22 พ.ย. เวลา 16:13 • ปรัชญา

พระอเสขะ ..สนทนา อาตมา ก็ห่วงใยลูกหลาน .

เออ….เออ ..การทำบุญสร้างกุศล ปู่ท่านเมตตา เหลือเกิน ไม่รู้จะ อะไรมาเปรียบเทียบว่า ท่านให้อะไรกับโยม และผู้ฟัง ท่านเคร่งครัดเรื่องราวต่างๆให้เป็นระเบียบเรียนร้อย เรื่องการสวดมนต์ ภาวนา ท่านให้ตาม..ท่าให้ตาม ..ท่านไม่เป็นผู้สอน แต่เป็นผู้ที่ชี้ ..ให้ตามพระให้ได้ พระทำยังไง ก็ให้..ทำตามพระ และมีกัน ..ระเบียบเรื่องราวต่างๆ
ที่ท่านพูดก็ ..เรื่องราวต่างสมัยต้นๆทั้งนั้น เพราะท่านฝึกมาแบบนั้น พระพุทธเจ้าชี้ให้ ..ให้กระทำ ท่านก็กระทำตาม ท่านมาหนุนนำให้ ให้โยมนั้น ทำตามที่ท่านชี้เรื่องราวต่างๆ แล้วก็มีระเบียบเรื่องราวต่างๆมาก รายละเอียดไม่น่าจะมีมาก แต่ก็รายละเอียดนั้น ถ้าทำตามท่านได้ ..สิ่งนั้นก็เป็นของเราทั้งหมด แล้วได้..ทำร้อย ..ได้พันบาท ว่าอย่างนั้นมากมายเหลือเกิน
เพราะฉะนั้น การที่..จะลืมเรื่องราวของท่านไม่ได้เลย ที่ท่านชี้ ..วันนี้ ท่านก็อนุเคราะห์ ไปนิมนต์พระมา รู้ว่าเราจะทำบุญ ..ไปนิมนต์พระมา มาหนุนนำการสร้างบุญสร้างกุศล ให้กับเรา ให้มีความสำเร็จ ในบุญกุศลนั้นๆ
พระแต่ละองค์ๆ ที่นิมนต์มาก็ ..ก็เรียกว่า ..ไม่รู้ว่าจะใสเป็นแก้วอย่างไรแล้ว ..ทำไมท่านไม่ไปพระนิพพาน ก็ห่วงใยศาสนา.ดู อาตมา ..ดูว่ามันไม่มีอะไร แต่ดูแล้วที่ท่านไม่ไป ..ถูกต้องแล้ว เพราะศาสนา ..ไม่รู้จะเละยังไงแล้ว คนนั้นก็อยากจะเป็น..เป็นผู้เป็นศาสดาจารย์เสียเอง ไปผู้กระทำเองมากมายก่ายกอง. ..บาปกรรมมากเหลือเกิน
ตราบใดที่เอาธรรมะของท่านไปหากิน เป็นกรรมอย่างหนัก เพราะท่านมีแต่ให้ ให้ความรู้ ให้ความประพฤติต่างๆ แล้วการกระทำ ก็ต้องให้ถึง ปฏิบัติให้ถึงจิตถึงใจ ..ไม่ใช่ปฏิบัติเพื่อกายกับอารมณ์มีความสุข ..
