28 พ.ย. 2024 เวลา 05:11 • ปรัชญา

คัมภีร์เต๋าเต๋อจิง ถูกคัดลอกโดยคัมภีร์ 9บท,คัมภีร์ใบไผ่แคว้นฉู่,คัมภีร์ผ้าไหมฮั่นและจวงจื่อถอดบทความ

คัมภีร์เต๋าเต๋อจิง
กว่า 2,500 ปี
Laozi เขียนในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง
"เสร็จสิ้นระหว่างปีแรกของ
กษัตริย์ Lu Ding ถึงปีที่แปดของ
Lu Dinggong
นับจาก 509
ถึง 502 ปีก่อนคริสตกาล"
(ปรมาจารย์เล่าจื้อ เขียนคัมภีร์เต๋าเต๋อ เพียงลำพัง ระหว่าง 2,533 -2,526 ปีก่อน)
#Naruepon Pengon Translate and compile
"Laozi" เล่าจื้อ คือ บุคคลผู้คิดค้น ให้คำนิยาม ถ่ายทอดคำว่า "เต๋า"
และ 'เต๋อ'
คัมภีร์เต๋าเต๋อจิงถูกเขียนในช่วง ฤดูใบไม้ผลิ และช่วงฤดูใบไม้ร่วงและ ช่วงสงครามรัฐ
เต๋า ได้รับการนับถือสูงสุด
ในสมัยราชวงศ์ถังจักรพรรดิไท่จงแห่งราชวงศ์ถังได้สั่งให้ผู้คนแปลเต๋าเต๋อจิงเป็นภาษาสันสกฤต
และรัชสมัย ของจักรพรรดิซวนจงแห่งราชวงศ์ถังพระสูตรนี้
เรียกว่า
" เต๋าเต๋อชิง "
#Naruepon Pengon Translate and compile
สิ่งนี่เป็นการตอบข้อสงสัยของ นวนิยายกำลังภายใน มังกรหยก ทำไมคัมภีร์เต๋าเต๋อจิง เป็นแรงบันดาลใจให้จอมยุทธ์คิดค้น คัมภีร์เก้าอิม เก้าเอี้ยง
แต่ทำไม จึงมีทั้งภาษาจีน และภาษาสันสกฤต
นั่นเพราะว่า
จักรพรรดิไท่จงแห่งราชวงศ์ถัง(ค.ศ. 627 -ค.ศ. 649)
ทรงสั่งให้ผู้คนแปลเต๋าเต๋อจิงเป็นภาษาสันสกฤต โดยที่ราชวงศ์ถัง(ค.ศ. 627 -ค.ศ. 649)
ตั้งขึ้นก่อน
ราชวงศ์ซ่งเหนือ (ค.ศ. 960–1127)
#Naruepon Pengon Translate and compile
เต๋าเต๋อจิง
ฉบับคัดลอก โดย
กวนหลิงยินซี สาบสูญไปแล้ว (กวนหลิงยินซี คือ นายด่านฮั่นกู
ผู้อนุญาตให้ปรมาจารย์เล่าจื้อผ่านทางไปตะวันตก),
คัมภีร์ใบไผ่แคว้นฉู่ (Chu Bamboo Slips) อายุกว่า 2,300 ปีก่อน
สลิป
ใบไผ่ Chu " Laozi " ที่ขุดพบ ใน Guodian, Jingmen เมื่อปลายปี ค.ศ. 1993,
คัมภีร์เต๋าเต๋อจิงเขียนด้วยผ้าไหมต้นราชวงศ์ฮั่น อายุกว่า 2,200 ปี
คัมภีร์เต๋าเต๋อจิง,
อี้จิ้ง,ขงจื๊อ
และม่อจื้อ เป็นแรงบันดาลใจ ให้
ปรมาจารย์จวงจื่อ เขียนคัมภีร์จวงจื่อ เมื่อ 2,333 ปีก่อน โดยมีพื้นฐานมาจากคัมภีร์เต๋าเต๋อจิง โดยเปรียบเทียบกับคัมภีร์อี้จิ้ง,
คัมภีร์ของขงจื้อ
และคัมภีร์ของม่อจื้อ
คัมภีร์จวงจื่อเขียนขึ้นในสมัยกษัตริย์หนานแห่งราชวงศ์โจว (309 ปีก่อนคริสตกาล หรือ2,333 ปีก่อน)
