เมื่อวาน เวลา 04:33 • ความคิดเห็น
เรื่องหนึ่ง ที่ว่า มัชฌิมาปฏิปทา หนทางที่จะวางจิตวางใจ เรียนรู้จัก เรื่องราวของอารมณ์นึกคิด โลกธรรม ..ที่ให้อารมณ์ดีใจ เสียใจ ..ในสัปัสที่เกิดในตัวตนของตัวเอง เมื่อใช้กายเคลื่อนไหว วิญญาณทั้งหก ไปสัมผัส ตาเห็นรูป หูได้รับเสียง ..มันมีกระแสอะไร บ้างเกิดขึ้น ที่ไหลเข้ามาในวิญญาณทั้งหก มันมีร้อนรุ่มหงุดหงิด ไม่พอใจ ไม่ชอบใจ ไม่ได้ดังใจ ..เป็นธรรมารมณ์ไปเสียทั้งหมด ..มันเป็นเหมือนไฟ ..ที่เผาผลาญ
เมื่อ.มันเป็นไฟเกิดขึ้น ที่ว่า ตาเป็นไฟ หูเป็นไฟ ..ลิ้นเป็นไฟ .. เป็นไฟด้วยอารมณ์ลุกโชนเปาทั่งเรือนกาย ..ดูเวลาคนโกรธตบตี กันทะเลาะข่มแหงกัน ..ไฟมันกำลังลุกเผาบ้าน
..จิตที่อยู่ในบ้าน ก็ดิ้นลน ..ดีดดิ้นไปแรงไฟ ด้วยอารมณ์โกรธ อารมณ์ราคะตัณหาต่าง ..ไฟมันลุก ..ขึ้นมา เดี๋ยวมันก็สงบลงไปอยู่ข้างจิตนั่นแหละ ..เดี๋ยวมันก็ลุกขึ้นมาใหม่ มีอะไรสะกิด .ขึ้นมา ..มีอารมณ์ค้างคาใจใช้กายเคลื่อนที่ไป เห็นคนที่ทำให้ไฟลุกเผาบ้านมาก่อน..ก็เดือดดาล ..ไฟมันลุกขึ้นมาเปาอีก ..ไฟสุมขอน ..เผาอยู่ในกาย ก็หาความสุขไม่ได้เลย
..ทางสายกลาง นั่นมันจึงเป็นเรื่องราวที่ต้องฝึกหัด ..ในกิริยารอยทั้งสี่ ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า รอยยืน เดิน นั่ง นอน ..ทำจิตเฉยๆ ไม่ต้องไปนึกถึงใคร ไม่ห่วงใคร ห่วงทรัพย์สินเงินทอง ..วางมันเสียให้หมด ..แล้วก็มาฝึกหัด ..แบ่งเวลามากระทำในรอยทั้งสี่ของพระ..เดินนิ่งๆ วางจิตเฉย ..จิตเป็นมัชฌิมา
เมื่อ ..วางจิตเป็นมัชฌิมา ..นิ่ง เฉย ..มดกัดยุงกัด ..หากไม่นิ่ง ไม่เฉย ก็ไม่เป็นกลาง ..ทำให้เหมือนก้อนหิน ..หมายถึงจิตน่ะ ..รู้เท่าทันอารมณ์ เหมือนมดกัดยุงกัด วางจิตเฉย..ตรงนั้นแหละ ..จิตจะปลดเปลื้องอารมณ์ไป ..อดทนให้ได้ ให้จิตเฉยเป็นมัชฌิมา ..จิตเป็นกลาง พร้อมด้วยสติสัมปชัญญะ ..ท่ามกลางยุงกัดมดกัด ..ทำได้ครั้งหนึ่ง ก็เกิดคำว่า บารมี .ตัดอารมณ์นั้นทิ้งไป..ทำได้หลายครั้ง ก็จะค่อยๆ เกิดปัญญา รู้จักโลก รู้จักธรรมขึ้น จิตก็จะค่อยๆโตขึ้นมา ..
โฆษณา