25 พ.ย. 2024 เวลา 11:30 • ไลฟ์สไตล์

#17 ความประทับใจที่ So Simple

ความประทับใจเล็กๆ และเหตุการณ์ที่น่าจดจำของเราเกิดขึ้นกับน้อง rider ตลอด ตลกจัง
วันนี้เรามีนัดหาหมอตา เป็นช่วงอายุที่ตลกมาก 30 ปีนี้ ฮ่าๆ มีแต่พบแพทย์ วันนี้ลางาน ได้ตื่นสายหน่อย ขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกมาจอดที่รถไฟฟ้า กับช่วงเวลาที่ไม่เคยมา 10 โมงกว่า โอ้ว...ที่จอดรถไม่ว่างเลย พยายามส่องหา อ๊ะ...เจอแล้ว จะเข้าไปจอดได้ไหมนะ จุดนั้นไม่เคยจอดเลย ตั้งหลัก แล้วค่อยๆเอารถเข้าไปจอด ตลกที่กลัวว่าตอนกลับแล้วจะเอารถออกไม่ได้ เลยต้องถอยหลังเข้า ฟีลเดียวกับจอดรถยนต์เลย แล้วก็มองเวลา รีบไปขึ้นรถไฟ หมอนัด 11โมง
ถึงโรงพยาบาล รีบ กลัวรอคิวนาน เลยวิ่งไปที่จุดวัดความดัน สรุป ความดันสูงอีก ต้องรอเวลา แล้ววัดใหม่อีกรอบ ระหว่างนั่งรอความดันลงไปเป็นปกติ มีคุณแม่คนนึง พาลูกแฝดเข้ามา พูดคุยกันเสียงดังพอสมควร มีความน่ารักตามธรรมชาติ และความไม่น่ารักปะปนกัน คนนึงให้ความร่วมมือกับคุณพยาบาล วัดความดันเสร็จ จบไป 1 อีกคน กรีดร้อง ไม่น่าจะเพราะความเจ็บ แต่เป็นเพราะความกลัว แล้วก็ความทะเล้นของน้องมากกว่า
น้องร้องไปหัวเราะไป ด้วยความทีวันนี้ เรามาหาหมอแผนกจักษุ คนไข้ส่วนใหญ่จะมีผู้สูงอายุเป็นส่วนใหญ่ ทั้งหู ทั้งความต่างวัย อยู่ดีๆ มีคุณยายคนนึงตะโกนสวนกับเสียงของเด็กน้อยขึ้นมา "อะไร อะไร๊ เป็นอะไร จะร้องทำไม" ด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ดีที่คุณยายเสียงดังสู้น้องไม่ได้ เลยไม่มีดราม่าอะไรเกิดขึ้น เรารีบไปวัดความดันซ้ำ ตามด้วยวัดความดันลูกตา แล้วรีบลุกหนีจากเหตุการณ์ตรงนั้น
เรารอเรียกชื่ออีกประมาณ 20 นาที ได้หมายเลขห้องที่ต้องพบคุณหมอแล้ว เราก็ยืนรอแถวหน้าห้องเลย ด้วยคิวเรา 11 โมง แต่ตอนนั้น 11 โมง 20 นาทีได้แล้ว ตรงนั้น มีเก้าอี้ประมาณ 20-30 ตัว แต่คนไข้พร้อมญาติ น่าจะประมาณ 50-60 คนได้ ความพื้นที่น้อยบวกกับมีแต่คนไข้สูงอายุ เราเลยเลือกที่จะยืนรอ เพื่อให้คุณลุงคุณป้าได้นั่งไป
เราโดนหยอดน้ำยาขยายม่านตามา เราไม่สามารถเล่นโทรศัพท์ได้ ตามันเบลอๆ โหวงๆ เลยเก็บโทรศัพท์ หูฟังรอบตัว ตามองอะไรไปเรื่อย จนเวลาผ่านไป 3 ชม. ที่เรายืนอยู่ตรงนั้น เราเริ่มเมื่อย กับปวดฉี่ มองหาที่นั่งดีกว่า คนน้อยลงละ หาที่ไกลๆได้ละ โอเค..นั่งได้ประมาณ 20 นาที คุณพยาบาลเรียกชื่อ พบคุณหมอประมาณ 5-10 นาที เข้าใจเลย ทำไมช้า คุณหมอใส่ใจ ตรวจละเอียด ได้ยากลับมาถุงเบ้อเร่อ สรุปอาการ คือมีก้อนไขมันที่ตาขาว และตาแห้งมาก ลอกเยอะ ต้องหยอดน้ำตาเทียม และป้ายเจลหล่อลื่นที่ตา
เราพยายามเจอหมอก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป เราสังเกตอาการตัวเอง แม้น้อยนิด แต่ว่าผิดสังเกตเมื่อไหร่ เราจะทำนัดทันที อาจจะดดูคล้ายกระต่ายตื่นตูม แต่เรากังวล เรากลัวความเจ็บปวด ทั้งทางร่างกายและจิตใจ เรากลัวการที่ต้องเป็นภาระให้คนอื่น และกลัวการที่จะไปก่อนแล้วไม่มีใครดูแลพ่อแม่
ด้วยความที่เรารอคิวนาน เราหิว และบวกกับเราเสียวันลาหยุดมาแล้ว วันธรรมดา นานๆจะได้หยุด เราเลยตั้งใจไปทานข้าวที่ร้านอาหารที่เราชอบ แพงนิดนึง แต่หลากหลาย มีของโปรดหลายอย่าง เรียกพี่วิน ต่อรถไฟฟ้า ต่อด้วยวินอีกทอดนึง
