23 พ.ย. เวลา 12:00 • ไลฟ์สไตล์

“จงจ่ายเงินเพื่อตัวเอง ล่วงหน้า 30 ปี”

เปิดกฎ 3 ข้อแห่งความมั่งคั่งร่ำรวยเพื่อช่วยให้ไปถึงเป้าหมายได้ง่ายขึ้น
ใครๆ ก็อยากประสบความสำเร็จทางการเงิน แต่ระหว่างทางสู่เป้าหมายนั้นไม่ง่ายเลย หรือบางคนยังไม่รู้ว่าต้องเริ่มต้นอย่างไร ลองมาดูกฎทอง 3 ข้อสู่ความมั่งคั่งร่ำรวย โดยคุณนิภาพันธ์ พูนเสถียรทรัพย์ นักวางแผนการเงิน CFP ที่จะช่วยให้คุณตัดสินใจวางแผนการเงิน และเดินทางสู่เป้าหมายได้ง่ายขึ้น
➡️1.จ่ายตัวเองก่อน (Pay Yourself First)
การจ่ายตัวเองก่อน ไม่ได้แปลว่าให้เราเอาเงินไปช้อปปิ้ง หรือซื้อของที่ตัวเองอยากได้ แต่มันคือการจ่ายเงินเพื่อตัวเราในอีก 20-30 ปีข้างหน้า เพราะอย่าลืมว่าในวันที่เราไม่ได้ทำงานแล้ว ก็จะไม่มีรายได้ แต่รายจ่ายยังมีอยู่ ดังนั้นการ Pay Yourself First ก็เหมือนสะสมเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายล่วงหน้า
2
ต้องจ่ายตัวเองเท่าไหร่?
ในโลกนี้มีคน 6 ประเภท แบ่งตามระดับเงินออมและฐานะทางการเงิน คือ
-คนถังแตก : ไม่เคยจ่ายตัวเองก่อนเลย ใช้เงินมากกว่าที่หาได้ ทำให้เป็นหนี้
-คนจน : ฝันว่าจะมีเงินออม แต่หาเงินได้เท่าไหร่ก็ใช้เท่านั้น ไม่มีเหลือเก็บ
-คนชั้นกลาง : จ่ายตัวเองก่อน 5-10%
-คนพอมีพอกิน : จ่ายตัวเองก่อน 10-15%
-คนรวย : จ่ายตัวเองก่อน 15-20%
-คนรวยที่เกษียณอายุก่อนเวลา และมีอิสรภาพทางการเงิน : จ่ายตัวเองก่อนมากกว่า 20% ขึ้นไป
จะเห็นได้ว่าคนแต่ละประเภท มีเปอร์เซ็นต์ในการจ่ายตัวเองก่อนแตกต่างกันไป ทำให้มีความมั่งคั่งต่างกัน ซึ่งเราเลือกได้ว่าอยากจะเป็นคนกลุ่มไหน ถ้าอยากเป็นคนรวยที่เกษียณอายุก่อนเวลา และประสบความสำเร็จทางการเงิน ก็ต้องจ่ายตัวเองมากกว่า 20% ขึ้นไป
ตัวอย่างของการ Pay Yourself First
หากคุณเป็นมนุษย์เงินเดือน ที่บริษัทมีสวัสดิการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หลายคนเข้าใจผิดว่า ถ้ายิ่งหักเงินส่วนนี้ไปมาก ก็จะยิ่งเหลือเงินใช้จ่ายน้อยลง แต่จริงๆ แล้วมันคือการ “Pay Yourself First” ออมเงินเพื่อตัวเองในอนาคต ดังนั้นยิ่งหักเต็มเพดานก็ยิ่งดี เพราะเงินกองทุนสำรองฯ นี้จะได้รับผลตอบแทนงอกเงยมากขึ้นอีก
ส่วนคนที่ไม่มีกองทุนสำรองฯ ก็ใช้หลักการง่ายๆ เลยคือ “ออมก่อนใช้” ขั้นต่ำควรอยู่ที่ 10% ของรายได้ แต่ถ้าคุณอยากเป็นคนมั่งคั่ง ก็ต้องเพิ่มสัดส่วนเงินที่จ่ายเพื่อตัวเอง
1
➡️2. คนรวยคิดการณ์ไกล (Rich People Think Long Term)
“อย่าหมิ่นเงินน้อย” คือคำพูดที่เราได้ยินกันบ่อยๆ เพราะหลายคนพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า การออมเงินไม่กี่พันบาทต่อเดือน ก็สามารถเปลี่ยนให้เป็นเงินล้านได้ ขอแค่รู้จักลงทุนในสิ่งที่ได้ผลตอบแทนเหมาะสม ซึ่งคนรวยจะเชื่อมั่นในการลงทุนระยะยาว และรู้จักพลังของดอกเบี้ยทบต้น ว่ามันสามารถสร้างผลลัพธ์ที่แตกต่างในระยะยาว
aomMONEY ยกตัวอย่างเพื่อให้เห็นภาพ
นาย A อายุ 23 ปี ออมเงินเดือนละ 1,000 บาท
โดยนำไปลงทุนได้ผลตอบแทน 6% ต่อปี
เมื่ออายุ 60 ปี จะมีเงินก้อนประมาณ 1.6 ล้านบาท
1
ขณะที่นาย B อายุ 35 ปี ออมเงินเดือนละ 2,000 บาท
นำไปลงทุนได้ผลตอบแทน 6% ต่อปีเท่ากัน
เมื่ออายุ 60 ปี จะมีเงินก้อนประมาณ 1.3 ล้านบาท เท่านั้น
จะเห็นได้ว่า นาย A ออมต่อเดือนน้อยกว่า แต่ด้วยระยะเวลาลงทุนที่มากกว่า จึงทำให้มีเงินออมมากกว่านาย B ที่ออมต่อเดือนมากกว่า 2 เท่า แต่มีระยะเวลาลงทุนน้อยกว่า นี่คือพลังของดอกเบี้ยทบต้นครับ ดังนั้นเราควรเก็บออมตั้งแต่วันแรกที่เริ่มทำงาน หรือเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
1
➡️3. ทำให้เป็นอัตโนมัติ (Make It Automatically)
เมื่อเรารู้หลักการแล้ว ก็ต้องลงมือทำเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ แต่การไปถึงเป้าหมายทางการเงินมักจะมีอุปสรรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของอารมณ์ ทั้งความโลภ ความกลัว และความขี้เกียจ ดังนั้นเราต้องสร้างระบบวินัยในการลงทุน เช่น ถ้าต้องการ DCA กองทุนหรือหุ้น ก็ตกลงกับธนาคารให้หักเงินจากบัญชีโดยอัตโนมัติทุกๆ สิ้นเดือน เป็นต้น
#aomMONEY #วางแผนการเงิน #วางแผนเกษียณ #การจัดการเงิน
โฆษณา