วันนี้ เวลา 01:08 • ข่าวรอบโลก

EP48: สงครามก๊าซของทรัมป์จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างไร?

Donald Trump กำลังจะเริ่มต้น "สงครามก๊าซ" ซึ่งมีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติทั่วโลก ในขณะที่เขาเตรียมกลับสู่ตำแหน่งประธานาธิบดี การดำเนินนโยบายด้านพลังงานของเขาอาจทำให้เกิดการเพิ่มขึ้นในระดับการผลิตน้ำมันและก๊าซในสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเขาตัดสินใจใช้มาตรการเข้มงวดต่ออิหร่าน ซึ่งอาจนำไปสู่การลดการส่งออกน้ำมันจากประเทศนั้น นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้ที่เขาจะยกเลิกการหยุดชะงักในการอนุมัติโครงการส่งออก LNG ซึ่งจะช่วยลดความไม่แน่นอนในตลาดน้ำมันและก๊าซในระยะยาว
Donald Trump มีแนวโน้มที่จะยกเลิกการหยุดชะงักในการอนุมัติโครงการส่งออก LNG สำหรับประเทศที่ไม่มีข้อตกลงการค้าเสรี (non-FTA) ซึ่งรวมถึงหลายประเทศในยุโรปและเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และประเทศในสหภาพยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ยุโรปต้องการหาทางลดการพึ่งพาก๊าซจากรัสเซียหลังจากวิกฤตการณ์ยูเครน
ผลกระทบที่สำคัญที่สุดน่าจะตกอยู่กับ สหภาพยุโรป ซึ่งกำลังมองหาทางเลือกในการจัดหาก๊าซใหม่ และ ประเทศผู้ผลิต LNG อื่นๆ เช่น ออสเตรเลียและรัสเซีย ที่อาจพบกับการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากการส่งออก LNG ของสหรัฐฯ นอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นของการส่งออก LNG จากสหรัฐฯ ยังอาจช่วยลดการขาดดุลการค้าและสร้างงานในสหรัฐฯ อีกด้วย
โดยรวมแล้ว การเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้จะมีผลต่อทั้งตลาดพลังงานโลกและความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างประเทศต่างๆ อย่างมีนัยสำคัญ
ผลกระทบทางเศรษฐกิจของ EU จาก Trump’s gas war
  • ในปี 2023 สหรัฐฯ ส่งออกประมาณ 57 ล้านตัน ของ LNG ไปยังยุโรป ซึ่งคิดเป็น 46% ของการนำเข้าก๊าซ LNG ของ EU
  • การนำเข้าก๊าซจากรัสเซียลดลงจาก 41% ในปี 2021 เหลือประมาณ 8% ในปี 2023
ประเทศในสหภาพยุโรป (EU) ที่จะได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการยกเลิกการหยุดชะงักในการอนุมัติโครงการส่งออก LNG ของสหรัฐฯ ได้แก่:
  • 1.
    เยอรมนี: เป็นหนึ่งในประเทศที่มีการนำเข้าก๊าซธรรมชาติสูงและกำลังมองหาทางเลือกใหม่เพื่อลดการพึ่งพาก๊าซจากรัสเซีย โดยเฉพาะหลังจากวิกฤตการณ์ยูเครน ส่งผลให้มีความต้องการ LNG เพิ่มขึ้น
  • 2.
    ฝรั่งเศส: มีความต้องการใช้ LNG สำหรับอุตสาหกรรมและการผลิตไฟฟ้า การเพิ่มขึ้นของ LNG จากสหรัฐฯ จะช่วยเสริมความมั่นคงด้านพลังงาน
  • 3.
    อิตาลี: เป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีความต้องการ LNG สูง โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวที่ต้องการพลังงานมากขึ้น การจัดหาก๊าซจากสหรัฐฯ จะช่วยลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาแหล่งก๊าซอื่นๆ
การยกเลิกการหยุดชะงักในการอนุมัติโครงการส่งออก LNG จะส่งผลให้เกิดการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นในตลาดก๊าซ ทำให้ราคาก๊าซมีแนวโน้มที่จะลดลงและเพิ่มโอกาสในการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของยุโรป
ผลกระทบทางเศรษฐกิจของเอเชียแปซิฟิก จาก Trump’s gas war
  • ในปี 2023 สหรัฐฯ ส่งออกประมาณ 57 ล้านตัน ของ LNG ไปยังเอเชียแปซิฟิก ซึ่งคิดเป็น 46% ของการนำเข้าก๊าซ LNG ของภูมิภาค
  • ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้เป็นผู้บริโภคหลัก โดยญี่ปุ่นนำเข้าประมาณ 80% ของก๊าซธรรมชาติจากต่างประเทศ และเกาหลีใต้มีสัดส่วนประมาณ 60%
ประเทศในเอเชียแปซิฟิกที่จะได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการยกเลิกการหยุดชะงักในการอนุมัติโครงการส่งออก LNG ของสหรัฐฯ ได้แก่:
  • ญี่ปุ่น: เป็นหนึ่งในผู้บริโภค LNG รายใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีการนำเข้าก๊าซธรรมชาติสูงเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมและการผลิตไฟฟ้า การเพิ่มขึ้นของการส่งออก LNG จากสหรัฐฯ จะช่วยให้ญี่ปุ่นสามารถลดการพึ่งพาก๊าซจากรัสเซียและประเทศอื่นๆ
  • เกาหลีใต้: มีความต้องการ LNG สูงสำหรับการผลิตไฟฟ้าและอุตสาหกรรม การจัดหาก๊าซจากสหรัฐฯ จะช่วยเพิ่มความมั่นคงด้านพลังงานและลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาแหล่งก๊าซที่ไม่แน่นอน
  • จีน: เป็นตลาดที่มีความต้องการก๊าซธรรมชาติสูงและกำลังมองหาทางเลือกใหม่ในการจัดหาพลังงาน การนำเข้า LNG จากสหรัฐฯ จะช่วยให้จีนสามารถจัดการกับปัญหามลพิษและความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้น
