24 พ.ย. เวลา 04:06 • หนังสือ

มนุษย์เรา...

ได้รับชีวิตนิรันดร์มา
เราเกิดมาครั้งแล้วครั้งเล่าบนโลกนี้
เพื่อสะสมปัญญา...
ซึ่งเป็นปัญญาที่มาพร้อมกับ
การฝึกฝนทางจิตวิญญาณ
ในการจะเข้าให้ถึงสารัตถะตรงนี้
คุณต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจนมากขึ้น
ว่าพลังชีวิตมนุษย์ที่ใช้ในการทำสิ่งต่างๆ
ไม่ได้จำกัดอยู่แต่กับโลกสามมิติ
ที่สุดแล้ว...
เราเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่เรียกว่า
"#โลกที่แท้จริง" ซึ่งแผ่ไปไกลกว่า
มิติทั้งสามที่เราทั้งหลายคุ้นเคย
ไปสู่มิติที่สี่และเหนือกว่า
เราไม่ควรคิดว่ามิติเหล่านั้น
มีคุณสมบัติและขอบเขตทางกายภาพ
แต่เป็นโลกโดยตัวเองมากกว่า
แต่ละโลกก็มีลักษณะเฉพาะในแง่จิตสำนึก
เราแต่ละคน...
สามารถมีชีวิตอยู่บนระนาบต่างๆมากมาย
ขึ้นอยู่กับระดับความตระหนักรู้
ทางจิตวิญญาณของเรา
ระนาบหรือระดับที่ว่านี้...
ถือว่าสำคัญทีเดียว
เนื่องจากกระทั่งคำตอบของคำถาม
ที่ว่า..จักรวาลมีสิ้นสุดหรือไม่มีสิ้นสุด
ก็ยังขึ้นอยู่กับว่าเรา..กำลังพูดถึงระดับไหนกันอยู่
หากจะใช้ความเปรียบ...
ก็เปรียบจักรวาลกับร่างกายมนุษย์
และเสื้อผ้าชั้นต่างๆที่นำมาสวมทับ
ส่วนโลกในชีวิตประจำวันของมิติที่สาม
ก็อาจเทียบได้กับร่างกายที่ไม่มีสิ่งใดปกคลุมเลย
และมิติที่สี่ก็เป็นเสื้อชั้นใน
มิติที่ห้าเป็นเสื้อเชิ้ตที่สวมทับเสื้อชั้นใน
มิติที่หกคือสเวตเตอร์ที่อยู่ถัดจากเสื้อเชิ้ต
มิติที่เจ็ดเป็นสูทที่สวมทับสเวตเตอร์
มิติที่แปดเป็นเสื้อโค้ตตัวยาวที่ห่อคลุมสูท
มิติที่เก้าอาจแทนหมวกบนศรีษะ
การเปรียบเทียบนี้อาจดูง่ายหน่อย
แต่ก็คิดว่ามันแสดงถึงสัมพันธภาพเชิงโครงสร้าง
ของมิติต่างๆได้อย่างแม่นยำและเหมาะเจาะ
มิติที่ต่ำลงมา...
ถูกมิติที่สูงกว่าครอบคลุมอยู่
แต่ขณะเดียวกัน..ต่างก็สัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด
มิติที่สูงกว่าดูเหมือนมิติที่ต่ำกว่า
...แต่ก็มีจุดมุ่งหมายสูงกว่า
บทที่ 4. มีสิ้นสุดกับไม่มีสิ้นสุด
หนังสือ กฎแห่งสุริยะ
ริวโฮ โอคาวา
โฆษณา