25 พ.ย. เวลา 16:02 • หนังสือ

ในประวัติศาสตร์ที่เคยปรากฏว่า

มีศาสดาบางองค์ใช้วิธีบำเพ็ญเพียร
ทรมานร่างกาย เพื่อเผาผลาญกิเลสต่างๆนั้น
ถ้าเราอ่านประวัตศาสตร์นั้นดีๆจะพบว่าท้ายที่สุด
ท่านก็เฉลยว่า วิธีการที่เขาทำนั้นไม่ได้ผล
เขาจึงเลิกทำและหันมาดำเนินวิถีชีวิต
ที่เป็นปกติวิสัยหรือที่ศาสดาองค์นั้นเรียกว่า
"ทางสายกลาง"สิ่งที่เขาทำในช่วงแรก
มันเป็นแค่การลองทำตามที่ครูของเขาสอนมาเท่านั้น
"ซึ่งความหมายของความอดทนอดกลั้นที่แท้จริง
นั้นคือ การพยายามแสดงออกซึ่งความรักให้ได้
ถึงแม้ว่าคนๆนั้นจะไม่มีส่วนจูงใจให้รักเลย...
เราสามารถรักคนที่สมควรรักได้ง่ายๆ
เพราะเขามีปัจจัยที่ทำให้เรารักเช่น เขาน่าสงสาร
เขากำลังลำบากหรือเขาเป็นลูกเป็นหลานฯลฯ
แต่ในกรณีของคนที่ไม่สมควรรักเช่น คนชั่ว คนเห็นแก่ตัวนี่สิ มันจะต้องใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวด
เพื่อจะบังคับให้ร่างกายและจิตใจของเรา
แสดงความรักออกมา และที่สุดของที่สุด
คือเราสามารถแสดงมันออกมา
ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยจิตสำนึกที่บริสุทธิ์จริงๆ"
"คำว่าบริสุทธิ์มันจึงมีความหมายในทำนองนี้
คือมีความหมายทั้งก่อนและหลัง
ของกระบวนการ(ทำ)ตรงจุดนี้"
"ก่อน หมายถึงการใช้จิตสำนึกรักอย่างบริสุทธิ์ใจ
เพื่อขับเคลื่อนการกระทำของเธอโดยไม่มีสิ่งใดแอบแฝงหรือหวังสิ่งใดตอบแทน มันเป็นการกระทำ
ด้วยความ(รู้)ว่าสิ่งนั้นดีเขาจึงทำ"
"ส่วนความบริสุทธิ์ที่อยู่ หลัง หรือที่เป็นผลลัพธ์นั้นหมายถึงเกิดการกำจัดให้สิ้น ชำระให้สิ้นไม่เหลือผลกรรมใดๆในทุกๆห้วงเวลา เช่นวินาทีที่เธอให้อภัย
กับคนที่มาเอาเปรียบเธอ รวมทั้งมอบความรักความปรารถนาดีอย่างจริงใจกับเขาไปนั้น
ผลที่ได้ในปัจจุบันคือ เธอไม่ได้สร้างความขุ่นเคืองใจ
ให้แก่เขาคนนั้น และยังไม่ได้สร้างความผูกอาฆาตพยาบาทที่จะมีต่อกัน จนทำให้ต้องเกี่ยวกรรมเพื่อไปเกิดร่วมกันในอนาคตอีก และในขณะเดียวกันเธอก็ได้
แก้ไขพันธสัญญาเก่าที่เธอกับเขาเคยมีต่อกันในอดีตได้อีกด้วย
สรุปคือ การกระทำเพียงครั้งเดียวของเธอได้ผลลัพธ์
คือสร้างความบริสุทธิ์ให้เกิดขึ้นทั้ง 3 โลกเลย
คือ โลกอดีต โลกปัจจุบัน โลกอนาคต
หน้า 206-207
หนังสือ อารียา เมตายา
ธาตรี โภควนิช
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
โฆษณา