26 พ.ย. 2024 เวลา 04:42 • การศึกษา
ลำพูน

โลกของเราเป็นธรรมชาติ

โลกของเราเป็นธรรมชาติ ประกอบด้วยดิน น้ำ ลม ไฟ มาประชุมกันชั่วคราวแล้วแตกสลาย ไม่มีตัวตนเป็นของตนเอง ดิน น้ำ ลม ไฟ ที่มาประชุมกันเป็นโลกก็เป็นธรรมชาติชนิดหนึ่ง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วแตกสลายไป ไม่มีตัวตนเป็นของตนเองเช่นกัน ผลต่อเนื่องของโลกที่เกิดขึ้นคือ วัตถุ สิ่งของ บุคคล ก็เป็นธรรมชาติเหมือนกับโลก เกิดจากเหตุปัจจัย ดิน น้ำ ลม ไฟ กรรมและวิญญาณ มาประชุมชั่วคราว ไม่มีตัวตนเป็นของตนเอง สรุปว่าอะไรที่เกิดขึ้นบนโลกนี้เป็นธรรมชาติทั้งหมด ไม่มีตัวตนเป็นของตนเอง
พระพุทธเจ้าตรัสรู้ไว้ว่า โลกและชีวิตเป็นธรรมชาติ ธรรมชาติทั้งหมดลงอยู่ในกฎธรรมชาติ 2 กฎ คือ กฎไตรลักษณ์และกฎเหตุปัจจัยหรือ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไป มีเหตุปัจจัยมาประชุมกันชั่วคราวแล้วแตกสลาย ไม่มีตัวตนเป็นของตนเอง นี่คือความจริงของโลกและชีวิต พระพุทธเจ้าตรัสว่า​โลกนี้มีแต่ทุกข์เท่านั้นเกิดและทุกข์เท่านั้นดับ ไม่มีวัตถุสิ่งของ สัตว์ บุคคล เกิดดับแต่อย่างใด
ในโลกนี้มีธรรมชาติชนิดหนึ่ง ไม่เหมือนกับธรรมชาติส่วนอื่นๆคือตัวมนุษย์ในตัวมนุษย์มีธรรมชาติ 2 อย่างอยู่ในตัว คือมีกายกับใจ หรือรูปกับนาม โลกภายนอกจะเห็นว่ามีแต่รูปธรรมเท่านั้น ส่วนมากเกิดจากอุตุทำให้เกิด แต่ตัวมนุษย์นั้นเกิดจากกรรมและวิญญาณ จะเห็นว่าร่างกายมนุษย์เป็นรูปธรรม มีดิน น้ำ ลม ไฟ มาประชุมกันเป็นธาตุไม่รู้อะไร ส่วนนามธรรมหรือใจก็เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป มีเวทนา (รับ) สัญญา​ (จำ) สังขาร (คิด) วิญญาณ (รู้) เป็นองค์ประกอบ
ร่างกายของมนุษย์มีตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เป็นทวารคอยรับรู้การกระทบสัมผัสจากโลกภายนอก แล้วเอามาปรุงแต่งจากนั้นก็เอาไปจำไว้ แล้วเอาความรู้นั้นไปเลี้ยงร่างกายทุกส่วน เรียกว่าวิญญาณาหาร ไปสู่การกระทำทั้งทางใจ มโนกรรม ทางวาจา วจีกรรม ไปสู่กายกรรม การกระทำทางกาย แล้วก็เก็บเอามโนกรรม วจีกรรม กายกรรม เป็นข้อมูลจำไว้ในใจ แล้วเอาไปปรุงแต่งต่อไปหาที่สิ้นสุดไม่ได้ นอกจากตายไปในชาตินี้ ทำให้เกิดวิบากกรรมแก่มนุษย์ทุกคน ทำให้มนุษย์เวียนว่ายตายเกิดนับภพนับชาติไม่ถ้วน
โฆษณา