29 พ.ย. เวลา 07:14 • ไลฟ์สไตล์
เทศบาลนครเชียงราย

สิ่งที่รักที่จะทำและสิ่งที่ชอบทำ

เชื่อว่าทุกคนมีสิ่งที่รัก สิ่งที่ชอบได้ทำ และไม่ได้ทำหลายอย่าง
บางอย่างเราก็หมกมุ่นอยู่กับมันและมีความสุขที่ได้ทำ
การอ่านและการเขียนเป็นสิ่งทีเรารักและชอบที่สุด เหมือนเป็นเพื่อนสนิท ทุกวันเราต้องพบกัน
การอ่านนี่เป็นการเปิดโลกจริง ๆ บางเรื่องเราไม่มีประสบการณ์ตรง ก็อาศัยการอ่านนี่แหละ
ก่อน ๆ อ่านจากหนังสือเป็นเล่ม ๆ ปัจจุบันอ่านจากสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ฟังจาก YouTube
เราก็ชอบนะ ได้ฝึกสมาธิจากการฟังไปด้วย โดนใจบางคำ บางประโยค ก็จดบันทึกไว้อ่าน ถือว่าได้ประโยชน์แบบติดปลายนวม แต่ก็ไม่ทิ้งอ่านจากหนังสือ เพราะยังได้สัมผัสรูปเล่ม
การได้พูดคุยกับหนังสือ ก็เหมือนได้คุยกับ "เพื่อนสนิท" คนหนึ่งนั่นแหละ
การเขียนนี่ก็ชอบและทำเป็นประจำเกือบทุกวัน แต่มีช่วงเวลาหนึ่งไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมทิ้งการเขียน การจดบันทึกไป ซึ่งถ้าเจาะจริง ๆ คิดว่ามีคำตอบ
จำได้ว่าตอนอยู่มัธยม เขียนเรียงความได้ดีขนาดครูเอามาอ่านเป็นตัวอย่างให้เพื่อน ๆ ฟัง
ตอนเรียนปริญญาตรี ปริญญาโท ก็เขียนได้ดีนะ อาจารย์ก็เคยชม บางทีก็ได้รางวัลเป็นหนังสือ จำได้เล่มหนึ่งชื่อ "โลกหนังสือ" และอีกเล่มจำไม่ได้แล้ว
อ่านมาถึงตรงนี้คงพอคาดเดาได้ว่าเราน่าจะอยู่ใน Generation ไหน
ตั้งแต่อยู่ชั้นประถมก็เขียนบันทึกประจำวันอยู่แล้ว เพราะเรารู้สึกว่าเราเติบโตมาในครอบครัวที่ไม่อบอุ่น มีพ่อแม่อยู่ด้วยกัน มีพี่ชายหนึ่งคน แต่เหมือนมีตัวคนเดียว โชคดีอยู่บ้างที่มียายเป็นที่พักพิงใจ แต่ก็ได้การจดบันทึกนี่แหละ ที่ช่วยเป็นเพื่อนคอยรับฟังเราอยู่เสมอ และตลอดมาก
ณ วันนั้นอาจสรุปว่า "ฉันเป็นคนที่พ่อแม่ไม่เคยรัก แต่เป็นแพะรับบาปในทุกเรื่อง"
แต่ปัจจุบันเรื่องทุกข์ใจ คับแค้นใจในอดีต เรามองว่าเป็นปรากฏการณ์ในชีวิต
พอจะให้อภัยตัวเอง ให้อภัยผู้คนที่เคยอยู่ร่วมปรากฏการณ์ที่ผ่านมา ได้มากขึ้นกว่าเดิมเยอะแล้วล่ะ
ที่เขาบอกว่า การเขียนเป็นการเยียวยาจิตใจ นับเป็นเรื่องจริงในประสบการณ์ชีวิต พอเรากลับมาอ่านก็อาจเกิดความหลากหลายทางอารมณ์ แต่ก็ไม่เข้มข้นกับเรื่องเหล่านั้น บางเรื่องกลับมองเห็นว่า เออหนอ โง่มากเลยนะ บางเรื่องก็เวทนาตัวเองปนขำเบา ๆ
พอได้เขียนมาถึงบรรทัดนี้แล้ว วันนี้ก็มีความสุขที่ได้เริ่มลงมือแล้วค่ะ
โฆษณา