จวงจื้อ (จ้วงซี)
เขียนบันทึกและตีความเต๋าเต๋อจิง
ฉบับคัดลอก ของ
กวนหลิงยินซี ไว้ด้วย
#Naruepon Pengon Translate and compile
ประเทศจีนค้นพบไม้ใบไผ่ แคว้นฉู่ (Guodian Chu)
กว่า 2,300 ปีก่อน
มีสภาพดี พื้นผิวใบไผ่เป็นเนื้อแข็งสีน้ำตาล เขียนด้วยหมึกสีดำสดใสชัดเจน
เส้นขอบและรูปภาพสีแดงชาด
หนังสือไม้ไผ่ ของแคว้นฉู่
ประเทศจีนค้นพบหนังสือผ้าไหม Mawangdui ประมาณ 2,200 ปีก่อน
#Naruepon Pengon Translate and compile
Guan Yinzi
คือ ชื่อตำแหน่งตามด้วย ชื่อตัว
"กวนอิมซี" :
"เหวินซีจิง"
"กวนหลิงซี"
" เหวินซีเจิ้นจิง"
"กวนหลิงยินซี"
ขอให้กษัตริย์
ปิงโจว แห่งราชวงศ์โจวตะวันออก
ทรงแต่งตั้งให้เขาเป็นผู้พิทักษ์ด่าน: "ช่องเขาฮั่นกู่"
เขาคาดการณ์ว่า
ปรมาจารย์เล่าจื้อจะต้องเดินทางผ่านไปทางตะวันตก
เนื่องจากเหวินซีเจิ้นจิง
มองเห็นทิศตะวันออกมีอากาศสีม่วงลอยขึ้นไปทางทิศตะวันตก จึงรู้ว่าผู้มีบุญจักต้องผ่านมา
ต่อมาปรมาจารย์เล่าจื้อก็เดินทางมา
ภายหลังได้ตำแหน่งนายพลของกวนหลิง ในสมัยกษัตริย์หลิงแห่งราชวงศ์โจว
เขาเป็นผู้พิพากษา
เขาเป็นนายด่านของช่องเขาฮั่นกู่ 
เขาเป็นบุคคลแรกที่เสนอให้มีการบันทึก "เต๋าเต๋อจิง" ที่แท้จริง
นอกจากนั้น
Guan Ling Yinxi ก็เป็นแพทย์ของ ราชสำนักโจว Zhou
เขาชอบการดูดาวและการดูชี่ (Qi)
เขาเก่งในการศึกษาดวงดาวภายใน
ยึดเอาแก่นแท้ และฝึกฝนการแพทย์ที่มีคุณธรรม
และมีเมตตา
ในสมัยกษัตริย์คังแห่งราชวงศ์โจว
#Naruepon Pengon Translate and compile
บันทึกเก้าบทของ "Guan Yinzi"
ซึ่งเขียนโดย Zhou Yinxi (อาจเป็นที่มาของคัมภีร์เก้าหยิน)
เขียนเกี่ยวกับการเห็นคุณค่าของพระเจ้า
จะไม่แยแสสิ่งใดไม่ต้องทำอะไรเลย
อยู่เงียบๆ
มีความพอเพียง
อยู่คนเดียว
ในความว่างเปล่า แต่ตอบสนองต่อสิ่งต่าง ๆ
บันทึกเก้าบทของ "Guan Yinzi"
ซึ่งเขียนโดย Zhou Yinxi
มีสาระสำคัญ คือ
ความจริงของร่างกายมีคุณธรรม
และร่างกายก็ไร้คุณธรรมได้
ดังนั้น
วิธีการฝึกฝนการมีจิตใจที่สงบ
และร่างกายที่เที่ยงธรรม
คือ วิธีที่ดีในการรักษาสุขภาพ
ไม่เพียงแต่สามารถจัดการร่างกายและปกครองประเทศได้เท่านั้น
แต่ยังเข้าใจเหตุผลที่เกิดขึ้น
เนื่องจากสงคราม 7 แคว้นในประเทศจีน และการเปลี่ยนราชวงศ์โจวเป็นราชวงศ์ฉิน
ต่อมาก็เปลื่ยนเป็นราชวงศ์ฮั่น