  • อินเดีย: มีแนวโน้มที่จะเพิ่มการนำเข้า LNG เพื่อรองรับความต้องการพลังงานที่เติบโตอย่างรวดเร็ว การเข้าถึง LNG จากสหรัฐฯ จะช่วยลดต้นทุนพลังงานและเพิ่มความมั่นคงด้านพลังงาน
การยกเลิกการหยุดชะงักในการอนุมัติโครงการส่งออก LNG จะทำให้เกิดการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นในตลาดก๊าซ ทำให้ราคาก๊าซมีแนวโน้มที่จะลดลง และเพิ่มโอกาสในการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก นอกจากนี้ยังช่วยให้ประเทศต่างๆ สามารถลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาแหล่งพลังงานเดียวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ส่งผลให้ Donald Trump กลับมาดำรงตำแหน่งอีกครั้ง จะมีผลกระทบต่อแนวทางการป้องกันความเสี่ยงในด้านพลังงาน โดยเฉพาะในเรื่องของ สงครามก๊าซ ที่อาจเกิดขึ้นจากการขยายตัวของการส่งออก LNG ของสหรัฐฯ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะส่งผลต่อราคาพลังงานและความมั่นคงด้านพลังงานทั่วโลก
แนวทางการป้องกันความเสี่ยง
  • Diversification of Energy Sources: ประเทศไทยควรพัฒนาความหลากหลายในการจัดหาพลังงาน โดยการลงทุนในแหล่งพลังงานทดแทน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม เพื่อไม่ให้พึ่งพาพลังงานจากแหล่งเดียว
  • Enhancing Energy Efficiency: การปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานในภาคอุตสาหกรรมและประชาชนจะช่วยลดความต้องการพลังงานโดยรวม และลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงราคาในตลาดโลก
  • Strategic Reserves: การสร้างสำรองพลังงานเชิงกลยุทธ์ เช่น การเก็บ LNG ในช่วงที่ราคาต่ำ จะช่วยให้ประเทศไทยสามารถรับมือกับความผันผวนของราคาได้ดีขึ้น
  • Strengthening Infrastructure: การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน เช่น ท่อส่งก๊าซและโรงไฟฟ้าจะช่วยเพิ่มความมั่นคงด้านพลังงาน และลดความเสี่ยงจากการขาดแคลนพลังงาน
  • International Cooperation: การสร้างความร่วมมือกับประเทศผู้ผลิตและผู้ส่งออก LNG จะช่วยให้ประเทศไทยมีทางเลือกในการจัดหาพลังงานที่หลากหลายมากขึ้น และลดความเสี่ยงจากปัญหาทางภูมิรัฐศาสตร์
ไทยควรปรับตัวอย่างไร
Donald Trump’s gas war เพื่อตอบสนองตลาดโลก อาจสร้างผลกระทบต่อสมดุลพลังงานและการแข่งขันด้านราคาก๊าซในระดับสากล ประเทศไทยควรปรับตัวในลักษณะดังนี้
1 กระจายแหล่งนำเข้าพลังงาน
ไทยควรเพิ่มความหลากหลายในแหล่งนำเข้าก๊าซธรรมชาติ เพื่อป้องกันการพึ่งพาแหล่งเดียว เช่น ขยายการนำเข้า LNG จากสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ นอกเหนือจากตะวันออกกลาง
2 ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน
  • เร่งสร้างหรือปรับปรุงท่าเรือ LNG และคลังเก็บก๊าซ เพื่อรองรับการนำเข้าในปริมาณที่มากขึ้น
  • สนับสนุนเทคโนโลยีสำรองพลังงาน เช่น แบตเตอรี่และพลังงานหมุนเวียน
3 ปรับนโยบายด้านราคาและอุดหนุนพลังงาน
เตรียมพร้อมรับมือความผันผวนของราคาก๊าซในตลาดโลก โดยวางแผนสำรองงบประมาณสำหรับการตรึงราคาหรืออุดหนุนผู้บริโภค
ส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
4 ส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ลดการใช้พลังงานในอุตสาหกรรมที่มีต้นทุนสูงผ่านเทคโนโลยีและมาตรการประหยัดพลังงาน
ด้วยการปรับตัวเหล่านี้ ไทยสามารถรักษาความมั่นคงด้านพลังงานในสถานการณ์ตลาดที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างยั่งยืน
Econ Insight: สอบศัพท์เศรษฐศาสตร์
Diversification of Energy Sources (การกระจายแหล่งพลังงาน):
การเพิ่มความหลากหลายในแหล่งจัดหาพลังงาน เพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาแหล่งพลังงานจากประเทศหรือภูมิภาคใดภูมิภาคหนึ่งมากเกินไป
Strategic Reserves (การสำรองเชิงกลยุทธ์):
การจัดเก็บปริมาณพลังงาน เช่น น้ำมันหรือ LNG ในช่วงที่ราคาต่ำ เพื่อสร้างเสถียรภาพและป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด
Energy Efficiency (ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน):
การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพโดยลดการสูญเสียพลังงานในกระบวนการผลิตและการบริโภค เพื่อลดต้นทุนและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
Geopolitical Risk (ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์):
ความเสี่ยงที่เกิดจากความขัดแย้งทางการเมืองหรือเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ที่อาจส่งผลต่อความมั่นคงของอุปทานพลังงานและตลาดโลก
โฆษณา