27 พ.ย. เวลา 10:42 • ประวัติศาสตร์

“พระเจ้าอโศกมหาราช (Ashoka the Great)” จากจักรพรรดิผู้กระหายอำนาจสู่จักรพรรดิผู้ใฝ่ศาสนาและความสงบ

“พระเจ้าอโศกมหาราช (Ashoka the Great)” มีจุดเริ่มต้นไม่ต่างจากจอมทัพคนอื่นๆ ในประวัติศาสตร์
พระองค์ทรงกระหายอำนาจ ต้องการจะเป็นใหญ่ โดยในช่วงวัยหนุ่ม พระองค์ทรงห้าวหาญ ไม่หวั่นเกรงผู้ใด หลายคนมองว่าพระองค์ทรงป่าเถื่อน
เมื่อพระเจ้าอโศกมหาราชขึ้นครองบัลลังก์เมื่อ 268 ปีก่อนคริสตกาล พระองค์ก็ทรงปกครองอาณาจักรกว้างใหญ่ หากแต่ยังไม่เป็นที่พอพระทัยของพระองค์
พระเจ้าอโศกมหาราช (Ashoka the Great)
พระเจ้าอโศกมหาราชมีพระประสงค์จะขยายอำนาจออกไปให้กว้างไกลยิ่งกว่านี้ อันนำไปสู่ “สงครามคาลิงกา (Kalinga War)” ซึ่งเป็นศึกสงครามที่จะเปลี่ยนชีวิตของพระเจ้าอโศกมหาราช
สงครามคาลิงกา คือหนึ่งในสงครามที่รุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์อินเดียโบราณ โดยในเวลานั้น แคว้นคาลิงกา ซึ่งเป็นแคว้นแถบชายฝั่งตะวันออก เป็นแคว้นที่มีเสรีภาพและมีวัฒนธรรมเฟื่องฟู
แต่สำหรับพระเจ้าอโศกมหาราช แคว้นคาลิงกาคืออุปสรรคที่ขัดขวางความยิ่งใหญ่ของพระองค์ ดังนั้นเมื่อ 261 ปีก่อนคริสตกาล พระเจ้าอโศกมหาราชจึงทรงจัดทัพ ยกไปตีแคว้นคาลิงกา
สงครามครั้งนี้เป็นสงครามที่รุนแรง และจบลงด้วยชีวิตทหารกว่า 100,000 นาย พลเรือนอีกนับไม่ถ้วน
สงครามคาลิงกา (Kalinga War)
หลังสงครามจบลง ในขณะที่พระเจ้าอโศกมหาราชเสด็จออกสำรวจสมรภูมิรบ ตรวจตราดูความเสียหาย ก็ได้เกิดความเปลี่ยนแปลงในพระทัยของพระองค์
เป็นครั้งแรกที่พระองค์ทอดพระเนตรเห็นความสูญเสียที่เกิดจากความทะเยอทะยานของพระองค์ สงครามครั้งนี้ที่ควรจะเป็นชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ของพระองค์ กลับทำให้พระองค์รู้สึกว่างเปล่า กลับทำให้พระองค์เกิดคำถามว่าพระองค์ทรงทำไปเพื่ออะไร
องค์พระประมุขผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งเคยเต็มไปด้วยความทะเยอทะยานและห้าวหาญ แต่ในเวลานี้ พระทัยของพระองค์กลับหนักอึ้งไปด้วยความรู้สึกผิดและละอายพระทัย
1
จุดนี้กลายเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ
ความละอายพระทัยนำพระองค์ไปสู่ที่พึ่งพิงเดียวที่มี นั่นคือ “ศาสนาพุทธ” ซึ่งเป็นศาสนาที่ไม่สนับสนุนความรุนแรง หากแต่สนับสนุนความเมตตากรุณา และความสงบ
พระเจ้าอโศกมหาราชทรงเลื่อมใสในคำสอนของศาสนาพุทธ ทำให้พระองค์ทรงหันหน้าหนีจากความรุนแรง และปฏิญาณองค์ว่าจะปกครองด้วยความเมตตาและเข้าอกเข้าใจ
ความเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้ส่งผลต่อพระเจ้าอโศกมหาราชเพียงพระองค์เดียว แต่ยังส่งผลต่ออาณาจักรของพระองค์ทั้งหมด
พระราชกฤษฎีกาของพระองค์ได้ถูกสลักไว้บนหินและเสาต่างๆ ทั่วอาณาจักรของพระองค์ โดยมีการบอกให้ประชาชนอยู่กันด้วยความเคารพซึ่งกันและกัน มีเมตตาและคุณธรรม
รัชสมัยของพระเจ้าอโศกมหาราช ถึงจะมีการทำสงครามใหญ่ แต่ก็เป็นที่รู้จักว่าเป็นช่วงเวลาที่สงบและรุ่งเรืองที่สุดยุคหนึ่งในประวัติศาสตร์อินเดียโบราณ
พระองค์ทรงส่งเสริมสวัสดิการสังคม มีการสร้างสถานพยาบาล โรงเรียน และตัดถนน ทำให้คุณภาพชีวิตประชาชนดีขึ้น อีกทั้งพระองค์ยังส่งเสริมสิทธิของสัตว์ ห้ามการบูชายัญโดยใช้ชีวิตสัตว์ และส่งเสิรมมังสวิรัติ
1
นอกจากนั้น พระเจ้าอโศกมหาราชยังส่งทูตไปยังดินแดนอื่นๆ เผยแพร่ศาสนาพุทธ ทำให้ศาสนาพุทธแผ่ออกไปอย่างกว้างไกล เป็นศาสนาสำคัญศาสนาหนึ่งในเอเชีย
ในปัจจุบัน พระเจ้าอโศกมหาราชได้รับการยกย่องให้เป็น “กษัตริย์ธรรมะ“ เป็นกษัตริย์ผู้ทรงเลือกคุณธรรมเหนือความทะเยอทะยาน เลือกสันติสุขมากกว่าความยิ่งใหญ่
โฆษณา