ดังนั้น ต้นฉบับบันทึกเก้าบทของ "Guan Yinzi"
สูญไปแล้ว
“บันทึกของจวงจื่อ ” เมื่อ 2,333 ปีก่อน
ได้กล่าวถึง
บันทึกข้อความของหยินซี นายด่านฮั่นกู
“Guan Yinzi กล่าวว่า
ไม่มีบ้านในตัวเอง
และรูปแบบก็มีอยู่ในตัวเอง
(บ้านที่ใหญ่ที่สุดมีท้องฟ้าและที่ดินส่วนตัว
อบอุ่น ร่มเย็น ตามฤดูกาล มีแสงสว่างเพียงพอ มีการระบายอากาศตามธรรมชาติ)
การเคลื่อนไหวของมันเหมือนน้ำ
ความสงบนิ่งของมันเหมือนกระจก และการตอบสนอง เหมือนเสียง
แสงสว่างส่องผ่านไปแล้วก็เหลือเพียงความมืด
(ดวงตะวัน-จันทรา)
ความเงียบสงัด
ย่อมเกิดความชัดเจน
นำมาซึ่งความสามัคคี
ถ้าคุณสูญเสียบางสิ่งบางอย่าง
คุณอาจได้รับบางสิ่งบางอย่าง
#Naruepon Pengon Translate and compile
ทุกคนไม่เคยมี
(ความมีเกิดจากความว่าง
เต๋าเต๋อ บทที่ 40)
ดังนั้น ทุกคนไม่เคยมีสิ่งใดเป็นของตนแท้จริงมาแต่ต้น
สรรพสิ่งย่อมปรากฏเป็นรูป
เป็นร่าง
โดยธรรมชาติ
(สรรพสิ่งเกิดขึ้นเพราะความมี เมื่อเป็นรูปเป็นร่าง จึงเรียกว่า ธรรมชาติ
เต๋าเต๋อ บทที่ 40)
ความเจริญของสรรพสิ่ง
ย่อมเป็นไปตามธรรมชาติ
ดั่งรูปร่างสายน้ำไหล
(สายน้ำไหลมีรูป
มีร่างตามลำธาร,ห้วย,หนอง,คลอง,บึง ตรงหรือคดเคี้ยว เมื่อเป็นรูปเป็นร่าง จึงเรียกว่า ธรรมชาติ)
#Naruepon Pengon Translate and compile
เมื่อสายน้ำสงบ
ดูสวยงาม
จึงสบายตา
และสบายใจ
(ดังทะเลเงียบสงบ)
ประหนึ่ง ทิวทัศน์ในกระจก
(มองย้อนกลับ เต๋าเต๋อ บทที่ 40)
และเมื่อทุกสิ่งโต้ตอบและตอบสนองกันก็เหมือนกับเสียงของธรรมชาติ
ความมึนงง
ก็เหมือนหายไปอย่างกะทันหัน
และความเหงา
ก็เหมือนความเงียบและความเงียบสงบ
ธรรมชาติมีธรรมชาติเก็บรักษา
#Naruepon Pengon Translate and compile
สรรพสิ่ง
จะต้องบูรณาการเข้ากับธรรมชาติ
เมื่อวัตถุได้มา
มันก็มีโอกาสสูญไปพร้อม ๆ กัน
ฉันไม่เคยทำอะไรหุนหันพลันแล่นหรือโดดเด่นต่อหน้าผู้อื่น
(ไม่ต้องการเป็นที่หนึ่ง)
แต่ฉันกลับสังเกตและศึกษากระแสสังคมเบื้องหลังผู้คนอย่างเงียบ ๆ
(การกระทำย้อนกลับ เต๋าเต๋อ บทที่ 40)
และก้าวให้ทัน
(คลื่นลูกหลังก้าวทันคลื่นลูกหน้า)
#Naruepon Pengon Translate and compile
"จ้วงจื่อ" อธิบายความคิดของ Guan Yinzi ดังนี้:
มองว่าเต๋า คือแก่นแท้จริง
(ถ้าทุกคนรู้จักพอแล้วจะไม่เสียหน้า
ถ้าทุกคนรู้จักหยุดก็จะไม่ตกอยู่ในอันตราย)
#Naruepon Pengon Translate and compile
