5 ชั่วโมงที่แล้ว • หุ้น & เศรษฐกิจ

EPG สุดช้ำ! จากต้นปีราคาดิ่งหนัก 51% ฟากกูรูยังประสานเสียงแนะ “ซื้อ” มองราคาหุ้นสะท้อนผลงานไปมากแล้ว

ราคาหุ้น บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG ยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงต้นปีจนถึงวันทำการล่าสุด โดยราคาหุ้นปรับตัวลดลงอย่างหนักถึง 50.77% นับตั้งแต่ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 8.45 บาท เมื่อวันที่ 2 ม.ค.67 และล่าสุดเมื่อวันที่ 22 พ.ย.67 ราคาหุ้นได้ปรับตัวลดลงมาที่ระดับ 4.16 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 24.83 ล้านบาท โดยปัจจัยที่เป็นตัวกดดันราคาหุ้น คาดว่ามาจากความกังวลด้านผลประกอบการที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ยังคงแนะนำ “ซื้อ” EPG เนื่องจากมองว่าราคาหุ้นปัจจุบันได้ปรับลงสะท้อนผลดำเนินงานที่อ่อนแอไปมากแล้ว อีกทั้ง คาดว่ากำไรปกติครึ่งปีหลัง 2568 จะดีขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากผลการดำเนินงานของทั้ง 3 ธุรกิจหลัก และ JVs ที่ดีขึ้น รวมถึงปัจจัยกดดันจากการตั้งสำรอง ECL จะเริ่มลดลงชัดเจนมากขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 4
โดย บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุ แนะนำ “ซื้อ” EPG ให้ราคาเหมาะสม 5.80 บาท โดยกำไรปกติช่วงครึ่งแรก ปี 2567 คิดเป็น 48% ของประมาณการเดิมทั้งปี ซึ่งต่ำกว่าที่ บล.หยวนต้า เคยประเมินไว้ เนื่องจากบริษัทมีค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างธุรกิจที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคาด และอัตรากำไรขั้นต่ำที่ต่ำกว่าคาด จากการแข่งขันในตลาดบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่สูงขึ้น
และมีผลจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเร็ว ส่งผลต่อยอดขายฉนวนยางกันความร้อนและชิ้นส่วนยานยนต์ส่งออก ทำให้ บล.หยวนต้า ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2567 (สิ้นปี เดือน มี.ค. 2568) ลง 6.3% โดยภายใต้ประมาณการใหม่
ทั้งนี้ เบื้องต้น บล.หยวนต้า คาดกำไรปกติของ EPG ในช่วงครึ่งปีหลัง 2567 จะลดลงทั้งจากช่วงครึ่งปีแรก และจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามปัจจัยด้านฤดูกาลที่ปกติงานก่อสร้างและยอดส่งออกชิ้นส่วนยานยนต์จะชะลอตัวในช่วงปลายปี จึงคาดทั้งปี 2567 คาด EPG จะมีกำไรปกติที่ 1,429 ลบ. ทรงตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
อย่างไรก็ตาม มองว่าราคาหุ้นปัจจุบันได้ปรับลงสะท้อนผลดำเนินงานที่อ่อนแอไปมาแล้ว จนปัจจุบันมี Upside 31.2% จากมูลค่าพื้นฐานใหม่ปี 2567 ที่ 5.80 บาท (อิง PER ที่11.3x ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี –2 S.D.) และล่าสุดประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 0.06บาทคิดเป็น Div. Yield 1.4 (X.D. วันที่ 27 พ.ย.และจ่ายปันผลวันที่ 9 ธ.ค.) จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”
เช่นเดียวกับ บริษัท หลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ยังคงแนะนำ “ซื้อ” EPG และราคาเป้าหมาย 5.70 บาท ทั้งนี้ มีมุมมองเป็นลบเล็กน้อยจากการประชุมนักวิเคราะห์ (19 พ.ย.) โดยภาพรวมธุรกิจหลัก และ JVs มีทิศทางดีขึ้นแต่จะถูกกดดันจากการตั้งสำรอง ECL ที่อาจลดลงช้ากว่าคาดเดิม ประเด็นสำคัญ ได้แก่ 1) Aeroflex จะยังโตโดดเด่นสุด
โดยเฉพาะตลาด USA ที่เติบโตดี และจะได้ประโยชน์จากนโยบายทรัมป์ ทั้งการดึงดูดการตั้งโรงงานใน USA รวมถึงแผนการลด corporate tax ชดเชยภาษีนำเข้าวัตถุดิบที่จะเพิ่มขึ้น ขณะที่ในไทยจะได้ประโยชน์จาก China relocation และการตั้ง data center ที่จะมีการใช้ฉนวนกันความร้อน, 2) Aeroklas ยังโตดีสวนทางอุตสาหกรรมยานยนต์จาก order ใหม่,
3) EPP จะขยายการขายสินค้าในกลุ่มอุตสาหกรรม และตลาดในต่างประเทศเพิ่มขึ้น และ 4) อาจมีการตั้งสำรอง ECL ในไตรมาส 3/68 อีกไม่เกิน -100 ล้านบาท (ไตรมาส 2/68 ตั้งสำรอง ECL - 97 ล้านบาท) ส่วนไตรมาส 4/68 จะลดลงเหลือไม่เกิน -40 ล้านบาท และแนวโน้มจะดีขึ้น
ทั้งนี้ บล.ดาโอ ยังคงประมาณการกำไรปกติปี 2568 ที่ 1.5 พันล้านบาท +2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ กำไรครึ่งแรกปี 2568 จะคิดเป็น 50% จากทั้งปี สำหรับกำไรปกติครึ่งปีหลัง 2568 จะดีขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และทรงตัวได้ดีจากช่วงครึ่งปีแรก จากผลการดำเนินงานทั้ง 3 ธุรกิจหลัก และ JVs ที่ดีขึ้น
ขณะที่กำไรสุทธิไตรมาส 3/68 จะยังถูกกดดันจากการตั้งสำรอง ECL ที่ยังมีอยู่ แต่จะทยอยลดลงชัดเจนมากขึ้นในไตรมาส 4/68 จากการเจรจากับลูกค้าและการปรับปรุงผลการดำเนินงานของบริษัทร่วมทุน ATD ที่แอฟริกาใต้ ซึ่งจะช่วยลดปัจจัยกดดันกำไรสุทธิ
ขณะที่ราคาหุ้น underperform SET -34% ในช่วง 6 เดือน จากกำไรสุทธิไตรมาส 4/67-2/68 ที่ปรับตัวลดลง และความกังวลที่มีการตั้งสำรอง ECL ระดับสูง แต่กลับมา outperform SET +2% ในช่วง 1 และ 3 เดือน จากกำไรปกติไตรมาส 2/68 ที่ดีกว่าคาด ทั้งนี้ บล.ดาโอ แนะนำ “ซื้อ” จากแนวโน้มกำไรปกติไตรมาส 3-4/68 จะยังมีทิศทางที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง ขณะที่ปัจจัยกดดันด้านการตั้งสำรอง ECL จะทยอยลดลงชัดเจนตั้งแต่ไตรมาส 4/68 ด้านราคาหุ้นน่าสนใจเทรด FY25E core PER ต่ำเพียง 9.2 เท่า คิดเป็น -2.25SD
โฆษณา