เออ..อาตมา ก็ห่วงลูกหลาน ..จะไป..อยากมีความรู้ ..ไม่รับความอดทน ..ไม่รู้จักที่มาที่ไปว่า พระพุทธมายังไง ..พระอรหันต์ ท่านทำอะไรบ้าง ก็ไม่ศึกษา ..ให้เค้าพูดเรื่องราวของความโลภนั้นน่ะ ..ไปโทษผู้สอนก็ไม่ได้ ผู้สอน ..ก็ต้องการหาคนยกย่อง
นั่นแหละ ..เอาปัจจัยที่เป็นกรรม มาหากินหาอยู่ พวกนี้พอจิตออกจากร่าง ..โน้น..ไปอยู่ไปคาบไฟโน้น ..บางทีเค้าให้กินน้ำ ร้อนเข้าไป เผาผลาญอยู่ในร่างกาย .ที่ถูกแล้วที่ภิกษุนี้กลัวนักกลัวหนา จะผืดผลาดในคำสอน ก็ยอกว่าไม่ต้องกลัว ของจริงทั่งนั่น ที่มา ..จะบอกว่าองค์นั้นองค์นี้ องค์นั้นอรหันองคนี้อรหันต์ ก็ไม่ได้บอกว่าท่านเป็นอรหันต์ แต่ท่านกมาแดนไกลเท่านั้นเอง
ก็แต่ละองค์ที่มา อาตมาก็..เข้าใหล้ไม่ได้ ก็อยู่ห่างๆ ฟังเสียงท่าน เปล่งวาจาขึ้นมา เสียงนั้นก็ไม่ใช้เสียงธรรมาด ใครตั้งใจฟัง เข้าไปถึงจิต แล้วๆมีความรู้ เรื่องราวต่างๆมาก คำสินแต่ละคำ ที่เปล่งวาจา ประเสริฐนักหนา หาที่ไหน ที่จะได้ฟัง ผู้ที่เป็นพันๆป เราได้ฟัง..เสียงท่านอีกครั้งหนึ่ง โยมจิตออกจากร่าง..นั่น จะได้ฟังเสียงท่านมั่ย ..ไม่ได้ฟัง ขนาดอาตมาโชคดี แต่โชคดี..ได้ยินเสียงโน้น ไปอยู่โน้น ..บางทีอยู่ถึงโดม ที่เค้าเลี้ยงพระกันโน้น แต่ก็ได้ยินเสียง ถ้าอยู่ใกล้หูอาตมา ก็คงจะแตกอีกเหมือนกัน
ที่โยมฟังได้ก็เพราะว่า ..ท่านปล่อยโค้ด ชนิดหนึ่งที่ปิด ให้เสียงนั้น เป็นเสียงธรรมดาปุถุชน แต่ผู้ที่เป็นนามธรรมนี่ มัน..บริสุทธิ์ เค้าก็ต้องเปลี่ยนเป็นเสียงโยมฟังเหมือนกัน ที่จิตดีๆ เค้าก็มีต้องห่าง..เหมือนอาตมาเหมือน เพราะอยู่ใหล้ไม่ได้ เพราะจิตรู้ ..รู้ในแสงในเสียงนั้น เนี่ยที่มาที่ไป..
คราวนี้ ลองทำจิตทำใจ ให้แน่วแน่จริงๆ เสียงจะกังวานอะไรในหูของโยม จะมากน้อยแค่ไหน ก็อยู่ที่..สมาธิของโยม
คราวหลังก็ ถ้ามัพระมาจากแดนไกล ก็ลิกงกระทำดู ทำให้มันนิ่งจริงๆ ..กั้นลมหายใจ..นิ่งๆ ให้มีเป็นจิตจริงๆขึ้นน่ะ ดูซิว่า ..หูของโยม..ได้ยินเสียงที่ใสสะอาด แต่ไม่ถึง..เหมือนอาตมาได้ เพราะว่าอยู่กันคนละดวงจิตกัน
วันนี้ที่ได้ทำบุญไป เค้าก็ได้รับอานิสงส์ ..โยมก็มีอานิสงส์ที่ดีเกิดขึ้น เกิดเป็นเนื้อนาบุญของโยม ก็คงไม่รู้หรอกว่า เรื่องราวอย่างนี้ ควรทำ . ก็นึกว่า ..ไม่อยากอวด ไม่อยากเก่ง .. เราไม่ได้ไปบอกใคร ไปอวดว่า ข้าพเจ้า..อย่างโน้นอย่รงนี้ เมื่อไหร่
.น่าอายที่สุด..ก็พวกทำเห็นแก่หน้าอะไรต่างๆ เช่นไป..สร้างฉันสร้างโรงพยาบาลน่ะ บริจาคเท่านั้นเท่านี้ นั่นน่าอายมากกว่า อยากได้สิ่งที่ตัวเองปรารถนา ก็เลยปรารถนาเช่นนั้น ดีแล้วล่ะ ..ทำบุญที่เค้าเรียกว่า ปิดทองหลังพระ ..แต่มันใสสะอาด อยู่กับบุญ อยู่ที่หน้าพระ เพราะทำจิตทำใจได้ หน้าพระบางที ทำไอะไรไม่ได้เลย ..ความขาวสะอาดก็จะเกิดขึ้นอย่างนี้ แล้วก็เอาน้อยๆน่ะ
..ก็เดินทางด้วยความสุขกายสุขใจ ..มีความสุขในการสร้างบุญสร้างกุศล ..ขอให้ธรรมนั้นหนุ่มนำให้ จิตของโยมได้มีความก้าวหน้า ในการประพฤติปฏิบัติมากขึ้น
สาธุ พุทธัง วันทามิ สาธุ ธัมมัง วันทามิ สาธุ สังฆังวันทามิ
โฆษณา