จ้วงจื่อ กล่าวว่า
สิ่งภายนอกว่าน่ารังเกียจ
แสดงออกผ่านปฏิกิริยาทางกายภาพที่รุนแรง เช่น คลื่นไส้
เหงื่อออก
ความดันโลหิตต่ำ
เป็นลม
อารมณ์รังเกียจ สัญชาตญาณที่น่ารังเกียจ
ตอบสนองโดยธรรมชาติต่อ
กลิ่น
การมองเห็น
ความรู้สึกรังเกียจเกิดขึ้นระหว่างการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม
ความรังเกียจในโรคร้ายแรง
ถูกใช้ในการป้องกันโรค
การรังเกียจในรสชาติอาหาร
อาจเป็นข้อห้ามทางสังคมได้
#Naruepon Pengon Translate and compile
จ้วงจื่อ กล่าวว่า
กล่าวว่า
ทุกคนพึงพอใจและรักษาสุขภาพรักษาสมดุลสิ่งต่าง ๆ การซื่อสัตย์ในตนเอง
โดยไม่แยแส
หรือไร้ภาระกับสิ่งต่าง ๆ
และเป็นอิสระทางจิตวิญญาณ
อย่าให้เครดิตกับความสำเร็จของคุณ
แต่ให้เครดิตกับการเปลี่ยนแปลงของสิ่งภายนอก
นี่คือวิธีการฝึกฝนพัฒนาตนเอง (สามคนเดินมา ต้องมีหนึ่งคน เป็นครูของฉัน : ปรมาจารย์ขงจื้อ)
#Naruepon Pengon Translate and compile
จ้วงจื่อ กล่าวว่า
กล่าวว่า
จงอย่าทำอะไร
จงปล่อยให้สิ่งต่าง ๆ เปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติ
ปล่อยให้รูปร่างของวัตถุภายนอกปรากฏออกมา การเคลื่อนไหว
ก็เหมือนน้ำ
ความสงบก็เหมือนกระจกแขวน ความคิดก็เหมือนเสียงตอบสนอง การเคลื่อนไหวและความนิ่งไม่ประมาท เปลี่ยนแปลงได้ตามใจชอบ
จ้วงจื่อ เมื่อศึกษาคัมภีร์ของกวนหลิงยิน นายด่านฮั่นกู่
จึงกล่าวว่า
การที่จิตวิญญาณอยู่ในภวังค์เกิด-เสื่อมทางตา,หู,จมูก,ลิ้น,มือ-ดับ
ก็เหมือนกับการสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง
การนิ่งเฉย
ก็เหมือนความว่างเปล่า
และการได้มาก็เหมือนกับการสูญเสีย
อย่านำหน้าผู้อื่น จงตามหลังผู้อื่นเสมอ
#Naruepon Pengon Translate and compile
"กวนหลิงยิน" คือ
ผู้ดูแลตำแหน่งกวนหลิงยิน
ชื่อ ซี
ผู้อนุญาตให้
เล่าจื่อ นั่งรถม้าไปกับวัวสีเขียว
และอาจารย์เล่าจื่อ ออกจากด่านฮั่นกวน ก็เดินทางไปทางตะวันตกตามเส้นทางสายไหม
#Naruepon Pengon Translate and compile
Laozi กำลังจะออกจากเขตปกครองราชวงศ์โจว Zhouxi
ที่ด่านฮั่นกู่ Hanguan ,
Yin Xi ผู้ว่าการ Hanguan
ชื่นชมชื่อเสียงของ Lao Tzu ผู้อำนวยการหอสมุดแห่งราชวงศ์โจว มานานแล้ว
ดังนั้น เขาจึงขอความกรุณาปรมาจารย์เล่าจื้ออยู่พำนัก เพื่อที่จะทิ้งถ้อยคำห้าพันคำของเต๋าเต๋อจิง
