24 พ.ย. เวลา 06:56 • ความคิดเห็น

เสี่ยงสัตว์ๆ

เมื่อวานเย็น ผมได้ฟังการบรรยายเรื่องของเทรนด์โลกอนาคตแบบเข้มข้นจากคุณอาร์มแห่ง brandi ผู้ที่ทั้งเดินทางเยอะ มีโอกาสได้ฟัง ได้เห็นและได้ถกกับผู้นำระดับโลกและเป็น speaker ในเวทีโลกหลายเวที มีตอนหนึ่ง คุณอาร์มพูดถึงการมอง การวิเคราะห์ความเสี่ยงของโลกไว้ว่ามีสองเรื่อง เปรียบกับสัตว์ก็คือสัตว์สองตัวได้แก่ แรดเทา (Grey rhino) กับ หงส์ดำ (black swan)
ในบทความของ mckinsey ก็มีวิเคราะห์เทรนด์ของ geopolitic ด้วยสัตว์สองตัวนี้ โดยอธิบายว่า black swans ก็คือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคาดเดาทำนายได้ เช่นอยู่ดีๆ ก็มีโควิด หรือรัสเซียบุกยูเครน คุณอาร์มบอกว่าโลกเราชอบที่จะพยายามคาดการณ์และพูดถึงเรื่องนี้มากกว่าเพราะมันตื่นเต้นกว่า
Black swan นั้น อาจารย์วราภรณ์ สามโกเศศ เคยเล่าว่ามาจากการที่มนุษย์รู้จักหงส์ขาวมานานมากตั้งแต่สมัยโบราณแต่ไม่มีใครรู้ว่ามีหงส์สีดำอยู่ จนมีนักเดินเรือคนหนึ่งไปพบที่ออสเตรเลียตะวันตก การที่ไม่เคยพบไม่ได้หมายความว่ามันไม่ได้มีอยู่ ซึ่งคุณ Nassim Taleb เอามาเขียนหนังสือในเรื่องนี้จนโด่งดัง
ส่วน grey rhino นั้นมีการพูดถึงในระยะหลัง บนเวทีที่คุณอาร์ม brandi คุ้นเคยก็คือ World Economic Forum โดยนักวิเคราะห์นโยบายและนักเขียนชื่อดัง โดยมีแนวคิดว่าเป็นเหตุการณ์ที่ถ้าเกิดแล้วจะมีผลกระทบใหญ่หลวงและมีโอกาสเกิดสูงมาก ดูดีๆ ก็เห็นแต่คนที่รับผิดชอบดูไม่ออกหรือคิดว่าไม่สำคัญ เหมือนแรดวิ่งตะบึงมาแล้วเราไม่หลบ อย่างเช่นเรื่องโลกร้อน (climate change) ที่คุณอาร์มเล่าว่า ประชุม COP กี่ครั้ง รู้ปัญหาอยู่แล้ว แต่ก็เลวร้ายลงเรื่อยๆ
อาจารย์วรากรณ์เล่าต่อด้วยว่า สัตว์สองตัวนี้ดังขึ้นอีกเพราะประธานาธิบดีสีจิ้นผิงพูดในที่ประชุมใหญ่ปี 2019 ว่าจีนต้องพยายามรับมือกับหงส์ดำ และตรวจจับสัญญานแรดเทาให้ได้โดยไวเพื่อเป็นการป้องกันและความมั่นคงของประเทศ
1
ในมุมการทำธุรกิจ เราเองก็เพิ่งเผชิญ black swan ไปจากโควิด ก็คงรู้ซึ้งและเข้าใจกันดี เป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด ไม่มีในตำราใดๆ วิธีบรรเทาเมื่อมีปัญหา black swan ก็คือการเตรียมพร้อม เตรียม buffer ไว้เผื่อเหลือเผื่อขาด ไม่กู้จนเต็ม max มีเงินสดสำรองไว้ เผื่อเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดที่จะเกิดขึ้น ซึ่งน่าจะปรับใช้กับตัวเองได้ด้วยในมุมที่เราต้องเตรียมตัวสำหรับเหตุการณ์ไม่คาดฝันตลอดเวลา สามารถปรับตัวเองได้ตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปที่ไม่คาดฝันได้
1
