เมื่อวาน เวลา 09:34 • ไลฟ์สไตล์

วันเอสเพรสโซแห่งชาติ ประวัติกับอีกหลากหลายเรื่องเล่า ที่คุณอาจยังไม่เคยรู้

วันเอสเพรสโซแห่งชาติ 23 พฤศจิกายน National Espresso Day
เอสเพรสโซกับกาแฟธรรมดาต่างกันอย่างไร?
ตามคำบอกเล่าของบาริสต้ามืออาชีพ ไม่สำคัญหรอกว่าคุณจะใช้เมล็ดกาแฟประเภทใด หรือคั่วอย่างไร แต่สำคัญที่วิธีการชงเมล็ดกาแฟ การอัดน้ำแรงดันผ่านเมล็ดกาแฟบดละเอียดทำให้ได้กาแฟเข้มข้นพร้อมฟองกาแฟละเอียดอ่อนอันเป็นเอกลักษณ์ ฟองกาแฟหรือครีม่า (Crema เป็นชั้นโฟมครีมมีความหนานุ่มที่ลอยอยู่ด้านบน) ด้วยน้ำตาลและน้ำมันเข้มข้นจากเมล็ดกาแฟ ที่จะช่วยเพิ่มความหวานเล็กน้อยที่ช่วยปรับสมดุลกับความขม
.
อย่างไรก็ตามวันนี้มีขึ้นได้อย่างไรนั้นไม่เป็นที่แน่ชัด แต่ Espresso นั้นมีประวัติศาสตร์ยาวนานและน่าสนใจ มีบทบาทสำคัญในวัฒนธรรมการดื่มกาแฟทั่วโลก กาแฟ Espresso มีทั้งเรื่องราวและที่เป็นตำนานอย่าง
"การค้นพบกาแฟโดย Kaldi"
ตามตำนานที่นิยมกัน มีการค้นพบกาแฟครั้งแรกในประเทศเอธิโอเปีย ราวศตวรรษที่ 9 ถึง ศตวรรษที่ 15 โดยคนเลี้ยงแกะชื่อ Kaldi เขาพบว่าฝูงแกะของเขากินเมล็ดกาแฟจากต้นไม้แล้วมีพฤติกรรมตื่นตัวและกระฉับกระเฉง เขานำเมล็ดกาแฟไปให้ที่สำนักสงฆ์ซึ่งทูตสามัญได้ทำเครื่องดื่มจากเมล็ดกาแฟและพบว่ามันช่วยให้เขาตื่นตัวและรู้สึกสดชื่น
*เรื่องเล่านี้ อาจเป็นการบอกเล่าผ่านเรื่องราวในท้องถิ่นที่ไม่สามารถยืนยันได้อย่างเป็นทางการ ข้อมูลนี้ไม่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ชัดเจน แต่มักจะถูกยกขึ้นเป็นตำนานในการอธิบายการค้นพบกาแฟ
"การพัฒนาในตะวันออกกลาง"
กาแฟมีต้นกำเนิดในเอธิโอเปียและได้รับการพัฒนาอย่างสำคัญในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะในดินแดนของจักรวรรดิออตโตมันและคาบสมุทรอาหรับ ช่วงศตวรรษที่ 15 เป็นต้นมา
มีการเปิดโรงเบียร์กาแฟแรกในเมืองเมดีนา ประเทศตุรกี ชื่อว่า "قهوة خان" (Qahveh Khaneh) ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์กาแฟ ตลอดจนการก่อกำเนิดวัฒนธรรมการดื่มกาแฟในตะวันออกกลาง และทั่วโลก โรงเบียร์กาแฟเหล่านี้กลายเป็นสถานที่ที่ผู้คนพบปะและพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆ มันเป็นศูนย์กลางของการสื่อสารและการเรียนรู้ในสังคม
"การเดินทางเข้าสู่ยุโรป"
