Renaissance Person - เมื่อคนยุคปัจจุบันอยากเก่งอย่างคนยุคเรเนซองส์
ลีโอนาโด ดา วินชี (Leonardo da Vinci) - เชี่ยวชาญด้านศิลปะ วิทยาศาสตร์ กายวิภาค สถาปัตยกรรมศาสตร์ และการประดิษฐ์นวัตกรรม
มิเกลันเจโล (Michelangelo) - เชี่ยวชาญด้านงานปั้น งานจิตรกรรม สถาปัตยกรรมศาสตร์ และเป็นนักกวี
กาลิเลโอ กาลิเลอิ (Galileo Galilei) - เชี่ยวชาญด้านดาราศาสตร์ คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ วิศวกรรมศาสตร์ และปรัชญา
นิคโคโล มาคีเวลลี (Niccolò Machiavelli) - เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ รัฐศาสตร์ ปรัชญา วรรณกรรม เป็นนักเขียนและเป็นนักการทูต
อัลเบรทช์ ดือเรอร์ (Albrecht Dürer) - เชี่ยวชาญด้านจิตรกรรม การสร้างแม่พิมพ์ คณิตศาสตร์โดยเฉพาะเรขาคณิต เป็นนักเขียน และยังมีหัวด้านการตลาดด้วย
บุคคลเหล่านี้มีชีวิตและท่องยุทธจักรอยู่ในยุคเรเนซองส์ (ช่วงศตวรรษที่ 14 - 17) ต่างก็ฝากฝีไม้ลายมือ ฝากผลงาน ฝากแนวคิดอันเลื่องชื่อระบือนาม อันเป็นรากฐานสำคัญทั้งทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วัฒนธรรม การเมือง และในอีกหลายๆ สาขามาจนถึงปัจจุบันนี้
และด้วยผลพวงจากยุคสมัยที่ให้ความสำคัญด้านการเรียนรู้และการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ ทำให้คนในยุคเรเนซองส์จำนวนมากเกิดความเชี่ยวชาญในหลายๆ สาขา หลายๆ ด้าน และในแต่ละด้านก็ช่วยส่งเสริมร่วมกัน ให้เกิดสิ่งอันเป็นเอกลักษณ์ขึ้นมา
ในภาษาอังกฤษ เราเรียกผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญหลากหลายด้านว่า Polymath มีรากศัพท์มาจากคำว่า Polymathes เป็นภาษากรีก ซึ่งแปลว่า ได้เรียนรู้มาก
ปัจจุบันจึงเกิดเป็นแนวคิดที่เรียกว่า Renaissance Person ซึ่งหมายถึงผู้ที่มีความเชี่ยวชาญและความสนใจ มีทักษะและความรู้ในศาสตร์หลายแขนง อีกทั้งยังรักและใฝ่เรียนรู้อยู่เสมอ
และในบทความนี้จะกล่าวถึงการให้คนยุคปัจจุบันอย่างเราๆ กลายเป็น Renaissance Person เพียงแต่จะไม่ใช่ด้านสาขาวิชาความรู้ แต่จะเป็น ”งานอดิเรก (Hobby)” ที่ส่งเสริมกันในด้านต่างๆ เพื่อให้คุณผู้อ่านได้ลองพิจารณางานอดิเรกใหม่ๆ ที่จะทำให้ชีวิตเรามีความสมดุลกลมกล่อมมากขึ้น โดยผู้เขียนจะแบ่งประเภทออกเป็น 4 ประเภท ดังนี้
1. งานอดิเรกประเภท Physical
ซึ่งก็คือประเภทกิจกรรมที่ใช้ร่างกาย อาจจะเพื่อสร้างความเพลิดเพลิน ความแข็งแรง หรือความยืดหยุ่นก็ได้ ตัวอย่างเช่น ว่ายน้ำ ปีนเขา เต้นรำ ยิงธนู ศิลปะป้องกันตัว ขี่ม้า เป็นต้น
กิจกรรมประเภทนี้จะช่วยให้เราได้ดูแลร่างกายตัวเองให้แข็งแรงและคล่องแคล่ว
2. งานอดิเรกประเภท Mental
ซึ่งก็คือประเภทกิจกรรมที่ใช้สมอง ใช้ความคิด อาจจะเพื่อวางแผนหรือลับสมองก็ได้ ตัวอย่างเช่น หมากรุก อักษรไขว้ อ่านหนังสือ ดูหนัง เป็นต้น
กิจกรรมประเภทนี้จะช่วยเราได้ใช้ความคิดและทบทวนความจำเพื่อออกกำลังสมองให้เฉียบแหลมอยู่เสมอ
