สนาม และนักเตะที่ประสบความสำเร็จจนเป็นตำนานสโมสรก็ไม่จำเป็นต้องไปทัวร์สนาม แต่ก็ยอมรับเช่นกันว่าเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดี อย่างน้อยๆ ช่วงนี้อาจจะทำให้สโมสรขายตั๋วได้มากขึ้น!
ผมเคยเห็นลักษณะนี้ในตัวยาโก้ อัสปาส เป็นต้น ที่ปลาบปลื้มใจ และพยายามเรียนรู้ เรียกว่าอวยความเป็นหงส์ทุกอย่าง แต่ผลงานในสนาม...
ในเวลาเดียวกันหากอโมริมพาปีศาจแดงกลับมายิ่งใหญ่ มันจะกลายเป็นเรื่องเล่าชั้นดี นี่แหล่ะวิธีการปลุกจิตวิญญาณ มันเริ่มต้นตรงนี้ อาจจะอยู่ในหนังสืออีกหลายเล่มในอนาคต
พูดง่ายๆ มันทั้งดูปลอม และดูน่ากลัวในเวลาเดียวกัน เพราะในวัยขนาดนี้ ผมก็รับรู้จากประสบการณ์ในชีวิตเช่นกันว่าบางเรื่องในโลก ทั้งที่เรารู้ว่ามันก็ไม่เห็นเกี่ยว ไม่ได้มีผลอะไร แต่สุดท้ายมันก็อาจจะเหมาะกับทีมบางทีม
 
นักเตะแมนฯ ยูไนเต็ดชุดนี้อาจจะต้องการมันก็ได้ บางคนอาจจะลืมไปว่าเล่นเพื่ออะไรอยู่ กลับกันนักเตะใหม่บางคนอาจจะไม่จำเป็นต้องไปทัวร์สนาม เขามีความเป็นมืออาชีพในตัวไม่ว่าจะไปเล่นที่ไหน ผมไม่คิดว่าคริสเตียโน่ โรนัลโด้จะศึกษาประวัติทีมในซาอุฯ ก่อนที่เขาจะเดินทางไปเล่นที่นั่น
อย่างไรก็ตามอโมริมถือว่าขีดเส้นจุดเริ่มต้นได้น่าสนใจ แม้ว่าในระยะสั้นผลงานของพวกเขาอาจจะไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับลิเวอร์พูล แต่ในความเป็นคู่แข่งกันอย่างน้อยสัปดาห์หนึ่งจะมีเกมที่เด็กหงส์ต้องดูคือเกมของตัวเอง และอาจจะตามผลซิตี้ และปืน แต่ที่เรามักจะเอามาแซวกันที่สุดปฏิเสธไม่ได้คือแมนฯ ยูไนเต็ด
อโมริมจะของจริงหรือไม่ เวลาเท่านั้นจะเป็นเครื่องพิสูจน์ เอาจริงๆ ไม่ว่าแมนฯ ยูไนเต็ดแต่งตั้งใครก่อนหน้านี้ ผมแบ่งเป็นสองแบบคือไม่กลัวเลยก็จะเป็นมอยส์ หรือโซลชาร์ ออกจะเฉยๆ อย่างฟาน กัล
แต่ดูเขย่าขวัญได้ไม่น้อยคือมูรินโญ่ และแปลกใจไม่น้อยกับความตื่นเต้นคือเทน ฮาก ที่มาแรกๆ ก็ดูเสียวเหมือนกัน โดยเฉพาะฤดูกาลที่พวกเขาจบอันดับได้ดีกว่า (แต่ก็เป็นฤดูกาล 7-0) และต่อมาเราเห็นแล้วว่าเทน ฮาก ไม่สามารถต่อยอดให้ดีกว่าปีนั้นได้(ในลีก)
จะว่าไปเทน ฮากก็เป็นตัวขัดเส้นทางการจบฤดูกาลในฝันของคล็อปป์เช่นกัน และนั่นแหล่ะต่อให้ยุคไหนสมัยไหน แมนฯ ยูไนเต็ด น่าจะเป็นคู่แข่งตลอดกาลของลิเวอร์พูล และโดยเฉพาะแฟนบอลอังกฤษในไทยที่น่าจะมากกว่าแฟนกีฬาประเภทอื่นๆ
อโมริมจะเริ่มต้นแบบไหน เขาจะยึดมั่นกับ 3-4-3 และเราจะเห็นสไตล์การเพรสซิ่งหนักในพรีเมียร์ลีกอีกสักทีมไหม หลังจากหงส์แดงเปลี่ยนสไตล์แบบนั้นไปแล้ว เราอาจจะเห็นบางทีมอย่างสเปอร์สใช้ หรือลีดส์ในยุคของบิเอลซ่า มันน่าสนใจไม่น้อยเลย
สุดท้ายเขาจะมาหยุดลูปนรกที่ปีศาจแดงได้ไหม ในระยะเวลาสั้นๆ ท่าจะยาก และถ้าเขาเกิดไม่ใช่คนนั้นขึ้นมา บางทีแมนฯ ยูไนเต็ดอาจจะเสียเวลารอบนี้ไปอีกหลายปีด้วย ดังนั้นมันเป็นความเสี่ยงเช่นกันว่านอกจากเขย่าขวัญแฟนบอลลิเวอร์พูลด้วย
เขาก็อาจจะกำลังเขย่าขวัญแฟนบอลแมนฯ ยูไนเต็ดด้วยเช่นกัน...
จินตะปัญญา
โฆษณา