28 พ.ย. เวลา 13:00 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

"The Penguin: พลังของราชาก็อตแธม"

คำเตือน
บทความนี้เหมาะสำหรับ
คนดูซีรีส์ “The Penguin” จบแล้ว
.
.
.
.
.
ต้องบอกเลยว่าเกินคาดเอามากๆ
สำหรับเรื่องราว spin-off แห่งจักรวาลนี้
ที่ยังคงความดาร์คเข้มข้นสุดหยั่งลึก
และฝากแง่มุมอะไรไว้หลายด้าน
ซึ่งจุดที่ผมชอบสุดในซีรีส์คือการ
ทำให้เราเห็นมุมมองของพวกตัวร้าย
แก๊งอาชญากรต่างๆ แบบดิบเรียลสุดๆ
อย่างที่รู้กันแล้วว่าเหตุการณ์ในเรื่อง
ดำเนินต่อจาก “The Batman”
ผ่านไปประมาณ 1 อาทิตย์
ซึ่งในตอนจบของหนังก็มีการปูไว้แล้วว่า
จะต้องมีกลุ่มคนที่ฉกฉวยผลประโยชน์
จากเหตุการณ์ที่ริดเลอร์ก่ออย่างแน่นอน
เมืองก็อตแธมเพิ่งโดนน้ำท่วม
สองอาชญากรระดับตัวพ่ออย่าง
“Carmine Falcone” เพิ่งถูกสังหาร
“Salvatore Maroni” เพิ่งติดคุก
ผ่านห้วงเวลาที่อัศวินรัตติกาล
ไม่ได้โบยบินออกไล่ล่า
ห้ำหั่นเหล่าวายร้ายใจทราม
เฉกเช่นที่เคยเป็น
เลยเปิดโอกาสให้ “The Penguin”
หรือ “Oswald Cobblepot (ออส)”
ได้ใช้ช่วงเวลาที่เป็นสูญญญากาศตรงนี้
ในการสร้างอาณาจักรของตัวเองขึ้นมา
อย่างร้ายกาจที่สุด ไม่มีอะไรหยุดได้
เลยอยากสรุปแก่นทั้งหมดของเรื่องมาฝากกัน
.
.
.
1. “Villains are not born, they are made: ตัวร้ายไม่ได้ร้ายตั้งแต่เกิด พวกเขาถูกสร้างขึ้นมาต่างหาก”
- ชีวิตที่เกิดมาพิการ ขาเป๋ เป็นจุดด่างพร้อยในบรรดาสามพี่น้อง และความเป็นลูกคนกลางที่อยากได้รับความรักจากแม่ตลอดเวลา อยากพิสูจน์ตัวเอง อยากเอาใจแม่ ให้แม่เห็นว่าเขาสำคัญเหนือใคร รวมถึงการที่เห็นคนทำผิดกฎหมายแล้วได้ดีในวัยเยาว์วันนั้น ทุกอย่างมันหล่อหลอมให้เกิดปีศาจร้ายที่ชื่อ “เพนกวิน” ในวันนี้
คือคนเขียนบทเก่งมากที่เล่าภูมิหลังของตัวละครได้มีความเป็นมนุษย์สุดๆ ทำให้เราเข้าใจทุกแง่ทุกมุมว่าทำไมออสถึงกลายมาเป็นคนแบบนี้ มีความคิด นิสัยใจคอแบบนี้
ซึ่งสุดท้ายแล้วเขาก็เป็นแค่คนๆ หนึ่งที่อยากถูกรักและถูกยอมรับเหมือนทุกคน เพียงแค่สิ่งที่ต้องแลกมามันมีราคาที่ต้องจ่ายที่มหาศาลมาก ชีวิตของวิคเตอร์ก็คือหนึ่งในนั้น (ยังเศร้ามาถึงตอนนี้ สงสารน้อง)
2. “โลกนี้ไม่มีขาวดำ”
- ผมชอบที่ซีรีส์ไม่มีการเอ่ยถึงแบทแมนเลยแม้แต่นิดเดียว ทั้งที่มีโอกาสให้พูดถึงไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่มันก็โคตรจะเรียล เพราะในความเป็นจริงมันก็ต้องเป็นแบบนี้แหละ คือในมุมมองของพวกตัวร้าย แบทแมนเพิ่งจะมีตัวตนในเมืองก็อตแธมได้ไม่นาน แม้วีรกรรมกู้เมืองที่เขาทำจะเป็นความพยายามในการสร้างสัญลักษณ์ให้เหล่าอาชญากรหวาดกลัว แต่ในมุมของพวกมันก็ยังคงมองเขาเป็นแค่ตัวตลกที่มาสวมชุดคอสเพลย์เป็นค้างคาว
ไม่ได้มีความคิดที่จะกลัวหรือเกรงใจแม้แต่น้อย (ในตอนนี้) และจะไม่ยอมให้อำนาจอื่นมาขัดขวางผลประโยชน์ของตัวเอง เพราะกฎหมายหรือตำรวจยังทำอะไรไม่ได้เลย แล้วไอ้บ้าแต่งตัวเป็นค้างคาวจะมาขวางมันได้ยังไง (กูจะเลวแบบนี้กูก็จะเลวต่อไป) ไม่มีขาวหรือดำ มีแต่เทาอ่อน เทาเข้มไล่ลำดับกันไป ใครดี ใครได้ ใครเหลี่ยมกว่า คนนั้นรอด
3. “ความเท่าเทียม(ไม่)มีจริง”
- "โซเฟีย จีกันเต้ (ฟัลโคน)" ที่พูดถึงการถูกกดขี่ของเพศหญิงในสังคม ที่ขนาดในสังคมทั่วไปผู้หญิงก็มักจะถูกกีดกันไม่ให้เข้าถึงอำนาจเสมอๆอยู่แล้ว นับประสาอะไรกับสังคมในหมู่โจรหรือแกงค์ธุรกิจสีเทา ที่แม้กระทั่งคนเป็นพ่อแท้ๆ อย่างคาร์ไมนก็สามารถใส่ร้ายลูกสาวแท้ๆ ของตัวเอง เพื่อถีบเธอออกจากอำนาจของตระกูลไปได้ เพียงเพราะเห็นแปลกแยกและกำลังเป็นภัยคุกคามกับตัวเอง
และแม้เธอจะพยายามพาตัวเองขึ้นมาครองบัลลังก์เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงในแบบที่ต้องการ แต่สุดท้ายจุดจบก็สะท้อนให้เห็นว่า มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ผู้หญิงจะถูกยอมรับให้มีอำนาจ ยิ่งในสังคมของคนชั่วร้ายแบบนั้นด้วย
4. “ไว้ใจคนผิด ชีวิตเปลี่ยน”
- แบบที่วิคเตอร์เลือกติดตามออสอย่างเต็มหัวใจในภายหลัง แต่สุดท้ายก็ถอนตัวไม่ได้ แม้แต่ชีวิตยังเอาไม่รอด นี่แหละน้าความจริงของโลก เมื่อเลือกที่จะไว้ใจคนผิด ไม่มีสัจจะในหมู่โจรจริงๆ 🥺
5. “อาวุธร้ายแห่งเพนกวิน”
- อีกอาวุธของมันคือโน้มน้าวเก่งมาก อ่านคนขาด รู้ว่าอีกฝ่ายอยากได้ไร ก่อนจะยื่นข้อเสนอที่มิอาจปฏิเสธให้ พูดแทนใจอีกฝ่ายจนยอมดีลด้วย จิตวิทยากินขาด กล้าแลกกล้าเสี่ยง หลายครั้งทำเอาสองตระกูลมหาอำนาจอย่างฟัลโคน-มาโรเน่ กลายเป็นเด็กอมมือไปเลย นี่แหละคือตัวตนและพลังความร้ายกาจของเพนกวิน ไม่ได้มีอะไรเหมือนแบทแมน อาศัยจิตใจอันต่ำทรามที่พร้อมทำทุกอย่างเพื่อพาตัวเองไปอยู่บนจุดสูงสุดให้ได้พอ
นับเป็นอีกหนึ่งผลงาน
ที่เดือด ดิบ เถื่อนกระแทกใจ
ชวนให้สำรวจจิตใจแห่งตัวร้าย
และสัจธรรมของมนุษย์ได้ดียิ่งนัก
“ขั้วอำนาจแห่งก็อตแธม
ได้เปลี่ยนไปแล้วในวันนี้,,,”
เขียนบทความโดย: แอดอาร์ต รัตติกาล ผู้คลั่งรัก 🦇
โฆษณา