เอาไว้ ณ ดินแดนราชวงศ์โจว
หลังเขียนหนังสือคัมภีร์เต๋าเต๋อจิงเสร็จ
ปรมาจารย์เล่าจื้อจึงขี่วัวตัวหนึ่งไปทางทิศตะวันตก
#Naruepon Pengon Translate and compile
ต่อมา Guan Lingyin ศึกษาคำสอนของ Laozi
ตามคัมภีร์เต๋าเต๋อจิง สำเร็จ
Guan Lingyin
จึงเขียนบันทึกลงในหนังสือชื่อว่า
"Guan Yinzi" อย่างไรก็ตาม เนื่องจากภัยพิบัติสงคราม 7 แคว้นยุคเปลี่ยนราชวงศ์โจว-ฉิน-ฮั่น
หนังสือของเขาจึงสูญหาย
และถูกทำสำเนาแก้ไขให้ใกล้เคียง
#Naruepon Pengon Translate and compile
จวงจื่อ มีชื่อว่าหนานหัว ได้อ่านเต้าเต๋อจิง ฉบับคัดลอกจาก กวนหลิงยินซี (Wenshi Zhenjing เวินซี เจิ้นจิง)
งานเขียนของจวงจื่อ เรียกว่า
" หนานฮวาจิง "
ภายหลัง
นายด่าน Guan Yinzi
ได้รับยศเป็น Wenshi Zhenren นิกายเต๋าเหวินซีดังนั้นหนังสือของเขาจึงเปลี่ยนชื่อเป็น เวินซี เจิ้นจิง
" Wenshi Zhenjing "
ให้คำนิยามคำว่า "เต๋า,Tao" และ "เต๋อ,De"
Guan Yinzi ปฏิบัติตามคำสอนของ Laozi
คัมภีร์ 9 บทบรรยายให้เห็นคุณค่าของแก่นแท้ของจิตวิญญาณ
เฉยเมยเงียบสงัดและพึ่งตนเองเป็นหลัก
การฝึกฝนให้อยู่คนเดียวในความว่างเปล่า
(เกิดสติ,สมาธิ)
จนสามารถตอบสนองต่อสิ่งต่าง ๆ ความคิด
(เกิดปัญญา)
#Naruepon Pengon Translate and compile
" หนานฮวาจิง "
เขียนโดยปรมาจารย์จวงจื่อ มากกว่า 100,000 คำ
เขียนถึงปรัชญาชีวิต ศิลปะ สุนทรียภาพ
การเมือง สังคมศิลปะ นิทานคติธรรม
และทฤษฎีจักรวาลวิทยา
คือ หนึ่งในสามคัมภีร์
แห่งความลึกลับสามประการของจีน คือ อี้จิ้ง เต๋าเต๋อจิง และหนานฮวาจิง
คำสอนน่าสนใจ
"การทำให้ทุกสิ่งเท่าเทียมกัน"
ลืมคำพูดเมื่อรู้สึกภาคภูมิใจ
เสรีภาพและการปลดปล่อยธรรมชาติของมนุษย์
จวงจื่อสนับสนุน
การปกครองโดยไม่ปกครอง
และต่อต้านระบบศีลธรรม
การเมืองทางสังคม เช่น ความเมตตากรุณา ความชอบธรรม มารยาท
และดนตรีที่นำมาใช้ในสังคมในราชวงศ์โจว
จวงจื่อเขียนไว้
“ผู้ขโมยตะขอจะถูกลงโทษ
ผู้ที่ขโมยบ้านเมืองจะได้เป็นเจ้าชาย”
(ผู้ปกครองขโมยอำนาจรัฐ)
เมื่อความไม่เท่าเทียมกันทางสังคม
จึงมีการใช้ความเมตตากรุณาและความชอบธรรม
ความไม่เท่าเทียมกันและการต่อสู้ดิ้นรนในสังคมมนุษย์ก็จะเกิดขึ้นมาต่อเเนื่อง
"ความเกียจคร้าน" ที่จ้วงซีเน้นย้ำหมายความว่า
ต้าอ๋อง "ปฏิบัติตามธรรมชาติของสิ่งต่าง ๆ
และไม่ทนต่อความเห็นแก่ตัว"
