28 พ.ย. 2024 เวลา 09:01 • ความคิดเห็น
เรื่องของอารมณ์ นั้น เมื่อเราเกิด เผลอสติใช้ กายวาจาใจ ..มีอารมณ์พอใจไม่พอใจ โมโหโกรธ …แล้วก็เผลอสติ ..ใช้อารมณ์ ..เกิดทิฐิไม่ยอม ..อะไรต่างๆเกิดขึ้น มีกิริยากายวาจาใจ ที่ใช้อารมณ์กรรมนั้นไป . มันก็เกิดการบันทึกลงไปที่ ..ที่จิต..ลงไปบันทึกที่ธาตุุทั้งสี่ ..มันมีการสะสมค่อนลยเบื่อนตำแหน่ง เป็นอารมณ์ค้างคาใจ ..พอเป็นอารมณ์ค้างคาใจ ยังแก้ไขไม่ได้ ..ตัดทิ้งอารมณ์ค้างคาไปไม่ได้ มันก็เลื่อนลงไป เป็นอารมณ์ทุกข์ขัง ..จิตก็อมทุกข์อยู่อย่างนั้น
เมื่อยังแก้ไข..ไม่ได้ ก็เป็นอารมณ์หนักอกหนักใจ ..เหมือนว่า เราเจอปัญหา ..เรื่องนั้นเรื่องนี้คนนั้นคนนี้คนใกล้เคียงอะไรต่างๆ เหมือนไม่ลงรอย หรือว่า ทำให้เราเสียใจ .พอเผลอไปนึกถึง .ก็มีอารมณ์หนักอกหนักใจเกิดขึ้น .
..พอยังแก้ไขตัวหนักอกหนักใจไม่ได้ ต่อไปก็เลื่อนขึ้นมา ที่สมองที่หัว ..พอนึกถึงคิดถึง ก็สมองมึนงง เริ่มเบื่อหน่าย ท้อแท้ หมดอาลัยตายอยาก เบื่อหน่าย อยาากจะหนี ..บางที่ก็เบื่อ .งานที่ทำอยู่ดีๆ ก็เบื่อไม่อยากจะทำ เบื่อคนนั้นคนนีี้ มีอารมณ์หงุดหงิดเหวี่ยง เป็นโดยไม่รู้ตัว .เสียด้วย บ้างก็เบื่อไม่อยากพูดจา เหมือนคนไม่มีพลังชีวิต บ้างก็ไปทำร้ายตัวเอง เหมือนกรรมนั้นปิดตา ..มองเห็นชีวิตนี้ไม่มีความหมาย ไปเอาเชือกเส้นเล็กๆ มาโยงผูกคอ ..โยงกับต้นพริกมะเขือมันก็ไม่สมปรารถนา ต้องโยงกับต้นไม้ใหญ่แข็งแรง..
