Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
BeautyInvestor
•
ติดตาม
7 ชั่วโมงที่แล้ว • หุ้น & เศรษฐกิจ
👨🏼⚖️ Alphabet อาจไม่แพ้คดีผูกขาดตลาด Search Engine ⁉️
1️⃣ Alphabet กับมรสุมคดีผูกขาด
Alphabet บริษัทแม่ของ Google กำลังเผชิญหน้ากับคดีความครั้งสำคัญที่อาจสั่นสะเทือนวงการ Search Engine ทั่วโลก โดยกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DOJ) ได้ยื่นฟ้อง Alphabet ในข้อหาผูกขาดตลาด Search Engine จากการใช้เงินกว่า 2.6 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อจ่ายให้กับบริษัทอื่นๆ เพื่อให้ Search Engine ของ Google เป็นตัวเลือกเริ่มต้นใน Smartphone และ Web Browser ซึ่ง DOJ มองว่าเป็นการปิดกั้นคู่แข่งรายอื่นๆ ไม่ให้มีที่ยืนในตลาดค่ะ
2️⃣ ทำไม Google ถึงถูกกล่าวหาว่า "ผูกขาด"?
หัวใจสำคัญของข้อกล่าวหาคือ DOJ เห็นว่า Google มีส่วนแบ่งการตลาด Search Engine มากกว่า 90% ซึ่งเข้าข่าย "การผูกขาด" และการจ่ายเงินมหาศาลเพื่อรักษาส่วนแบ่งดังกล่าว ซึ่ง DOJ ตีความว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อตกลงกับบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ เช่น Apple และ Samsung ที่ให้ Google เป็น Search Engine เริ่มต้นในอุปกรณ์ของตนนั้น ส่งผลให้ Search Engine อื่นๆ เช่น DuckDuckGo หรือ Bing ของ Microsoft ไม่สามารถเข้าถึงผู้ใช้และเติบโตได้อย่างเป็นธรรมนั่นเองค่ะ
3️⃣ Chrome ในมือ DOJ: ขายได้จริงหรือ?
DOJ ไม่ได้หยุดแค่การฟ้องร้อง แต่ยังเสนอให้ศาลพิจารณาบังคับให้ Alphabet ขาย Chrome ซึ่งเป็น Web Browser อันดับหนึ่งของโลก โดย DOJ มองว่า Chrome คือ "กุญแจสำคัญ" ที่ทำให้ Google สามารถผูกขาดตลาด Search Engine ได้
อย่างไรก็ตาม การบังคับขาย Chrome อาจไม่ใช่เรื่องง่าย และอาจไม่เกิดขึ้นจริงด้วยเหตุผลหลายประการ
💵 มูลค่ามหาศาล: Chrome คาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 2 หมื่นล้านดอลลาร์ ดังนั้นการหาผู้ซื้อที่มีศักยภาพและเงินทุนมากพอที่จะซื้อกิจการจึงเป็นเรื่องยาก แม้แต่บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Microsoft หรือ Amazon ก็อาจไม่พร้อมที่จะทุ่มเงินมหาศาลขนาดนี้
🔐 ความมั่นคง: การขาย Chrome ให้กับบริษัทต่างชาติอาจกระทบต่อความมั่นคงของชาติ รัฐบาลสหรัฐฯ อาจไม่อนุญาตให้บริษัทต่างชาติเข้าครอบครอง Chrome ซึ่งเป็น Web Browser ที่มีผู้ใช้งานทั่วโลก
🏛️ คู่แข่ง: บริษัทขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพในการซื้อกิจการ Chrome เช่น Apple, Microsoft หรือ Amazon ก็กำลังเผชิญกับคดีความต่อต้านการผูกขาดเช่นเดียวกัน ซึ่งอาจทำให้เกิดความซับซ้อนในการอนุมัติการซื้อขาย และ DOJ อาจไม่ต้องการ "เสี่ยง" สร้างบริษัทยักษ์ใหญ่ขึ้นมาอีก
🤬 ผลกระทบต่อผู้ใช้งาน: การขาย Chrome อาจส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งานหลายพันล้านคนทั่วโลก ผู้ซื้อรายใหม่อาจเปลี่ยนแปลงนโยบาย การให้บริการ หรือแม้กระทั่งการเก็บค่าบริการ ซึ่งอาจสร้างความไม่พอใจให้กับผู้ใช้งาน
1
4️⃣ ทรัมป์: ตัวแปรสำคัญที่อาจพลิกคดี?