ในปี ค.ศ. 1570 กาแฟเข้าสู่ยุโรป แต่ช่วงแรกมีความถกเถียงเกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพของการดื่มกาแฟ พระสันตะปาปาคลีเมนต์ที่ 8 ได้ทดลองกาแฟและพบว่ารสชาติดีมาก จึงได้ยอมรับการดื่มกาแฟจากคริสตธรรม ทำให้กาแฟกลายเป็นเครื่องดื่มที่นิยมในยุโรป
"การพัฒนาเครื่องทำกาแฟเอสเปรสโซ่"
ในปี ค.ศ. 1884 อันเจโล โมริออนโด (Angelo Moriondo) เป็นผู้พัฒนาเครื่องทำกาแฟเอสเปรสโซต้นแบบที่จดสิทธิบัตรเครื่องทำกาแฟที่ใช้แรงดันไอน้ำ
Luigi Bezzera ได้นำแนวคิดนี้มาปรับปรุงในปี ค.ศ. 1901 โดยเพิ่มฟังก์ชันการใช้งานให้เหมาะสมกับการผลิตเครื่องทำกาแฟเชิงพาณิชย์ และจดสิทธิบัตรใหม่ ต่อมา Desiderio Pavoni ได้พัฒนาเครื่องนี้ให้เข้าสู่ตลาดในวงกว้างในปี 1905 ภายใต้แบรนด์ La Pavoni ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความนิยมเครื่องทำกาแฟเอสเปรสโซที่แพร่หลายในปัจจุบัน
เครื่องทำกาแฟเอสเปรสโซ่สามารถสกัดสารสกัดกาแฟออกมาได้เข้มข้นและมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ รวมไปถึงคำศัพท์ที่เกี่ยวกับกาแฟจำนวนมากเป็นภาษาอิตาลีทั้งนั้น เช่น Cappuccino ที่ตั้งชื่อตามชื่อนักบวชกาปูชินในอิตาลี หรือ Latte ที่ในภาษาอิตาลีแปลว่า นม
นอกจากนี้ อิตาลียังเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องสูตรกาแฟเอสเปรสโซ่อันเข้มข้น ถือได้ว่าอิตาลีเป็นประเทศที่มีมูลค่าการส่งออกกาแฟสูง และมีแบรนด์กาแฟมีชื่อเสียงไปทั่วโลกอย่าง Kimbo, Segafredo Zanetti หรือ Lavazza เป็นต้น
.
เอสเปรสโซ มีเมนูที่น่ากินนอกจากจะเป็นกาแฟแสนอร่อยอยู่นะ
1. Espresso-Infused Chocolate Rum Balls
รัมช็อกโกแลตผสมเอสเพรสโซ
- เหล้ารัมสีเข้ม
- ผงเอสเพรสโซ
- ครีมชีส
- อัลมอนด์ป่น
- น้ำตาลไอซิ่ง
- ช็อกโกแลตไม่หวาน
2. Chocolate Chip Espresso Cookies
- เนย
- น้ำตาลทรายแดง
- น้ำตาลทรายขาว
- วานิลลา
- ไข่ 1 ฟอง
- แป้งอเนกประสงค์
- ผงเอสเพรสโซ
- ผงฟู
- เกลือ
- ช็อกโกแลตนมสับ
- ช็อกโกแลตขาวสับ
3. Brown-Butter Pecan Pie With Rum and Espresso
- พีแคน
- แป้งอเนกประสงค์
- ไขมันพืช
- น้ำตาลทรายแดง
- น้ำเชื่อมอ้อย
- สารสกัดวานิลลา
- ผงเอสเพรสโซ
- เนยจืด
- เนย
- ไข่ไก่
- เหล้ารัม
- น้ำตาล
- เกลือโคเชอร์
- เกลือ
4. Affogato
อัฟโฟกาโตคือเจลาโตในเอสเพรสโซ สูตรขนมหวานอิตาลี
- เอสเพรสโซร้อน 1 ช็อต
- เจลาโตวานิลลา
5. Espresso Martini
- เอสเพรสโซ
- คาลัว
- วอดก้า
- น้ำเชื่อม
.
หลายคนอาจจะบอกว่า แค่จิบกาแฟเอสเพรสโซ ก็ใช่แล้ว! ก็ใช่ครับผม
.
ขอขอบคุณข้อมูล
: nationaldayfood
: epicurious
.
LookAt
โฆษณา