24 พ.ย. 2024 เวลา 14:38 • ความคิดเห็น
บ้านเราพูดถึงความตายเรื่อยๆค่ะ
พ่อแม่ก็จะคุยกับเราเรื่องงานศพของท่านในแบบที่ท่านต้องการเราก็ถามให้เคลียร์ว่าต้องทำอะไรยังไง
วันก่อนเราเพิ่งบอกแม่ไปว่า ถ้าเราตายเราจะจัดงานศพตัวเองแบบไหน
เลือกแม้กระทั่งชุดที่จะใส่ตอนตาย เราสั่งแม่ไว้ว่าเราอยากใส่ชุดขาวที่เราใส่ไปปฏิบัติธรรมบ่อยๆ มันมีสองแบบให้เลือกชุดแบบที่เราชอบ เสื้อคอกลมแขนกระบอกสั้นกับซิ่นสีขาว ยังพูดขำๆกับแม่ว่า เสื้อผ้าที่มีทั้งหมดถ้าไม่ใช่ชุดสครับทำงานก็ชุดไปวัดนี่แหละใส่คุ้มที่สุด ใช่บ่อยกว่าเดรสสวยๆ ใส่บ่อยกว่าชุดราตรียาวที่ซื้อมาแพงๆ ไม่ต้องแต่งหน้าให้ศพเรา และรวมไปถึงรายละเอียดของงาน บอกแม่ไว้เอาเงินไปทำบุญที่ไหนบ้าง วัดไหน โรงพยาบาลไหน ถือว่าเป็นการให้ทานครั้งสุดท้ายในชาตินี้...
แม่เราก็นั่งฟังนะ ท่านฟังอย่างสงบแม้ท่านจะเศร้าแต่มันคือวันที่จะเกิดขึ้นจริงแน่นอน ถ้ามีโอกาสได้จัดงาน ก็ออกแบบไว้ ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร ปล่อยมันตามธรรมชาติ...
คำพูดที่จะได้ยินเรื่อยๆในบ้านเราคือ ไม่รู้ใครจะตายก่อนใครนะ ไม่รู้จะเป็นพ่อแม่ หรือตัวเราที่ต้องจากไปก่อน เราคิดแม้กระทั่งว่า เราจะวางแผนการดูแลโรคของตัวเองยังไง เราจะสู้แค่ไหน... และเราจะปล่อยเมื่อไหร่... ซึ่วก็ยังตอบตัวเองได้ไม่ชัดค่ะ ก็จะยังบอกคนอื่นไม่ได้
ที่สำคัญคือในช่วงเวลาที่ยังมีชีวิตอยู่ เราใช้ชีวิตร่วมกันอย่างไร ใช้เวลาด้วยกันแบบไหน ถ้าเวลาที่เราใช้ด้วยกันเป็นเวลาคุณภาพ เวลาที่แบ่งปันทั้งสุขและทุกข์ เมตตาเกื้อกูลกัน ใส่ใจกัน เวลาจากกัน มันก็จะไม่เสียดายอะไร ช่วงเวลาที่ยังมีชีวิตอยู่เราทำดีแล้ว เร่พร้อมจะจากตอนไหนก็ได้
มีรุ่นพี่คนหนึ่งท่านบอกเราว่า ท่านบอกลาทุกคนในบ้านทุกวันเลยเวลาต้องออกจากบ้านไปไม่ว่าใกล้หรือไกล แกบอกว่าเราไม่รู้ว่านี่อาจเป็นการคุยกันครั้งสุดท้ายก็ได้
ส่วนถ้าจะไม่ให้เสียใจ หรือเสียใจน้อยลงไม่เศร้าหมอง ต้องเจริญภาวนาอย่างสม่ำเสมอ ให้จิตมีที่อยู่ให้จิตเห็นตามความเป็นจริงค่ะ จิตนี้ไม่อาจบอกหรือสอนให้มันคลายทุกข์ได้อย่างแท้จริงด้วยเหตุผล ด้วยความคิด...
ภาวนาปัญญาจะช่วยให้ทุกข์เบาบางค่ะ
โฆษณา