ส่วน grey rhino นั้นพบเห็นได้ในชีวิตประจำวัน ยอดขายที่ลดลงอย่างช้าๆ แต่ต่อเนื่อง สินค้าจีนที่เริ่มเข้ามา เทคโนโลยีใหม่ที่คืบคลานเข้ามาทีละน้อย แต่เราเองกลับดื้อและปฏิเสธการเปลี่ยนแปลงหรือปรับตัวช้าเกินไป ไม่พูดถึงแค่ kodak แต่วงการช่างภาพที่เคยเจอ digital camera วงการสื่อที่เห็นโซเชียลมีเดีย
โชห่วยที่เจอร้านสะดวกซื้อ การจับสัญญานที่พลาดนั้นส่วนใหญ่เกิดจากการขาดข้อมูล ความเชื่อมั่น และการยึดติดกับความสำเร็จในอดีตเป็นเหตุหลัก เป็นความเสี่ยงที่จริงๆแล้วป้องกันหรือแก้ไขได้ บทเรียนทางธุรกิจเรื่องนี้ก็มีให้เรียนรู้กันมากมาย
2
อาจารย์วรากรณ์ยังพูดถึงสัตว์อีกตัว ซึ่งเราพบเห็นในห้องประชุมเป็นประจำก็คือ ช้าง สัตว์ตัวใหญ่ที่ยืนคับห้องแต่ไม่มีใครพูดถึง (elephant in the room) เป็นปัญหาที่เด่นชัด ทุกคนรู้แต่หลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงมัน กลับเลี่ยงไปพูดปัญหายิบย่อยและไม่ตรงเป้า อาจจะเกิดจากหลายสาเหตุเช่น เกรงใจไม่อยากทะเลาะกับฝ่ายอื่น พูดแล้วจะมีคนโกรธ หรือถ้าพูดแล้วอาจจะมีผลลัพธ์เป็นลบกับตัวเองต่อให้เป็นปัญหาที่ต้องแก้ และใหญ่มากๆ หรือกลัวเจ้านายจนไม่กล้าพูด
ซึ่ง IRM India เรียกความเสี่ยงที่เกิดจากการหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้านี้ว่า แมงกะพรุนดำ (black jellyfish) เป็นความเสี่ยงที่ทำนายได้ เห็นค่อนข้างชัด มีผลกระทบรุนแรงแต่ถูกละเลยเพราะไม่อยากจะกระทบกระทั่งหรือเผชิญหน้ากันเป็นเหตุหลัก
ส่วนสัตว์ตัวสุดท้ายนี้ บางทีก็ป้องกันได้ หรือเกิดขึ้นไปแล้วก็ควรรีบหาทางป้องกัน ต้องล้อมคอกไว้ ไม่ใช่ปล่อยให้ “วัว” ตัวต่อไปหายได้อีก ในทางการทำงาน โอกาสผิดพลาดนั้นเกิดขึ้นได้ แต่ไม่ควรผิดซ้ำสอง เพราะมีคนบอกว่าผิดครั้งแรกไม่ตั้งใจ แต่ผิดหลายครั้งนั้นคือความประมาทเลินเล่อ ซึ่งองค์กรธุรกิจที่ดีควรมีกลไกที่จะสามารถซ่อมแซมตัวเองและป้องกันเหตุที่เกิดขึ้นไปแล้วไม่ให้เกิดขึ้นอีกได้ในเวลาอันสั้น
หงส์ แรด ช้าง แมงกะพรุน และวัว เวลาประเมินความเสี่ยงและแก้ไขปัญหาในองค์กร ลองแยกเป็นห้ากองนี้ก็อาจจะทำให้เห็นและสามารถคิดถึงความเสี่ยงได้ครบถ้วนมากกว่านะครับ เพราะเรามักจะคุยแต่ความเสี่ยงที่ดูตื่นเต้นเช่น black swan ที่นานๆเกิดทีแต่ละเลยที่จะคุยและเผชิญหน้ากับสิ่งที่เห็นชัดๆ
แต่ก็เป็นเรื่องปกติที่ความเสี่ยงเหล่านี้จะเกิดเพราะเป็นนิสัยของมนุษย์ที่มีอีโก้ ไม่ชอบเปลี่ยนแปลงแต่ก็หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าที่ทำให้ความเสี่ยงบางอย่างนำมาซึ่งภัยระดับหายนะก็เห็นกันอยู่มาตลอดประวัติศาสตร์ธุรกิจกันมาตลอดไม่ว่าจะเป็นบริษัทระดับโลกหรือร้านแถวบ้านเรานี่แหละครับ
โฆษณา