3. งานอดิเรกประเภท Social
ซึ่งก็คือประเภทกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับผู้อื่น ก่อให้เกิดปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น หรือให้ได้เจอคนใหม่ๆ ตัวอย่างเช่น เล่นกีฬา บอร์ดเกม ร้องคาราโอเกะ หรือการเข้าร่วมกลุ่ม งานสังคมต่างๆ เป็นต้น
กิจกรรมประเภทนี้จะช่วยเราได้เจอเพื่อนใหม่หลายกลุ่ม ขยายวงสังคมนอกเหนือจากการทำงาน
4. งานอดิเรกประเภท Creative
ซึ่งก็คือประเภทกิจกรรมที่ให้เราได้สร้างสรรค์ผลงาน สร้างสิ่งที่ไม่เคยมีให้เกิดขึ้น ซึ่งอาจจะเป็นการเริ่มจากศูนย์หรือดัดแปลงสิ่งเดิมตามความคิดของเราก็ได้ ตัวอย่างเช่น การถ่ายภาพ การทำคลิปวิดีโอ การเขียน งานคราฟท์ ศิลปะดิจิทัล พอดแคสต์ อบขนม เป็นต้น
กิจกรรมประเภทนี้คือการแสดงความเป็นตัวตนให้คนอื่นได้ชื่นชม และฝากความเป็นตัวเราไว้บนโลก
อันนี้เป็นเพียงตัวอย่าง และมาถึงตรงนี้ คุณผู้อ่านอาจจะรู้สึกเอ๊ะขึ้นมา หลายๆ กิจกรรมพวกนี้ บางอันมีคาบเกี่ยวกันด้วยนี่นา
การเล่นกีฬา (Physical + Social) การเล่นบอร์ดเกม (Mental + Social) งานฝีมือ เช่นงานปั้น งานถัก (Physical + Creative บางทีมี Mental ด้วย) ทำอาหารหรือคิดเมนูอาหารใหม่ (Physical + Mental + Creative)
หลายๆ กิจกรรมส่งเสริมให้เกิดทักษะอื่นขึ้นมา เช่น การถ่ายภาพก่อให้เกิดทักษะการเล่าเรื่อง การดูหนังก่อให้เกิดทักษะความเข้าใจผู้อื่น การเดินป่าก่อให้เกิดความสามารถในการชื่นชมดื่มด่ำกับธรรมชาติ การเล่นบอร์ดเกมก่อให้เกิดทักษะการจัดการทรัพยากรและการเจรจาต่อรอง พอดแคสต์ก่อให้เกิดทักษะการสื่อสาร ซึ่งทักษะทั้งหลายเหล่านี้ล้วนทำให้ชีวิตมีความลุ่มลึกมากขึ้น และอาจจะช่วยในการทำงานได้ด้วย
มีทริกอยู่อีกอย่าง สิ่งที่เราทำเพลินๆ อยู่แล้วก็ยังแตกแขนงไปยังด้านต่างๆ เพิ่มได้อีก เช่น อาจจะชอบสะสมเปลือกหอย ก็อาจจะเพิ่มความ Creative และ Social เข้ามา เป็นการถ่ายรูปเพื่อลงกลุ่มที่มีความชอบคล้ายๆ กัน รวมกลุ่มไปเที่ยวหาดแปลกๆ หรือกระทั่งการเขียนถ่ายทอดเรื่องราวหรือรีวิวอะไรต่างๆ ก็ได้
ตัวเขียนเองฝึกศิลปะป้องกันตัวไอคิโดมานานแล้ว ซึ่งก็คาบเกี่ยวกันระหว่าง Physical กับ Social และ Mental นอกจากนี้ก็เริ่มกลับมาอ่านหนังสืออย่างจริงจังอีกครั้งร่วมกับการฝึกเขียนบทความ ซึ่งก็จะเป็น Mental กับ Creative และก็คิดต่อว่าจะเพิ่มอะไรอีกดีในอนาคต
ก็จะเป็นแนวคิดให้คุณผู้อ่านได้ลองนำไปเป็นไอเดียทดลองงานอดิเรกใหม่ๆ ต้อนรับปี 2025 ที่ใกล้เข้ามานะครับ ลองมาแชร์กันว่าอยากจะลองอะไรกัน ถ้าใครมีงานอดิเรกที่ไม่ค่อยเหมือนคนอื่นก็มาแชร์กันเป็นตัวอย่างด้วยนะครับ ผู้เขียนจะได้มีไอเดียเอาไปลองดูด้วย เพราะบางทีก็คิดไม่ออก (555+) แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้าครับ
ธนิท กิตติจารุรักษ์
27 พฤศจิกายน 2567
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