นั้นก็เป็นเรื่องราวของอารมณ์กรรมที่เกิดขึ้นในชีวิต ที่เราต้องไปสัมผัสเรื่องราวต่างๆ มีอารมณ์เกิดขึ้นขึ้นที่กาย โดยที่เราก็ไม่รู้ว่า อารมณ์ที่เกิดขึ้นนั้น มันมีการสะสมพิษอย่างไรบ้างเป็นการสะสมกรรมอย่างไรบ้าง จิตของเราอ่านอารมณ์ที่เกิดจึ้ไม่ได้ มีแต่ผสมปนเปไปกับอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดอะไรต่างๆ .เราไม่สามารถที่จะแยกแยะ ..รับรู้ ในพิษของอารมณ์นั้นได้ เสมือนว่า กรรมนั้นปกปิดไม่รู้จัก จิตของตัวเองเองได้เลย ก็ยึดอารมณ์นั้นเป็นตัวตนของจิต
คราวนี้ เมื่อเราเกิดมีความผิดพลาด .เกิดขึ้น ..เกิดความรู้สึกโศกเศร้าเสียใจ มันก็ล้วนเป็นอารมณ์ .ที่เกิดขึ้น ..อารมณ์ค้างคาใจ ทุกข์ขัง หนักอกหนักใจ ..เราก็ควรรีบแก้ไข ..เหมือนว่า เมื่อวาน เราไปกินอาหารมา มันทำให้ท้องเสีย ปวดท้องมวนท้อง พอวันใหม่ เราก็ต้องหาข้าวมากิน กินเอาของใหม่ๆ เข้าไป ..นั้นก็เหมือนอารมณ์อะไรต่างๆ ที่เราเผลอใช้ไป
เมื่อ.มันผ่านมาแล้ว ..มาถึงวันใหม่ ..เราก็คิดทำเรื่องราวดี ..ๆ ให้กับตัวเราเอง เพื่อที่จะไปปลดเปลื้องของเสียออกไปจากกาย ของใหม่ที่ดี ..ก็ไม่มีมีอะไรดีไปกว่าการสร้างบุญกุศล สวดมนต์ ปฏิบัติธรรม เพื่อให้จิตเรามาอยู่ ณ ขณะปัจจุบัน เอาจิตมาหยุดอยู่ที่ลมเข้าออก ..พักกายพีักจิต เรื่องราวต่างๆ ที่ผิดพลาดไปมันเหมือนมายา ..เราไปแก้ไขอารมณ์อดิตนั้นไม่ได้ ที่เราเผลอไป ..เราก็เอาจิตเรามาอยู่กับปัจจุบัน ปัจจุบันที่กายนี้ยังมัลมเข้าออก เอาจิตมาอยู่ตรงนี้ ปลดเปลื้องอารมณ์ต่างๆออกไป .
มีเรื่องหนึ่ง น้องที่นั่งข้างๆ เค้าส่งภาพอาจารย์ใหญ่ มาให้ดู ..เราบอกว่า ไม่ต้องส่งมา ..เค้าก็ส่งมา ให้ด ..พอกลับถึงบ้าน ..เรากำลังนั่งกินข้าว ..ภาพอาจารย์ใหญ่ มาลอยอยู่ตรงหน้า ..มาลอยให้เราดู ..เราก็พูด..กับตัวเอง ว่า เราไม่ดู..คนกพลังจะกินข้าว..จะมาให้ดูทำไมตอนนี้ ..เวลานี้เราจะกินข้าว ขืนไปดู ..ก็ไม่ต้องกินข้าวกันล่ะ ..
บางเรื่องราวเราก็ต้อง..ตัดใจทิ้งมันไป ..เรื่องของอารมณ์ เราต้องใช้เหตุผลมากๆ ..อารมณ์ไม่พอใจเสียใจ .แบบที่ว่า เผลอสติ ..ไม่เมื่อเรารู้ ..ก็รีบแก้ไข ..มันเหมือนศรปักอกอยู่ในใจ ต้องรีบดึงศรออก ดึงอารมณ์นั้นออก ..ปัญามันนิดเดียวเอง .เรารู้จักอารมณ์ รู้จิตตัวเองจริงมั้ย..
เรื่องราวที่คนเรามันมีความผิดพลาดกันได้ .ผิดพลาดไปมันก็เกิดมีทุกข์ สิ่งที่ดีที่สุด ก็แบ่งเวลาของทุกข์นั้น มาหาธรรม ให้เวลานั้นเป็นธรรม นำเวลามาสร้างบุญกุศล ให้เวลามาสวดมนต์ ปฏิบัติธรรมขึ้นมา ..สิ่งเหล่านี้จะช่วยปลดปล่อยทุกข์ เบาบางจากทุกข์ .
เมื่อจะหันเข้าหาธรรม ก็ควรดูศึกษาทำความเข้ารอย พระเวสสันดร พระสิทธัตถะ รอยคำสอนของพระพุทธเจ้า ...สร้างบุญกุศลให้ถูกวิธี มันจึงจะเกิดผลที่ดี ..
โฆษณา