24 พ.ย. เวลา 11:17 • ความคิดเห็น

คอลาบ

คอลาบในความหมายผมไม่ใช่ลาบคอหมูย่างหรือคนชอบกินลาบแต่อย่างใดนะครับ ตั้งชื่อชวน clickbait เล่นๆ ไปงั้น
1
แต่ที่จะเขียนนั้น หมายถึง Collaboration หรือการร่วมมือกันระหว่างสองหรือสามสิ่ง พี่จิก ประภาส ชลศรานนท์เคยเล่าถึงเจ็ดวิธีตีหินที่เป็นบ่อเกิดของความคิดสร้างสรรค์เมื่อหลายปีก่อน หนึ่งในเจ็ดวิธีที่พี่จิกเคยอธิบายไว้คือการจับคู่ผสมพันธุ์ เอาอะไรที่ไม่น่าจะเข้ากันได้มาลองรวมกันดูก็อาจจะเกิดสิ่งใหม่ๆหรือไอเดียใหม่ๆก็ได้ ในตอนนั้นพี่จิกยกตัวอย่างตั้งแต่ไอโฟนที่เอาอินเตอร์เนท กล้องถ่ายรูปมารวมกับมือถือจนถึงไอติมมะม่วงน้ำปลาหวานที่เพิ่มมีคนทำในตอนนั้น…
ผมได้มีโอกาสไปเป็นหนึ่งในผู้ชมคอนเสิร์ตบนรถไฟฟ้า music skytrain fest ที่เป็น talk of the town มากๆในเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา และได้เจอน้องโจแห่งมาม่าและน้องมิ้นท์แห่งโรงภาพยนต์ SF ด้วย สามเหตุการณ์นี้เป็นสามเรื่องที่ทำให้ผมประทับใจกับการตลาดความคิดสร้างสรรค์ในรูปแบบจับคู่ผสมพันธุ์และทั้งสามแคมเปญก็ประสบความสำเร็จในทางบวกอย่างมาก เลยอยากมาเล่าเผื่อเป็นไอเดียและเห็นตัวอย่างกันนะครับ
เรื่องแรกคือผมนี่เป็นแฟนคลับน้องอิ๊งค์ วรันธร อยู่แล้ว ตอนได้ยินครั้งแรกว่ามาม่าจะไปเป็นสปอนเซอร์ซีรีส์ squid game ภาคสองนี่ก็ยังคิดว่ามาม่าจะเล่นมุกไหน ปรากฏว่าซักพักก็มีมาม่า OK แบบแห้งรสใหม่ออกมาในชื่อ Squid ink เป็นการเอา Squid game มาคอลาบกับอิ๊งค์ วรันธร ที่เป็นพรีเซนเตอร์มาม่าได้อย่างน่ารัก แถมออกรสชาติที่บอกแล้วก็ร้องอ๋อเพราะมาจาก squid ink sauce จากอาหารอิตาเลี่ยนที่คนคุ้นเคย
สามอย่างที่ไม่น่าเกี่ยวกันได้พอเอามาผสมกันนี่ทำให้มาม่ารสใหม่ขายดีกระจาย ยอดถล่มทลายที่สุดตั้งแต่มีมาม่า OK มาเลยทีเดียว นี่ขนาด squid game 2 ยังไม่ฉายนะครับ…
ผมได้คุยกับน้องโจ เพชร พะเนียงเวทย์ ผู้บริหารมาม่าถึงรู้ที่มาว่าโจนี่แหละคือคนคิด เริ่มจากมีคนมาชวนสปอน Squid game แล้วโจนึกไปนึกมาก็เอามาผสม แล้วสั่งทีมให้ลองทำดู ไม่ได้มีใครคิดอะไรให้ เกิดจากความซนและวิญญาณการตลาดล้วนๆ แล้วก็ดังเปรี้ยงปร้างสมใจเพราะลงตัวเหลือเกิน
1
เรื่องที่สองคือ music skytrain fest ที่ผมเพิ่งไปมานี่แหละครับ เรื่องนี้คือการจับคู่คอนเสิร์ทที่ปกติต้องแสดงต่อหน้าคนหลายพัน หลายที่นั่งเห็นศิลปินตัวเท่ามด น้องเอ๋แห่งบริษัท Good thing happen ที่สุดแสนครีเอทีฟและเก่งด้านการจัดคอนเสิร์ทได้โคจรมาเจอเจ้าแม่การตลาดวงการรถไฟฟ้า BTS อย่างพี่อุ๊ อรนุช ที่ทุกอย่างเป็นไปได้ ก็เลยมาลองจับคู่ผสมพันธุ์ ทำคอนเสิร็ทบนรถไฟฟ้า โดยเอาศิลปินดังๆมาเล่นบนรถไฟฟ้าที่วิ่งจากหมอชิตไปกลับอ่อนนุชเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง
1
คนที่ได้ดูอาจจะหลักร้อย แต่ไวรัลในระดับวิวเป็นล้าน ระดับแชร์ติดเทรนด์ X อยู่สองวันเพราะไม่เคยมีคอนเสริ์ทไหนได้ใกล้ชิดศิลปินแบบแบบหายใจรดต้นคอ แค่เอื้อมมือก็แตะถึง (แต่เขาห้ามแตะนะครับ) ในระดับ 4eve มาเต้นต่อหน้า เจฟฟ์ ซาเตอร์มายืนอยู่ข้างหน้า น้องอิ๊งค์ร้องเพลงอยู่ห่างไปแค่คืบแบบนี้
การจับคู่ผสมพันธุ์ในเรื่องที่ไม่เกี่ยวกันเลย ถ้าผสมได้ก็จะเกิดมวลสารการตลาดประมาณนี้เลยครับ…
ส่วนเรื่องสุดท้าย น้องมิ้นท์แห่งโรงหนัง SF ปล่อยแคมเปญที่ผมว่าน่ารักสุดๆ ก็คือแคมเปญช่วยโปรโมทหนังและอวยพรวันเกิดให้ค่าย major ครบรอบสามสิบปี ปกติแล้วสองค่ายหนังนี้เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมายาวนาน มีเรื่องราวออกสื่อก็บ่อย ตัดราคากัน โวยวายห้ำหั่นกันจนทุกคนรู้ว่าสองค่ายนี้แทบจะเป็นศัตรูกันเลยด้วยซ้ำ
แต่น้องมิ้นท์ผู้ดูแลการตลาดฝั่ง SF ก็เริ่มทอดไมตรี ไม่ตัดราคาตัดหน้าวันเกิด major แต่กลับแสดงความเป็นมิตรด้วยการอวยพรวันเกิด ทำแคมเปญช่วย ทางเมเจอร์ก็มาตอบขอบคุณเป็นที่น่ารัก คอมเม้นท์เป็นไปในทางบวกมากๆ และเริ่มไวรัลด้วยความเซอร์ไพรส์อีกเช่นกัน
เป็นการคอลาบผ่านสื่อที่น่ารักและสร้างบรรยากาศที่ดีต่อกัน ซึ่งน่าจะดีกับวงการภาพยนตร์ที่ถูกคู่แข่งด้านอื่นๆมาโจมตี การผนึกกำลังกันจึงน่าจะเป็นประโยชน์ในระยะยาวกับทั้งสองค่ายอย่างแน่นอน
เอาสามเรื่องของความคิดสร้างสรรค์ที่เกิดจากการจับคู่ผสมพันธุ์มาเล่าสู่กันฟังเผื่อจะได้ไอเดียเอาของที่ไม่เหมือนกันมารวมกัน ได้ไอเดียเรื่องการฝึกคิดจับคู่ไปเรื่อยๆ จนลงตัว และได้ไอเดียจากการยื่นไมตรีร่วมมือกันกับคู่แข่งในอุตสาหกรรม เผื่ออาจจะนำไปสู่ความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆในโลกที่คนทำอะไรแบบเดิมแทบไม่มีที่ยืนก็เป็นได้นะครับ….
1
โฆษณา