ถึงร้านแล้ว มองที่กระจกร้าน ที่ป้ายมีตัวหนังสือเขียนเยอะแยะไปหมด มีป้ายนึง เขียนว่า "เซ้ง" โอ้ว...หมดกัน ร้านที่เราชอบ แม้จะนานๆมาทานก็เถอะ แอบเสียดายจัง มีป้ายด้านล่าง "เปิดให้บริการตามปกติ" โอเค.. เดินเข้าร้าน ทักทายพนักงาน ได้โต๊ะนั่ง แล้วน้องพนักงานก็เอาเมนูอาหารมาให้เราเลือก เราก็เปิดดู ทั้งๆที่มีเมนูในใจมาบ้างแล้ว
เลือกไป 3 รายการแรก "หมดค่ะพี่..." ใจสลาย อาการอกหักที่ไม่ได้เป็นมานาน ไม่เป็นไร เลือกเมนูอื่น โอเค..มี "นี่ค่ะ นี่ค่ะ นี่ๆๆค่ะ" ได้เมนูหลักมา 1 รองอีก 3 ทานคนเดียวจริงๆ น้องพนักงานทวนรายการอาหาร เราฟัง แล้กว็ถามต่อน้องว่า "จะปิดร้านแล้วหรอ" น้องบอกว่า "ถ้าเซ้งได้ ก็ย้ายร้านค่ะ" โอเค โล่งใจ ย้ายร้าน ยังพอตามไปทานได้
หลังจากที่อาหารครบ เราก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาจะถ่ายรูป เฮ้ออ..กดไป 2 -3 ทีก็ไม่สวยอ่ะ หิวก็หิว ไม่ไหวละ ทานเลยละกัน หื้มมม นี่แหล่ะ รสชาติที่รอคอย ค่อยๆบรรจงทานตั้งแต่ของทานเล่น 1 จานหลัก จนหมด แล้วเก็บของทานเล่นที่เหลือ โอ้ย อยากมาทานทุกวันเลย แล้วครั้งหน้ากว่าจะมีโอกาสมาทานอีก ร้านจะย้ายไปแล้วหรือยังนะ
ทานหมด อิ่มท้อง อิ่มใจ เราก็วางแผนเดินทางกลับบ้าน ว่าจะเรียก rider ไปลงที่สถานีรถไฟฟ้า ราคาน่ารัก 38 บาท โอเค ดีล เราก็ลงไปด้านล่าง ชำระเงินค่าอาหารแล้วเดินออกมารอรถหน้าร้าน กด confirm เรียกรถ ยืนรออยู่ประมาณ 5 นาที ก็มี rider คนนึงมาจอดหน้าร้าน แล้วเราก็ดูทะเบียน "คันนี้หรอ?" ตรงหน้าคือ มอเตอร์ไซค์ที่มีกระเป๋าใส่อาหารอยู่ด้านหลัง นึกโมโหทันที
เราก็เป็นคนตัวใหญ่ นั่งไม่ได้แน่นอน จะให้เบียดกับคนขับไปอ่ะนะ ไม่ไหวป่ะ น้อง rider ลงจากรถ ถามชื่อเราเพื่อ confirm น้องดับเครื่อง แล้วขยับกระเป๋าใส่อาหารถอยหลังเพื่อให้ที่นั่งกับเรา โอเค..ใจชื้นขึ้นนิดนึง เราเดินเข้าไปใกล้มากขึ้น น้องบอกว่า พี่เอาของวางไว้ในกระเป๋าได้นะครับ ด้วยยาที่เราได้มาระยะเวลา 6 เดือน กว่าหมอจะนัดอีกทีถุงใหญ่พอสมควร ก็โอเค ไว้ก็ไว้
น้องเอายาใส่กระเป๋า แล้วบอกกับเราอีกคร้ังว่า "พี่ครับ รบกวนใส่หมวกกันน็อคด้วยครับ" "อ้อได้" ดีซะอีก นานๆทีจะเจอรถให้ใส่หมวก เรารับมาแล้วก็ใส่ สรุป สายรัดใต้คางไม่ถึงอีก สั้นไป จะปรับก็ไม่ชิน "ใส่ได้ไหมครับ..ผมขยับให้" น้องก็ขยับสายให้ ทั้งๆที่หมวกอยู่บนหัวเรา ป๊าด..ฟีลแฟนสุด
ระหว่างทาง น้องคนขับยังคงบอกเราเป็นระยะ "พี่สามารถจับใต้กล่องได้นะครับ มันมีเหล็กอยู่ จับได้ๆ" "โอเคๆ" เราตอบรับแล้วก็ทำตาม เพื่อความมั่นคง ถึงปลายทางสถานีรถไฟฟ้า เราก็ให้ tip น้องเค้าไปเพิ่ม คะแนนความสุภาพ และความใส่ใจ เอาไปเลยจ้าา ขณะนั่งรถไฟ เราก็ไลน์หาแฟนว่าเจอ rider ฟีลแฟน แฟนถามว่า เค้าทำเพื่อหวังดาวหรือเปล่า เราว่าอาจจะส่วนหนึ่ง แต่ความใส่ใจ มันประดิษฐ์กันไม่ได้ตลอดหรอกมั้ง ถือว่าได้ความประทับใจเราไป ทำให้เราอยากใช้ app นั้นต่อ และยังทำให้เรามีแรงบันดาลใจเขียนเรื่องวันนี้อีกด้วย
ขอบคุณที่เป็นแรง เป็น idea ให้เราในครั้งนี้ ค่อยว่ากันใหม่นะ
โฆษณา