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เคยวิพากษ์วิจารณ์ Google ในประเด็นการเซ็นเซอร์ แต่ในขณะเดียวกันก็แสดงความกังวลเกี่ยวกับการปราบปรามการผูกขาดของบริษัทจีน เนื่องจากเห็นบทเรียนแล้วว่าการปราบปรามบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ที่มีความสามารถในการแข่งขันระดับโลกส่งผลเสียแค่ไหนต่อประเทศ โดยทรัมป์อาจมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของ DOJ ในคดีนี้ ทำให้บทบาทของทรัมป์จึงเป็นอีกหนึ่ง "ตัวแปร" สำคัญที่ต้องจับตามอง โดยเค้าสามารถสั่งให้คดียุติได้หากมองว่าส่งผลเสียต่อสหรัฐฯ
1
5️⃣ ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย? เมื่อ DOJ ไม่สามารถ "แยก" บริษัทยักษ์ใหญ่ได้
DOJ เคยพยายาม "แยก" บริษัทยักษ์ใหญ่ในอดีตมาแล้ว แต่ไม่ประสบความสำเร็จเสมอไป ตัวอย่างเช่น
🔸Microsoft: ในช่วงปี 1990 DOJ ฟ้อง Microsoft ในข้อหาผูกขาดตลาดระบบปฏิบัติการ แม้ศาลจะมีคำสั่งให้แยกบริษัท แต่สุดท้าย Microsoft ก็สามารถเจรจาต่อรองจนไม่ต้องแยกกิจการ
🔸IBM: ในปี 1969 DOJ ฟ้อง IBM ในข้อหาผูกขาดตลาดคอมพิวเตอร์ คดีนี้ยืดเยื้อนานกว่า 10 ปี สุดท้าย DOJ ก็ต้องถอนฟ้องไป
🔸AT&T: ในปี 1974 DOJ ฟ้อง AT&T ในข้อหาผูกขาดตลาดโทรคมนาคม คดีนี้จบลงด้วยการที่ AT&T ยอมแยกบริษัทออกเป็น 7 บริษัทเล็ก แต่ในยุคปัจจุบัน บริษัทเหล่านั้นได้ควบรวมกิจการกันจนกลายเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่อีกครั้ง
🔸Facebook: ในปี 2020 Federal Trade Commission (FTC) และรัฐกว่า 40 รัฐ ร่วมกันฟ้อง Facebook ในข้อหาผูกขาดตลาด Social Media โดยเรียกร้องให้ Facebook ขาย Instagram และ WhatsApp แต่ศาลยกฟ้องในปี 2021
ดังนั้นจากประวัติศาสตร์แล้ว DOJ อาจประสบปัญหาในการบังคับให้ Alphabet ขาย Chrome เช่นกัน แม้แต่ในกรณีที่ศาลมีคำสั่งให้แยกบริษัท Alphabet ก็อาจใช้กลยุทธ์ทางกฎหมายเพื่อยื้อเวลา หรือเจรจาต่อรองจนไม่ต้องขาย Chrome
🎯 สรุปแล้ว คดีความระหว่าง DOJ และ Alphabet ยังคงอยู่ในชั้นศาล ผลลัพธ์ของคดีนี้อาจส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่ออนาคตของ Alphabet และตลาด Search Engine ทั่วโลก แม้ว่าการบังคับขาย Chrome อาจเป็น "ทางเลือก" หนึ่งที่ DOJ เสนอ แต่ความเป็นไปได้ในการขายจริงยังคงมีข้อจำกัดและปัจจัยต่างๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง รวมถึงโอกาสที่ DOJ อาจไม่สามารถบังคับให้ Alphabet ขาย Chrome ได้สำเร็จ
แม้แต่ในกรณีที่ศาลมีคำสั่งให้แยกบริษัท ทาง Alphabet ก็อาจใช้กลยุทธ์ทางกฎหมายเพื่อยื้อเวลา หรือเจรจาต่อรองจนไม่ต้องขาย Chrome รวมถึงยังมีโอกาสที่ ทรัมป์ จะสั่งให้ยุติเรื่องดังกล่าวได้อีกเช่นกัน
‼️ความเห็นส่วนตัว
ไม่ต้องกังวลกันไปเยอะค่ะ คิดว่าโอกาสที่ DOJ จะทำได้จริงๆมีค่อนข้างน้อย และทำได้ยากในทางปฏิบัติ น่าจะเป็นการเบ่งอำนาจไปแบบนั้นเฉยๆ นอกจากนี้ทรัมป์มีแนวโน้มว่าจะเข้ามาแทรกแซงเช่นกัน เพราะ สหรัฐฯยังต้องการบริษัทเทคฯยักษ์ใหญ่ในการครองโลกอยู่ค่ะ
แม้ว่า worst cast จะถูกสั่งให้ขายจริงๆ การขายจะยังคงไม่เกิดขึ้นไปอีกหลายปีด้วยข้อจำกัดหลายๆอย่างค่ะ ส่วนตัวคิดว่า DOJ จะหน้าแตกเหมือนที่เคยเกิดขึ้นบ่อยๆค่ะ
1
การลงทุน
หุ้น
การเงิน
1 บันทึก
6
2
2
1
6
2
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย