Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Wealthy Thai
•
ติดตาม
เมื่อวาน เวลา 07:04 • หุ้น & เศรษฐกิจ
คัด 3 กลุ่มหุ้นขานรับเศรษฐกิจฟื้นตัว หลัง GDP ไตรมาส 3/67 โตเกินคาด
ถือเป็นเซอร์ไพรส์ของตลาดหุ้นไทยในช่วงสัปดาห์นี้เลยทีเดียว สำหรับการประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 3/67 ที่ออกมาเติบโตดีกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้ ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง ซึ่งไม่เพียงแค่ภาพรวมดัชนีที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงหุ้นบางกลุ่ม บางตัวที่ได้รับอานิสงส์จากประเด็นนี้ด้วยเช่นกัน
โดย บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ การรายงานตัวเลข GDP ไตรมาส 3/67 ที่ขยายตัว 3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนดีกว่า Bloomberg Consensus คาดการณ์ไว้ที่ 2.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยปัจจัยหนุนหลักมาจากการลงทุนภาครัฐฯ การส่งออกและการบริโภคในประเทศ โดยสภาพัฒน์คาดการณ์ GDXP67 ที่ 2.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และปี 68 อยู่ที่ 2.3-3.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือค่ากลางที่ 2.8% จากแรงขับเคลื่อนของการใช้จ่ายภาครัฐฯ การบริโภคภาคเอกชน ภาคท่องเที่ยว
ทั้งนี้ การรายงาน GDP ไตรมาส 3/67 ที่ออกมาดีกว่าคาดถือว่าเป็นปัจจัยช่วยลดความเสี่ยงต่อการปรับลดประมาณการณ์ GDP ของ Consensus โดยหุ้นที่ได้ประโยชน์จะสอดคล้องการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เช่น การลงทุนภาครัฐฯ TASCO การบริโภค CPALL, CPAXT การท่องเที่ยว AOT, AWC, CENTEL เป็นต้น
วันนี้ Wealthy Thai จึงทำการรวบรวมข้อมูลบทวิเคราะห์ของหุ้นดังกล่าวมาไว้ในบทความนี้แล้ว โดยมีรายละเอียดดังนี้
บล.เมย์แบงก์ คงแนะนำ “ซื้อ” บริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TASCO พร้อมให้ราคาเป้าหมายที่ 19.50 บาท/หุ้น จากคาดการณ์กำไรไตรมาส 4/67 และช่วงครึ่งแรกปี 2568 จะฟื้นตัวเด่นต่อประมาณ 800 ล้านบาทต่อไตรมาส โดยจะได้แรงหนุนจากการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2568 ที่เพิ่มขึ้น 8.5% และงบประมาณปี 2567 ที่ยังเบิกไม่หมดเนื่องจากมีความล่าช้า
นอกจากนี้ TASCO จะมี Feedstock รองรับยอดขายในไตรมาส 4/67 และ 2568 เพิ่มขึ้นเป็น 5 Cargo เทียบกับช่วง 9 เดือน ปี 2567 ที่นำเข้ามาเพียง 1 Cargo ทั้งนี้ บล.เมย์แบงก์ ประเมินกำไรไตรมาส 4/67 และช่วงครึ่งแรกปี 2568 จะยังเด่นต่อในระดับ 800 ล้านบาทต่อไตรมาส
และคงประมาณการกำไรปี 2567 จะลดลง 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เหลือ 2,196 ล้านบาท (ผลกระทบจากกำไรช่วงครึ่งแรก ปี 2567 ที่ต่ำ) แต่กำไรช่วงครึ่งหลังปี 2567 จะโตสูง 312% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และปี 2568 จะเติบโตดี 17% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า สู่ระดับ 2,561 ล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ซื้อ” บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL พร้อมให้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2568 ที่ 81 บาท/หุ้น โดย SSSG ร้าน 7-11ช่วงเดือน ต.ค.- ต้น พ.ย. โต 2-4% ขณะที่สาขาในปั๊มและแหล่งท่องเที่ยวยังเด่นกว่าทำเลอื่นๆ
ส่วนแนวโน้มมาร์จิ้นไตรมาส 4/67 ยังมีโอกาสขยายได้ต่อสอดคล้องกับช่วง 9 เดือน ปี 2567 ตามสัดส่วนสินค้ากลุ่ม ready to eat, personal care และ healthcare ที่มากขึ้น ทั้งนี้ คาดกำไรไตรมาส 4/67 จะเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อน ตาม SSSG และอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นทั้ง CPALL และ CPAXT
บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด แนะนำ “ซื้อ” บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT พร้อมให้ราคาเป้าหมายที่ 39.00 บาท/หุ้น โดยคาดการณ์แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/67 เติบโตจากไตรมาสก่อน และช่วงเดียวกันของปีก่อน หนุนจากช่วง High Season และกำลังซื้อเพิ่มขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลอิงตัวเลข SSSG ในจากต้นไตรมาส 4/67 ยังเติบโตได้ต่อทั้ง Makro และ Lotus’s ในระดับ 1-3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ใกล้เคียงที่ทำได้ในไตรมาส 3/67
ส่วนในด้านของต้นทุน คาด GPM ยังดีขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนในทุกธุรกิจ จากการเพิ่มสัดส่วนสินค้า Private Label, สินค้ากลุ่มอาหารสดอาหารพร้อมทานที่มีอัตราการทำกำไรดีอย่างต่อเนื่อง และมีโอกาสเห็นผลบวกจาก Synergies บางส่วนตั้งแต่ไตรมาส 4/67 หลังการควบรวมบริษัทเสร็จสิ้นแล้ว ทั้งนี้ คงประมาณการกำไรสุทธิที่ 1.1 หมื่นล้านบาท โต 21% จากปีก่อน
บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ซื้อ” บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT พร้อมให้ราคาเป้าหมายที่ 72.00 บาท/หุ้น โดยคาดว่ากำไรสุทธิในไตรมาส 4/67 จะอยู่ที่ 4.16 พันล้านบาท โต 21.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 8.9% จากไตรมาสก่อน
โดยผลงานที่เติบโตจากไตรมาส 4/66 เนื่องจากจํานวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนกําไรที่ลดลงจากไตรมาส 3/67 เป็นเพราะได้รับผลกระทบจากการคืนพื้นที่เชิงพาณิชย์ในส่วนของร้านค้าปลอดอากรขาเข้า นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทยังอนุมัติให้จ่ายโบนัสเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ทำให้ค่าใช้จ่าย SG&A สูงกว่าคาด อย่างไรก็ตาม ยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2567 เอาไว้ที่ 2.05 หมื่นล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ซื้อ” บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC พร้อมให้ราคาเป้าหมายที่ 4.40 บาท/หุ้น จากกำไรปกติในไตรมาส 3/67 เติบโตดีกว่าที่บล.กรุงศรีคาดไว้ ส่งผลให้กำไรปกติงวด 9 เดือน ปี 2567 คิดเป็น 65% ของกำไรปี 2567
โดยคาดไตรมาส 4/67 จะเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนและจากไตรมาสก่อน เนื่องจากเป็นช่วงฤดูท่องเที่ยว อีกทั้งมองว่าราคาหุ้นที่อ่อนตัวลงจากความกังวลต่อผลประกอบการ ดังนั้นเนื่องจากคาดว่าผลการดำเนินงานจะปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 4/67- 1/68 จากการขยายพอร์ตโรงแรมสินทรัพย์ในทำเลที่ดีและอัตรากำไรที่สูงขึ้น
บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ซื้อ” บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL พร้อมให้ราคาเป้าหมายที่ 48.20 บาท/หุ้น โดยมีมุมมองเป็นบวกต่อกำไรในไตรมาส 4/67 คาดเติบโตจากไตรมาสก่อน ตามปัจจัยฤดูกาล ถึงแม้มีโอกาสอ่อนตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ด้วยค่าใช้จ่ายโรงแรมเปิดใหม่ที่สูงขึ้น และโรงแรมเดิมที่อยู่ระหว่างปรับปรุง 2 แห่ง ซึ่งคาดให้บริการได้บางส่วนในปลายปี 2567 อย่างไรก็ตามในปี 2568 บล.พาย เห็นแนวโน้มที่ดีของธุรกิจหลัก หนุนด้วยการเติบโตของนักท่องเที่ยว และ RevPar ที่คาดจะสูงขึ้น จากการปรับอัตราค่าที่พักให้เหมาะสมกับโรงแรมที่ได้รับการปรับปรุงในปีนี้
เศรษฐกิจ
การลงทุน
หุ้น
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย