24 พ.ย. เวลา 05:45 • สุขภาพ

H. Pylori คืออะไร? ปล่อยเรื้อรัง เสี่ยงเป็นเชื้อก่อมะเร็งกระเพาะอาหาร

รู้หรือไม่ ? หนึ่งในตัวการปัญหากระเพาะอาหาร ไม่ว่าจะเป็นกระเพาะอักเสบ กรดไหลย้อน มะเร็งกระเพาะอาหาร คือ การติดเชื้อ เฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร (Helicobacter Pylori) หรือ H. Pylori เผยสาเหตุการรับเชื้อ ใครบ้างควรคัดกรองก่อนเรื้อรัง
ท้องอืด จุกเสียด แน่นท้อง เรอบ่อย ปวดท้อง แสบร้อนกลางอก กลืนลำบาก มีลมในท้อง หิวก็ปวด อิ่มก็ปวด มีอาการอ่อนเพลีย หากคุณเป็นหนึ่งคนที่ประสบกับปัญหาข้างต้นหมายความว่ากำลังเผชิญกับ อาการของโรคกระเพาะอาหารหรือกรดไหลย้อน ซึ่งนับเป็นโรคยอดฮิตของชาวออฟฟิศในปัญจุบัน แน่นอนหากปล่อยเรื้อรัง อาจนำอันตรายเพิ่มมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว แต่ที่คนส่วนใหญ่อาจยังไม่ทราบว่า
ปวดท้อง
สาเหตุสำคัญอีกอย่างหนึ่งของโรคกระเพราะอาหารและกรดไหลย้อน เกิดจาก“เฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร” (Helicobacter Pylori) หรือ เรียกสั้นๆ ว่า เอชไพโลไร
(H. Pylori)
เชื้อ H. Pylori คืออะไร?
Helicobacter Pylori (H. Pylori) เป็นแบคทีเรีย ที่อาศัยอยู่ที่เยื่อบุกระเพาะอาหารของมนุษย์ มีการรายงานเชื้อนี้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2436 เชื้อตัวนี้จะไปสร้างกรดปริมาณมากขึ้นในกระเพาะอาหาร ผ่านการหลั่งฮอร์โมนแกสตริน (Gastrin) กระตุ้นการคัดหลั่งของน้ำย่อยกระเพาะอาหารให้มากขึ้น เป็นเหตุให้เกิดกระเพาะอาหารอักเสบ เกิดแผลโรคกรดไหลย้อน รวมไปถึงอาจเป็นสาเหตุให้เกิด “มะเร็งกระเพาะอาหาร” ได้ในที่สุด
การติดต่อเชื้อ H. Pylori
จากการศึกษาปัจจุบันยังหาสาเหตุของการติดเชื้อ H. Pylori ได้ไม่แน่ชัด แต่สันนิษฐานว่า เกิดจากการสัมผัสเชื้อเข้าสู่ร่างกาย ผ่านทางการรับประทานอาหารและดื่มน้ำที่มีการปนเปื้อนเชื้อ เช่น อาหารและน้ำที่ไม่สะอาด อาหารแช่งแข็งที่ปรุงไม่สุก อาหารดิบ คนที่ติดเชื้อตัวนี้ส่วนใหญ่มักไม่มีอาการ
มีเพียง 20% เท่านั้นที่มีอาการ (ปวดท้องกระเพาะเรื้อรัง จุกลิ้นปี่ แสบร้อนท้อง แก๊สมาก) 10% ของคนที่ติดเชื้อตัวนี้ ก่อให้เกิดแผลในกระเพาะอาหาร และ 1-3 % ของคนที่ติดเชื้อตัวนี้ เกิดมะเร็งกระเพาะอาหารชนิด มะเร็งชนิดต่อม (Adenocarcinoma)
เชื้อ H. Pylori สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย แต่ใครบ้างควรตรวจคัดกรอง?
● ชอบรับประทานอาหารสุกๆ ดิบๆ และอาหารที่ไม่ผ่านความร้อนต่างๆ
● พบรอยโรคว่ามีกระเพาะอาหารอักเสบ โดยเฉพาะอาการโรคกระเพาะที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยา รวมทั้งโรคกรดไหลย้อน
● พบรอยโรคว่ามีแผลที่กระเพาะอาหารหรือลำไส้เล็กส่วนต้น
● จำเป็นต้องรับประทาน แอสไพริน หรือ ยาบรรเทาอาการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (non-steroidal anti-inflammatory drugs หรือ NSAIDs) คนทั่วไปมักเรียกว่า “ยาแก้ปวดข้อ” หรือ “ยาแก้ข้ออักเสบ” เป็นระยะยาว
● มีประวัติผู้ป่วยมะเร็งกระเพาะอาหารในครอบครัว
เชื้อ H. Pylori อาจนำไปสู่โรคอะไรได้บ้าง?
● กระเพาะอาหารอักเสบ
● แผลในกระเพาะอาหาร และแผลในลำไส้เล็กส่วนต้น
● มะเร็งกระเพาะอาหาร ผู้ที่มีเชื้อเอชไพโลไร อยู่ในกระเพาะอาหารจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหารชนิด Adenocarcinoma เป็น 2 เท่า
● มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิด Extranodal marginal zone B-cell ในกระเพาะอาหาร
● โรคอื่นที่พบนอกกระเพาะอาหาร เช่น โรคโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก / ขาดวิตามินบี 12 / โรคเกล็ดเลือดต่ำ (Idiopathic Thrombocytopenic Purpura หรือ ITP) เป็นโรคที่เกิดจากภูมิคุ้มกันทำลายเนื้อเยื่อตัวเอง (autoimmune disease)
วิธีตรวจหาเชื้อ เอชไพโลไร (H. Pylori)
● การเป่าลมหายใจ และวัดหาระดับยูเรีย (Urea Breath Test) มีสมรรถภาพ (ความไว) 88-95%
● การส่องกล้องทางเดินกระเพาะอาหารส่วนบนเพื่อตัดชิ้นเนื้อ (Gastroscope with biopsy urease test)
● การตรวจอุจจาระ (Stool Antigen Assay) มีสมรรถภาพ (ความไว) 85-95%
● ตรวจจากเลือด (Serology Test) มีสมรรถภาพ (ความไว) 70-90
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลกรุงเทพเชียงใหม่
อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ : https://www.pptvhd36.com/health/news/6148
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ https://www.pptvhd36.com
และช่องทาง Social Media
โฆษณา