มีแนวโน้มการพัฒนา
ไม่นำความเห็นแก่ตัวและอคติส่วนตัวของต้าอ๋อง มาปะปน
จ้วงซีสนับสนุน "ความรู้ที่สมบูรณ์/ความไม่รู้" ความรู้ไม่สามารถพูดง่ายๆ ว่า "ยิ่งดี" หรือ "ยิ่งน้อยยิ่งดี" แต่ต้องสร้างความแตกต่างให้ชัดเจน ยิ่งมีความรู้มากเท่าไรก็ยิ่งดีเท่านั้น ดังนั้นการแสวงหาความรู้จึงไม่ใช่เพียงกระบวนการเพิ่มพูนความรู้เท่านั้น แต่ยังเป็นกระบวนการในการระบุว่าความรู้ที่ได้รับนั้นสอดคล้องกับความจริงหรือไม่และขจัดความรู้ที่เบี่ยงเบนไป = ค่าเฉลี่ย
ความจริง เมื่อต้องเผชิญกับการล่อลวงผลประโยชน์จากผู้เผด็จการและการหลอกลวงชื่อเสียงจากผู้ช่วย
จ้วงซีสนับสนุนให้ไม่นิ่งเฉยในสิ่งต่าง ๆ
อย่างไรก็ตาม
จ้วงซีสนับสนุนความปรารถนาในทุกสิ่ง รวมถึงวัตถุและจิตวิญญาณ
จ้วงซีเองก็ไม่มีความปรารถนาในสิ่งที่เป็นวัตถุมากนัก และเชื่อว่า "ความปรารถนาของเขาลึกซึ้งและความลับสวรรค์ของเขานั้นตื้นเขิน"
ความปรารถนาของเขาสำหรับอิสรภาพทางจิตวิญญาณและความรู้ตลอดเส้นทางนั้นแข็งแกร่งกว่านักวิชาการคนอื่น ๆ ในเวลานั้น เมื่อความอยากหมดไปก็กลับคืนสู่ความเป็นตัวเองดีกว่า และความว่าง ย่อมเป็นความว่างของความว่าง ถ้าปรารถนาจะสนองตัณหา ย่อมเป็นสุขไปตลอดชีวิต
ความเกียจคร้าน
หมายถึงการขาดธรรมาภิบาล
"การเผชิญหน้าอย่างกะทันหันในดินแดนแห่งความโกลาหล" ของจ้วงซี และ"ความฝันกับการนอนหลับ"
จ้วงซีตั้งใจที่จะขจัดการเชื่อฟังและความผูกพันต่อค่านิยมทางโลกผ่าน "ทฤษฎีความเท่าเทียมกันของสรรพสิ่ง" และเพื่อคลี่คลาย "สิ่งถูกและผิดระหว่างลัทธิขงจื๊อกับลัทธิโมฮิสม์"
การอภิปรายทั้งหมดจึงไม่มีทางแก้ไขข้อโต้แย้งใดๆ ได้ ดังนั้น ด้วยการลืมคำพูดและลืมข้อโต้แย้ง จ้วงซีจึงก้าวข้ามการต่อต้านซึ่งกันและกัน ปฏิบัติตามธรรมชาติโดยกำเนิดของทุกสิ่ง และมาถึงสภาวะ "เต๋ารวมเป็นหนึ่งเดียว" “ทุกสิ่งที่มีอยู่หรือไม่มีสิ่งคู่กัน และสิ่งที่คู่กันก็เหมือนกับการเปลี่ยนแปลงของหยินและหยาง ซึ่งเรียกว่าการทำให้เท่าเทียมกัน” ("จ้วงซี ยี่คาน")
"คนที่ใช้ลิ้นพูดเรื่องม้าขาวเป็นเพียงคนโง่ ม้าขาวเป็นชื่อของคน เรียกม้าดำก็ได้ พวกเขาถูกและผิด” ผู้คนต่างเห็นพ้องต้องกัน” (จ้วงซี อี้คาน) ดังนั้น จ้วงซีจึงเชื่อว่า "สิ่งนั้น" และ "สิ่งนี้" ทั้งหมดควรได้รับอนุญาตให้เชื่อฟังธรรมชาติของตนเอง เพื่อให้สามารถรักษาความว่างเปล่าและเสรีภาพที่แท้จริงของจิตใจได้
จ้วงซีเชื่อว่ากุญแจสำคัญในการรักษาสุขภาพคือการปฏิบัติตามธรรมชาติ ลืมอารมณ์ และไม่หยุดนิ่งกับสิ่งภายนอก
การรักษาสุขภาพคือการ "ยึดมั่นในความว่างเปล่าของสิ่งต่างๆ และปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงและการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ
"วิธีรักษาสุขภาพ" ใช้พ่อครัวในการย่อยสลายร่างกายของวัวเพื่อเป็นอุปมาอุปไมยในการบำรุงรักษาสุขภาพของมนุษย์ โดยอธิบายว่าพฤติกรรมและชีวิตของคนเราจะต้อง "ตามที่เป็น" และ "ตาม" จะต้องคำนึงถึงกฎแห่งธรรมชาติ" และ "มีที่ว่าง" อยู่ในนั้น สามารถ "สบายใจ" และหลีกเลี่ยงการพัวพันกับสิ่งถูกและผิดและความขัดแย้ง
สุขภาพที่ดี
การไม่นิ่งอยู่กับสิ่งต่าง ๆ อยู่กับโลก ทำตามใจ เป็นไปตามธรรมชาติอยู่อย่างสงบ กับกาลเวลา และปฏิบัติตามหลักธรรมชาติ เติมเต็ม ธรรมชาติของเขาและแม้กระทั่งชะตากรรมของเขา
ทฤษฎีจักรวาลวิทยา จ้วงซีเป็นผู้บุกเบิกทฤษฎีการแปรสภาพเป็นแก๊ส โดยเชื่อว่าทุกสิ่งในจักรวาลมีรากฐานและต้นกำเนิดเดียวกันกับ "หนึ่งชี่": "หนึ่งชี่ที่เชื่อมโยงโลก"; "หนึ่งชี่ที่เดินทางข้ามสวรรค์และโลก" ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่หมายถึงแนวคิดในความคิดของจ้วงซีที่สรุปความหมายของเต๋าและจักรวาล มันหมายถึงครูที่ประสบความสำเร็จและเป็นที่เคารพซึ่งสร้างและถ่ายทอดหลักการ "เรียนรู้จากเต๋า
ดังนั้นปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่จึงเกิดขึ้น มี เต๋าในสวรรค์และโลก ปฏิบัติตามและปฏิบัติตาม"
คนมีจริง สิ่งที่เรียกว่า"
("จ้วงซี ยี่คาน") พวกเขา "รู้แล้วว่าสวรรค์ทำอะไรและผู้คนทำอะไร" และ "ใช้กำลังทหารเพื่อทำลายประเทศโดยไม่สูญเสียหัวใจของผู้คน พวกเขาได้รับประโยชน์ทุกสิ่งโดยไม่ต้องรักผู้อื่น"
ธรรมชาติ
มีรูปมีร่างเป็นดั่งโคลนและรุนแรงและมหาสมุทรก็ป่าเถื่อนอย่างไรก็ตามมีสไตล์
ทำให้ผู้คนสงบ
และอ่อนโยน
แต่ไม่ได้ทำให้คนบ้าคลั่ง
สมัยจักรพรรดิเสี่ยวหวู่ ผู้ศรัทธาเต๋าเต๋อ เกิดแนวคิดสมัยใหม่จึงเกิดนักเล่นแร่แปรธาตุ
เทียบเหตุการณ์ สมัยประวัติศาสตร์
อ่านต่อ...
พระเจ้า​อชาติ​ศัตรู​ ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์สังคายนา​ ครั้ง​ 1
(​492 BC -​ 460 BC)
โฆษณา