Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เอาคนดังมานั่งเล่า
•
ติดตาม
24 พ.ย. เวลา 06:49 • ธุรกิจ
สงครามการลดราคาของแอปพลิเคชันขายของออนไลน์: เมื่อการแข่งขันทำให้ทุกฝ่ายเจ็บตัว
ในยุคที่แอปพลิเคชันขายของออนไลน์ (E-commerce) ครองตลาดการซื้อขายสินค้า สงครามการลดราคากลายเป็นกลยุทธ์ที่หลายแพลตฟอร์มใช้เพื่อดึงดูดลูกค้าและเพิ่มยอดขาย ทว่าการแข่งขันที่ดุเดือดนี้กลับสร้างผลกระทบที่หลายฝ่ายต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นผู้ให้บริการเอง ผู้ขายรายย่อย หรือแม้แต่ผู้บริโภคที่ดูเหมือนจะได้ประโยชน์ แต่ต้องรับผลกระทบทางอ้อมในระยะยาว
ต้นเหตุของสงครามการลดราคา
1. การแข่งขันที่รุนแรงในตลาด
ตลาด E-commerce ในประเทศไทยมีผู้เล่นสำคัญหลายราย เช่น Lazada, Shopee, และ TikTok Shop ที่พยายามแย่งส่วนแบ่งการตลาดผ่านการเสนอ “ส่วนลด” และ “โปรโมชัน” อย่างต่อเนื่อง การแข่งขันนี้เพิ่มความกดดันให้ผู้เล่นรายใหม่หรือรายเล็กต้องเข้าสู่สนามแข่งที่มีค่าใช้จ่ายสูง
2. การเพิ่มฐานลูกค้าใหม่
ผู้ให้บริการแอปพลิเคชันมักใช้กลยุทธ์ “ลดราคา-ส่งฟรี” เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคที่ยังไม่เคยใช้งานทดลองซื้อสินค้า แต่การทำเช่นนี้ต้องอาศัยเงินลงทุนมหาศาล เช่น Shopee ที่เคยเผชิญกับการขาดทุนสะสมในช่วงแรกเนื่องจากการทุ่มงบประมาณไปกับส่วนลดและแคมเปญใหญ่
3. วัฒนธรรมผู้บริโภคที่เน้นความคุ้มค่า
ผู้บริโภคชาวไทยมักมองหาสินค้าราคาถูกที่สุด การแข่งขันตัดราคาจึงกลายเป็นกลยุทธ์สำคัญที่แพลตฟอร์มไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
ผลกระทบต่อทุกฝ่าย
1. ผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม
แม้ว่าจะสามารถดึงดูดลูกค้าได้ แต่สงครามการลดราคาทำให้ผู้ให้บริการต้องสูญเสียกำไร หรือแม้กระทั่งขาดทุน เช่น TikTok Shop ที่เพิ่งเปิดตัวและใช้กลยุทธ์ลดราคาอย่างหนัก จนผู้สังเกตการณ์ในตลาดมองว่าเป็นการแข่งขันที่อาจไม่ยั่งยืน
2. ผู้ขายรายย่อย
ผู้ขายในแพลตฟอร์มต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรง ไม่เพียงจากผู้ขายรายอื่นในประเทศ แต่ยังรวมถึงสินค้าจากต่างประเทศที่เข้ามาตีตลาดไทยในราคาที่ถูกกว่า ทำให้รายได้ของผู้ขายบางรายลดลงอย่างเห็นได้ชัด
3. ผู้บริโภค
แม้ว่าผู้บริโภคจะได้รับประโยชน์ในรูปแบบของสินค้าราคาถูก แต่ในระยะยาวอาจส่งผลเสีย เช่น สินค้าที่คุณภาพต่ำ หรือการที่แพลตฟอร์มบางแห่งอาจเลิกกิจการเพราะทนต่อการขาดทุนไม่ไหว
ข้อมูลสนับสนุน
• รายงานของ Statista ระบุว่า ในปี 2023 Shopee รายงานผลขาดทุนกว่า 300 ล้านเหรียญสหรัฐ ในไตรมาสแรก ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการทุ่มงบประมาณไปกับการลดราคาสินค้าและโปรโมชัน
• การสำรวจของ Google, Temasek, and Bain & Company เผยว่า ตลาด E-commerce ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะเติบโตขึ้นอีก 15% ภายในปี 2025 แต่ผู้เล่นในตลาดจะต้องเผชิญกับแรงกดดันด้านต้นทุนที่สูงขึ้น
ทางออกของสงครามราคาที่ไม่ยั่งยืน
1. การพัฒนาคุณภาพบริการ
แพลตฟอร์มควรมุ่งเน้นการสร้างความแตกต่าง เช่น บริการหลังการขาย หรือระบบคืนสินค้าที่มีประสิทธิภาพ
2. การสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า
การใช้โปรแกรมสมาชิก (Loyalty Program) หรือการให้สิทธิพิเศษเฉพาะกลุ่มสามารถช่วยดึงดูดลูกค้าโดยไม่ต้องพึ่งการลดราคาอย่างต่อเนื่อง
3. ส่งเสริมความยั่งยืน
การสนับสนุนสินค้าจากผู้ผลิตในประเทศหรือสินค้าที่มีคุณภาพสูง อาจช่วยลดผลกระทบจากการตัดราคาสินค้าจากต่างประเทศ
สงครามการลดราคาอาจดูเป็นกลยุทธ์ที่ดึงดูดในระยะสั้น แต่หากปรับเปลี่ยนแนวทางเพื่อเน้นคุณค่าและความยั่งยืน ผู้ให้บริการในตลาด E-commerce อาจสามารถสร้างผลกำไรในระยะยาว และลดผลกระทบเชิงลบต่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ.
ความคิดเห็น
จีน
ธุรกิจ
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย