Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
aomMONEY
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
เมื่อวาน เวลา 15:15 • หนังสือ
"จงระวังคำแนะนำการเงินการลงทุนจากคนที่เล่นเกมต่างจากคุณ"
สรุป 10 บทเรียนการเงิน ความโลภ ความสุข จากหนังสือ “The Psychology of Money”
สำหรับใครก็ตามที่รู้สึกว่าหนังสือเรื่องการเงินเป็นอะไรที่น่าเบื่อ อยากแนะนำให้อ่านเล่มนี้เลย เพราะมันอ่านสนุกมาก
เป็นอีกเล่มที่เข้าใจแล้วว่าทำไมมันถึงเป็นหนังสือขายดีระดับโลกที่ติดอันดับอยู่นานมาก ๆ เพราะมันไม่ใช่แค่จะเปิดโลกเกี่ยวกับการเงินให้ผู้อ่านเข้าใจง่ายขึ้นเท่านั้น แต่จะปรับแนวคิดเรื่องการเงินของเราไปเลยทีเดียว
นี่คือสรุป 10 บทเรียนเรื่องการเงินจากหนังสือเล่มนี้ (แต่ก็ยังอยากให้ลองไปอ่านกันอยู่ดีนะ)
✅ [[ 1. ไม่มีใครเป็นคนบ้า ]]
เมื่อเราพูดถึงเรื่องเงิน เหตุผลของเราอาจจะไปขัดกับเหตุผลของคนอื่น บางทีเราอาจจะมองว่าคนซื้อหวยคือคนบ้าที่ไม่คำนึงถึงอนาคต เพราะโอกาสถูกมันน้อยมาก แต่คนที่ซื้อก็มองว่านี่คือการซื้อความฝันที่จะทำให้พวกเขาหมดหนี้ มีบ้านสักหลังของตัวเองสักที
มอร์แกน เฮาเซิล (Morgan Housel) ได้เขียนเอาไว้ในหนังสือของเขาว่าสำหรับเรื่องเงินแล้วไม่มีใครเป็นคนบ้า มันไม่มีสูตรตายตัว มันไม่เหมือนสูตรคณิตศาสตร์ที่จะคำนวณได้เลยว่าเก็บเท่านี้แล้วจะมีเท่านั้น ไม่ใช่การยิงจรวดไปดาวอังคารที่คาดเดาได้จากการกดเครื่องคิดเลข เหตุผลก็เพราะว่าเมื่อเราตัดสินใจเรื่องเงิน จะมีอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้องเสมอ
เราไม่ควรและไม่สามารถตัดสินเรื่องเกี่ยวกับการเงินของใครสักคนหนึ่งด้วยสูตรทางคณิตศาสตร์
“ผู้คนต่างยุคต่างสมัย ถูกเลี้ยงมาโดยครอบครัวที่ต่างกัน รายได้แตกต่างกัน ยึดถือคุณค่าต่างกัน ในส่วนต่าง ๆ ของโลก [...] ทุก ๆ คนต่างใช้ชีวิตที่ผูกติดอยู่กับมุมมองเรื่องการทำงานของเงินอันแตกต่างกันอย่างมากในแต่ละบุคคล”
✅ [[ 2. โชคและความเสี่ยง ]]
สองอย่างนี้เป็นญาติกัน เป็นคนละด้านของเหรียญเดียวกัน คนส่วนใหญ่มักเรียกความสำเร็จของคนหนึ่งว่าโชค ส่วนความล้มเหลวก็เกิดจากความเสี่ยงที่ลงมือทำแล้วไม่ประสบความสำเร็จ แต่ความจริงแล้วไม่ว่าความสำเร็จหรือความล้มเหลว ต่างก็มีทั้งโชคและความเสี่ยงด้วยกันทั้งนั้น
บิล เกตส์ (Bill Gates) คือนักเรียนหนึ่งในล้านของโลกที่ได้เข้าถึงคอมพิวเตอร์ในปี 1968 ความสำเร็จของเขาไม่ได้มาจากความสามารถเท่านั้น แต่ถ้าโรงเรียนไม่ได้มีคอมพิวเตอร์ให้ในตอนนั้นก็คงไม่มีไมโครซอฟท์ในตอนนี้
1
เพื่อของเกตส์ชื่อ เคนท์ อีแวนส์ เป็นเพื่อนสนิทกันตอนนั้น เป็นนักเรียนที่เก่งที่สุดในชั้น และทั้งคู่ก็ชื่นชอบคอมพิวเตอร์เช่นเดียวกัน ซึ่งทั้งคู่ก็เคยวางแผนว่าจบมาแล้วจะทำงานด้วยกัน แต่เรื่องนั้นไม่ได้เกิดขึ้นเพราะอีแวนส์เสียชีวิตขณะไปปีนเขา ซึ่งตามสถิติโอกาสการเสียชีวิตจากการปีนเขาก็คือหนึ่งในล้านเช่นเดียวกัน
1
โชคและความเสี่ยง พลังงานรูปแบบเดียวกันแต่ทำงานในทางตรงกันข้าม
เฮาเซิลอธิบายว่าในชีวิตต้องจำเอาไว้ว่าทั้งโชคและความเสี่ยงจะเกิดขึ้นเสมอ เรียนรู้ที่จะรับมือกับความเสี่ยงแต่ไม่ใช่หลีกเลี่ยงและอย่าลืมว่าคุณก็โชคดีมาก ๆ ด้วยเช่นเดียวกัน
✅ [[ 3. ไม่เคยพอ ]]
สิ่งที่สำคัญที่สุดในโลกการเงินของคุณคือการรู้จักคำว่า “พอ” อย่าพยายามย้ายเป้าหมายให้ไกลออกไปเรื่อย ๆ ตั้งเป้าหมายมีสิบล้านก็พอแล้ว พอมีสิบล้านก็บอกว่าขอร้อยล้านก็พอแล้ว พอมีร้อยล้านก็ขยับเป้าหมายออกไปเรื่อย ๆ
ตั้งเป้าหมายและรูปแบบการใช้ชีวิตที่เราเชื่อว่าจะมีความสุข เมื่อไปถึงตรงนั้นคุณก็ควรจะเลิกกังวลเรื่องการเงินในชีวิตได้แล้ว
การวิ่งตามชีวิตที่หรูหรามากขึ้นเรื่อย ๆ นั้นไม่เคยจบสิ้น ไม่มีทางทำให้คุณมีความสุขได้ อย่าเปรียบเทียบกับคนอื่นในสังคมหรือเพื่อน คำนวณเงินที่จะทำให้คุณมีความสุขแล้วก็พยายามไปให้ถึงตรงนั้นให้ได้แล้วก็หยุด
รู้ว่าเมื่อไหร่ควรจะ ‘พอ’
✅ [[ 4. พลังของดอกเบี้ยทบต้น ]]
สำหรับคนที่สนใจเรื่องการลงทุนน่าจะเคยได้ยินเรื่องดอกเบี้ยทบต้นอยู่บ่อย ๆ แต่เฮาเซิลยกตัวอย่างเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจนโดยบอกว่าความมั่งคั่งของวอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett) นั้นเกิดขึ้นจากความมหัศจรรย์ของดอกเบี้ยทบต้นที่ใช้ระยะเวลานานกว่าจะออกดอกผล แต่เมื่อมันทำงานแล้วมันจะสร้างความแตกต่างอย่างมาก
ในหนังสือบอกว่า บัฟเฟตต์ตอนอายุ 90 ปีมีมูลค่าทางทรัพย์สินประมาณ 84,500 ล้านเหรียญ โดย 84,200 ล้านเหรียญนั้นเป็นมูลค่าที่เกิดขึ้นหลังจากวัย 50 ปี ซึ่งเขาลงทุนมาตั้งแต่สิบขวบและตอนที่เขาอายุ 30 ปี มีความมั่งคั่งสุทธิราว ๆ 1 ล้านเหรียญเท่านั้น
ถ้าคิดเป็นจำนวนปี 30->50 ปี ความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นเพียง 300 ล้านเหรียญ แต่ช่วง 50->90 ปี (ถ้าไม่มีดอกเบี้ยทบต้น มูลค่าควรจะเพิ่มแค่ 600 ล้านเหรียญ เพราะระยะเวลา 40 ปี) ความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นกว่า 84,200 ล้านเหรียญ
ดอกเบี้ยทบต้นนั้นต้องใช้เวลาและความอดทน ลงทุนแล้วปล่อยให้มันเติบโต ตอนแรก ๆ มันไม่ทันใจ แต่พอนานไปจะส่งผลลัพธ์ที่เหลือเชื่อเลยทีเดียว
✅ [[ 5. ได้มาซึ่งความมั่งคั่งและรักษาความมั่งคั่งไว้ ]]
1
ความมั่งคั่งคือสิ่งที่คุณมองไม่เห็น มันไม่ใช่บ้านหลังใหญ่ นาฬิกาหรู หรือรถยนต์คันใหม่ มันเป็นสิ่งที่ซ่อนเอาไว้ข้างหลัง เราเคยได้ยินเสมอว่าคนรวยมักไม่อวดรวย นั่นคือความจริง
มีหลายวิธีที่ใครสักคนจะกลายเป็นคนมั่งคั่ง อาจจะทำงานหนัก ประสบความสำเร็จในธุรกิจ ได้รับมรดก หรือบางทีก็โชคดีถูกหวย แต่สิ่งที่ยากกว่าคือการรักษาความมั่งคั่งนั้นให้คงอยู่ไว้
มันต้องอาศัยทักษะของการเอาตัวรอด มัธยัสถ์และระมัดระวังอยู่เสมอ
✅ [[ 6. มั่งคั่งเรื่องเวลา ]]
เฮาเซิลอธิบายว่า “การควบคุมเวลาของตัวคุณเองได้คือเงินปันผลสูงสุดที่เงินมอบให้คุณได้”
จุดสูงสุดของรูปแบบความมั่งคั่งก็คือการตื่นมาตอนเช้าแล้วสามารถพูดได้ว่า ‘วันนี้ฉันสามารถทำอะไรก็ได้ที่ต้องการ’
ทุกคนต่างต้องการความมั่งคั่งมากขึ้นเพื่อจะได้มีความสุขมากขึ้น
แต่ความสุขเป็นเรื่องนามธรรมที่จับต้องได้ยาก วัดได้ยากเพราะทุกคนความสุขก็แตกต่างกัน แต่ถ้าจะมีอย่างหนึ่งที่ทำให้ทุกคนมีความสุขก็คงหนีไม่พ้นความสามารถในการควบคุมชีวิตของตัวเองนั่นเอง
ความสามารถในการทำสิ่งที่ต้องการ ในเวลาที่ต้องการ กับคนที่คุณต้องการ นานเท่าไหร่ก็ได้ตามที่ต้องการ นั่นคือความมั่งคั่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดและมันเป็นปันผลสูงสุดที่เงินมอบให้ได้เลยทีเดียว
เงินทุกบาทที่หามาได้จะมอบทางเลือกให้กับชีวิต เราจะนำไปซื้ออิสรภาพหรือจะจองจำในความหรูหรา ใช้ชีวิตที่ดีมากพอ เก็บเงินแล้วตั้งเป้าหมายที่จะมีความมั่งคั่งเรื่องเวลา มีอิสรภาพแบบที่เราต้องการ
✅ [[ 7. เผื่อพื้นที่สำหรับความผิดพลาด ]]
สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับทุกแผนการคือการวางแผนเผื่อว่าจะทำยังไงหากแผนแรกไม่เป็นไปตามแผน
ไม่ว่าเราจะลงทุนในอะไรก็ตามความผิดพลาดเกิดขึ้นได้เสมอ เพราะฉะนั้นพื้นที่ที่เผื่อเอาไว้นี้คือแผนสำรองที่จะทำให้คุณรอดตายในเกมนี้จนกระทั่งไปถึงปลายทางที่ตั้งเป้าหมายเอาไว้ มันคือการตระหนักว่าความเสี่ยงนั้นอาจจะทำให้แผนทุกอย่างนั้นพังลงได้ต่อหน้าต่อตาเลย
พื้นที่ตรงนี้จะทำให้คุณรอดตายเพื่อไปให้ถึงฝั่งฝัน
1
ยกตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดในเรื่องการเงินคือการพึ่งพารายได้เพียงแค่ทางเดียวสำหรับการอยู่รอดหรือเกษียณ เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเป็นพนักงานเงินเดือน จู่ ๆ บริษัทเจ๊งหรือถูกปลดขึ้นมา ความเสียหายนั้นอาจสูงมากจนทำลายความมั่งคั่งที่สร้างมาทั้งหมดเลยก็ได้
จงเผื่อพื้นที่สำหรับความผิดพลาดที่ไม่คาดคิดด้วย
✅ [[ 8. ไม่มีอะไรได้มาฟรี ]]
ทุกสิ่งมีราคาของมัน แต่เราไม่ได้เห็นป้ายราคาตลอดเวลา
ทุกวันนี้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องการลงทุนนั้นเป็นเรื่องที่หาเรียนได้ไม่ยาก ทุกคนเข้าใจว่าลงทุนในระยะยาวนั้นจะออกดอกออกผลในที่สุด แต่ผลลัพธ์เหล่านั้นก็มีค่าใช้จ่ายของมันเช่นกัน ไม่มีอะไรได้มาฟรี ๆ ป้ายราคาที่มองไม่เห็นคือความผันผวนและความกลัวที่เกิดขึ้นระหว่างทางของการลงทุนนั่นแหละ
เมื่อตลาดหุ้นร่วง เราต้องมีทักษะที่จะอดทนและสงบในช่วงเวลาแบบนี้ เมื่อลงทุนในระยะยาว แน่นอนเราจะเห็นหุ้นเป็นสีแดงและความกลัวก็จะเกิดขึ้น นี่คือสิ่งที่เราต้องจ่าย เพื่อจะไปถึงความมั่งคั่งที่ปลายทาง
✅ [[ 9. ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเสมอ ]]
สิ่งหนึ่งที่ทำให้การวางแผนระยะยาวเป็นเรื่องยากก็เพราะว่าเป้าหมายและความต้องการของเรานั้นเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เราคิดว่าตัวเองจะเป็นเหมือนเดิมตลอดชีวิต แต่นั่นไม่ใช่เรื่องจริงเลย
เมื่อ 10 ปี ก่อนเป้าหมายการลงทุนของเราก็เป็นแบบหนึ่ง ผ่านมา 5 ปีก็เปลี่ยนไป ตอนนี้ก็ไม่เหมือนเดิมอีก
เราต้องยอมรับจุดนี้ว่าทุกคนเปลี่ยนกันได้ คุณก็เหมือนกัน
เป้าหมายหรือความฝันของคุณอาจจะเปลี่ยนไประหว่างทาง เพราะฉะนั้นควรหลีกเลี่ยงการวางแผนการเงินที่สุดโต่งมากเกินไป อย่างการทำงานหนักเก็บเงินทุกบาทโดยไม่ใช้ชีวิตที่มีความสุขหรือพักผ่อนเลย หรือสุดโต่งไปอีกทางคือมีเงินเท่าไหร่ใช้ให้หมดเพราะความสุขในตอนนี้สำคัญที่สุด
ไม่ว่าทางใดสุดโต่งมากเกินไปก็ไม่ดี เพราะฉะนั้นจงเก็บให้เพียงพอและรู้ไว้ว่าความฝันของเราจะเปลี่ยนแปลงไประหว่างทางซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ผิดอะไร
✅ [[ 10. คุณกับผมไม่เหมือนกัน ]]
นี่คือประเด็นที่สำคัญที่สุดในหนังสือเล่มนี้สำหรับผมเลย เพราะเรามักมองหาสูตรความสำเร็จหรือคำแนะนำจากคนอื่น ๆ ที่ประสบความสำเร็จมาแล้วก่อนหน้าเรา แน่นอนการฟังคนอื่นที่เขาผ่านมาก่อนแล้วเป็นเรื่องที่ฉลาดก็จริงอยู่ เพียงแต่ว่าสถานการณ์ของเราทุกคนนั้นแตกต่างกัน เกมที่แต่ละคนเล่นก็แตกต่างกันด้วย
จงระวังคำแนะนำเรื่องการเงินการลงทุน จากคนที่เล่นเกมต่างจากคุณ
ลองถามตัวเองแบบนี้ก็ได้ครับว่า : คุณจะซื้อหุ้น ‘แมคโคร’ ที่ราคาเท่าไหร่ในวันนี้?
คำตอบก็ขึ้นอยู่กับว่า ‘คุณ’ คือใครนั่นแหละ
เพราะถ้าคุณมีเวลา 30 ปี เป็นนักลงทุนระยะยาวก็อาจจะใช้การประเมินมูลค่าหุ้นแบบวิธีคิดลดกระแสเงินสด (Discounted Cash Flow) ไปอีก 30 ปีข้างหน้า
ถ้าคุณคิดว่าอีก 10 ปีต้องใช้เงินก้อนนี้ก็อาจจะดูเทรนด์รวมภาพใหญ่ว่าแมคโครยังจะเติบโตได้อีกไหมในทศวรรษข้างหน้าไหม? การขยายตัวไปต่างประเทศจะเติบโตมากแค่ไหน?
ถ้าคุณมีเวลาแค่ 1 ปีในการถือหุ้นล่ะ? ก็คงต้องดูว่าแผนท่ีวางเอาไว้แต่ละไตรมาสออกมาตามที่วางเอาไว้ไหม? และจะถือต่อไปก็ต่อเมื่อสิ่งที่ผู้บริหารพูดเอาไว้เกิดขึ้นจริง
หรือถ้ามีเวลาแค่อาทิตย์เดียวหรือวันเดียว บางทีราคาตอนนี้ไม่ได้สำคัญอะไรเลย ตราบใดที่มันมีโมเมนตัมทางเทคนิคที่บ่งบอกว่ามันจะไปในทิศทางที่คุณคาดการณ์
เกมที่คุณเล่น กับ เกมที่ผมเล่น และ เกมที่ทุกคนบนโลกใบนี้เล่นนั้นต่างกัน เมื่อฟังคำแนะนำจากที่ไหนก็ตาม จงคำนึงถึงเรื่องนี้ไว้ให้ดี
จงรู้ว่าตัวเองกำลังเล่นในเกมไหนอยู่
🎯 สรุป 10 บทเรียนเรื่องการเงินจากหนังสือ The Psychology of Money:
1. ไม่มีใครเป็นคนบ้า ทุกคนมีเหตุผลในการตัดสินใจเรื่องการเงินของตัวเอง อย่าตัดสินคนอื่นด้วยสูตรทางคณิตศาสตร์
2. โชคและความเสี่ยงเป็นสองด้านของเหรียญเดียวกัน ต้องเรียนรู้ที่จะรับมือกับทั้งสองสิ่งนี้
3. ต้องรู้จักคำว่าพอ ตั้งเป้าหมายชีวิตแล้วไปให้ถึงและหยุด อย่าวิ่งตามความหรูหราไม่รู้จบ
4. พลังของดอกเบี้ยทบต้นใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล แต่เมื่อมันทำงานผลลัพธ์จะยิ่งใหญ่มาก
5. ความมั่งคั่งที่แท้จริงซ่อนอยู่ ไม่ใช่สิ่งที่เห็นภายนอก การรักษาความมั่งคั่งยากกว่าการสร้าง
6. ความมั่งคั่งเรื่องเวลา หรือการมีอิสรภาพในการใช้ชีวิตคือเป้าหมายสูงสุด
7. ต้องเผื่อพื้นที่สำหรับความผิดพลาดเอาไว้เสมอ เพื่อจะได้ไปถึงเป้าหมายได้ในท้ายที่สุด
8. ทุกอย่างมีราคาของมัน ไม่มีอะไรฟรีในโลก ต้องเรียนรู้ที่จะแลกสิ่งที่มองไม่เห็น
9. ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเสมอ เป้าหมายเปลี่ยนไปได้ตามเวลา ควรวางแผนการเงินที่ยืดหยุ่น
10. แต่ละคนเล่นในเกมที่ต่างกัน อย่าเชื่อคำแนะนำจากคนที่สถานการณ์ชีวิตต่างจากเรามากเกินไป ให้รู้ว่าตนเองอยู่ในเกมแบบไหน
- โสภณ ศุภมั่งมี (บรรณาธิการ #aomMONEY)
#MakeRichGeneration #การเงิน #การลงทุน #หนังสือ #psychologyofmoney #จิตวิทยาว่าด้วยเงิน #ความสุข #ความโลภ #บทเรียนการเงิน
14 บันทึก
16
8
14
16
8
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย