1 ธ.ค. เวลา 10:45 • หุ้น & เศรษฐกิจ

“Fillico” พาน้ำแร่จากญี่ปุ่นให้กลายเป็นน้ำแร่ราคาแพงสุดในโลก!

รู้จักแบรนด์น้ำแร่สุดหรู “Fillico” ที่น้ำขวดเดียวราคาเริ่มต้นแรงถึง 3,500 บาท จนได้ชื่อว่าเป็น “น้ำแร่ราคาแพงที่สุดในโลก”
“น้ำ” คือหนึ่งในองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดสำหรับสิ่งมีชีวิตทุกชนิด มนุษย์เราเองต้องใช้น้ำในการอุปโภคและบริโภค ยังไม่นับว่าร่างกายของคนเรายังประกอบด้วยน้ำมากกว่าครึ่งหนึ่งด้วยซ้ำ
เมื่อร่างกายเราขาดน้ำไม่ได้ จึงทำให้สินค้าประเภท “น้ำดื่ม” เป็นสินค้าที่ไม่มีวันตาย และเป็นที่ต้องการอยู่เสมอ อย่างไรก็ตาม น้ำดื่มเองก็มีระดับคุณภาพที่หลากหลาย ซึ่งผู้คนมักเชื่อกันว่าน้ำดื่มที่ดีที่สุดควรเป็น “น้ำแร่” เพราะอุดมด้วยแร่ธาตุ และมีค่าความเป็นกรดด่างที่สมบูรณ์แบบ
“Fillico” น้ำแร่ราคาแพงสุดในโลก
ถึงอย่างนั้น น้ำแร่เองยังแบ่งได้เป็นหลายเกรด ต่างกันไปตามแหล่งต้นกำเนิด ยิ่งแหล่งกำเนิดนั้นบริสุทธ์เท่าไร ราคายิ่งแรงและเป็นที่ต้องการมากเท่านั้น
และปัจจุบัน แบรนด์น้ำแร่ที่ครองบัลลังก์น้ำแร่ราคาแพงที่สุดในโลกคือ “Fillico” (ฟิลลิโก) จากประเทศญี่ปุ่น
น้ำแร่ที่รสชาติคงเดิมแม้ลุยน้ำข้ามทะเล
Fillico มีจุดกำเนิดในปี 2005 จากคณะผู้ก่อตั้งซึ่งต้องการยกระดับน้ำแร่จากท้องถิ่นญี่ปุ่นให้กลายเป็นสินค้าหรูระดับโลก โดยผสมผสานเข้ากับการออกแบบที่หรูหราดูแพงไม่ต่างจากอัญมณี
น้ำแร่ที่พวกเขาใช้คือ “น้ำนูโนบิกิ” (Nunobiki no Mizu) จากน้ำตกชื่อเดียวกันในภูเขารกโกะ (Rokkosan) เมืองโกเบ จังหวัดเฮียวโงะ ซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งน้ำแร่ที่มีความบริสุทธ์มากที่สุดในโลก
น้ำนูโนบิกิเป็นน้ำที่มีแร่ธาตุสูงซึ่งประกอบด้วยซิลิกาที่มีผลต่อต้านความแก่ชรา (Anti-aging) และซัลเฟต ซึ่งกล่าวกันว่าช่วยกระตุ้นการเผาผลาญและบรรเทาอาการท้องผูก
นอกจากนี้ ยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติ ช่วยบำรุงหัวใจและร่างกาย และมีปริมาณแคลเซียมสูงที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น อีกทั้งยังมีแร่ธาตุที่สมดุลสูงสุด ทำให้มีรสชาติอร่อยที่สุด
รวมถึงมีความกระด้างปานกลางที่ 113 ทำให้ดื่มง่าย และอร่อยไม่ว่าอุณหภูมิของน้ำจะเป็นอย่างไร และรสชาติจะไม่เปลี่ยนแปลงแม้เวลาผ่านไปเป็นปี ๆ แล้วก็ตาม นั่นทำให้น้ำแร่ของ Fillico นั้นสามารถอยู่ได้นานถึง 5 ปีเลยทีเดียว
น้ำตกนูโนบิกิในภูเขารกโกะ เมืองโกเบ จังหวัดเฮียวโงะ ประเทศญี่ปุ่น
สื่อญี่ปุ่นระบุว่า น้ำนูโนบิกิได้รับการยกย่องอย่างสูงจนปรากฏในนิทานและบทกวีคลาสสิก โดยหลายบทที่บรรยายว่าน้ำชนิดนี้ดูแล้วราวกับ “อัญมณีที่กำลังไหลบ่า” จนเป็นที่กล่าวขานกันว่าทำให้ผู้มาเยือนหลงใหลจนถอนสายตาไม่ได้
นักเขียนชื่อดัง ชิบะ เรียวทาโร ยังได้เขียนในบทความเรื่อง “Traveling the Highway” ยกย่องน้ำของนูโนบิกิว่าเป็นน้ำที่ดีที่สุดในโลก และกล่าวว่า นักเดินเรือจากทั่วโลกต่างชื่นชอบน้ำนี้มานานแล้วในฐานะ “น้ำโกเบแสนอร่อยที่ไม่เน่าเสียแม้จะเดินทางข้ามเส้นศูนย์สูตร”
นอกจากการบริโภคแล้ว น้ำนูโนบิกิยังถูกใช้ในการทำอาหาร จัดดอกไม้ และทำสุราสาเกด้วย เป็นน้ำที่เชฟหรือนักทำสาเกระดับโลกยังเลือกใช้ ไม่เพียงแค่นั้นยังผ่านมาตรฐานฮาลาล ทำให้เข้าถึงผู้บริโภคได้ทุกกลุ่ม
ผู้ที่ชื่นชอบสาเกอาจทราบดีว่า น้ำนูโนบิกิเป็นหนึ่งใน “100 น้ำ” ที่ใช้ในการผลิตสาเกชั้นดี แม้แต่สาเกนาดะโกะโกะ (Nadagogo Sake) ซึ่งมีชื่อเสียงไปทั่วโลกเอง ก็ประสบความสำเร็จอย่างมากจากรสชาติที่ผู้ผลิตอ้างว่าเป็นเพราะน้ำนูโนบิกิ
วากิซากะ เรโกะ ผู้จัดการอาวุโส Fillico เคยกล่าวไว้ว่า ความนิยมของน้ำนูโนบิกิเป็นสิ่งที่อาจเกินจินตนาการของใครหลายคน “ฉันรู้จักพ่อครัวชื่อดังบางคนที่เดินทางมาที่โอซากาเพื่อซื้อน้ำนี้ไปปรุงอาหารโดยเฉพาะ”
เธอเล่าว่า “บางคนถึงขั้นย้ายมาอยู่ที่นี่เพื่อดื่มน้ำนี้เท่านั้น ประธานของเราเองเคยเป็นเจ้าของร้านอาหารและบาร์หลายร้าน และเขามักจะเลือกน้ำจากโกเบสำหรับสถานประกอบการเหล่านี้ เขามักจะพูดว่า เขาจะไม่พิจารณาผลิตภัณฑ์อื่นใดนอกจากน้ำจากโกเบ”
น้ำตกนูโนบิกิในภูเขารกโกะ เมืองโกเบ จังหวัดเฮียวโงะ ประเทศญี่ปุ่น
เติบโตด้วยดีไซน์อลังการและกลยุทธ์ Limited Edition
ทั้งนี้ แม้ตัวน้ำจะมีความเลิศเลอแค่ไหน แต่ถ้าไม่ได้รับการนำเสนอที่ดี อาจทำให้ผู้บริโภคไม่ไว้ใจและแยกไม่ออกว่าน้ำของ Fillico แตกต่างจากน้ำแร่เจ้าอื่นในตลาดอย่างไร
พวกเขาจึงใช้กลยุทธ์ทำให้ผลิตภัณฑ์ของพวกเขาเป็นเหมือนงานศิลปะ ด้วยการออกแบบที่ทำให้ขวดน้ำของ Fillico เป็นเหมือนเพชรหรืออัญมณีเลอค่า โดยนำคริสตัลสวารอฟสกี (Swarovski) มาประดับขวดแก้วซาติน ตกแต่งด้วยทองคำ และทำฝาขวดเป็นเหมือนมงกุฎ เพื่อสะท้อนความไฮเอนด์ของผลิตภัณฑ์
เรโกะบอกว่า มงกุฎดังกล่าวได้รับแรงบันดาลใจมาจากจักรพรรดิฟรีดริชที่ 2 แห่งจักรวรรดิโรมัน แม้ว่าจะฟังดูแปลก แต่เรโกะอธิบายว่า ประธานของ Fillico มักบอกว่า อำนาจ ความเป็นผู้นำ ความมั่งคั่ง และอิทธิพลทางประวัติศาสตร์ของฟรีดริชที่ 2 เป็นแรงบันดาลใจของเขา
“เขาประทับใจเป็นพิเศษกับภาพของฟรีดริชที่ 2 ซึ่งเป็นแนวคิดพื้นฐานสำหรับการออกแบบขวดของเรา” เรโกะบอก
ขวดเหล่านี้ยังถูกออกแบบและผลิตด้วยมือ ทำให้ต่อเดือนสามารถผลิตได้เพียง 5,000 ขวดเท่านั้น
ที่พิเศษคือ เมื่อได้ขวดมา Fillico จะทำการบรรจุน้ำแร่นูโนบิกิจากแหล่งต้นน้ำเลย ไม่ผ่านความร้อน ไม่ผ่านกระบวนการทางเคมี หรือการกรองบำบัดใด ๆ ทั้งสิ้น ทำให้มั่นใจได้ถึงความบริสุทธิ์ของน้ำแร่ โดยทาง Fillico มีการทดสอบคุณภาพน้ำทุกเดือน ไม่เคยพบปัญหาใด ๆ จากการทดสอบรังสี
ด้วยตัวน้ำแร่ที่มีคุณค่าสูงประกอบกับการออกแบบที่ราวกับหลุดมาจากราชวัง ทำให้สินค้าแรกของ Fillico นี้ถูกตั้งชื่อว่า “Fillico Jewelry Water” ซึ่งมีความหมายว่าน้ำที่เหมือนกับอัญมณี
Jewelry Water มีขนาด 750 มิลลิลิตร ส่วนราคาเริ่มต้นปัจจุบันอยู่ที่ “ขวดละ 16,500 เยน” (ราว 3,600 บาท) ส่วนราคาในต่างประเทศอาจสูงกว่า 200 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 6,700 บาท)
น้ำแร่ Fillico Jewelry Water ราคาเริ่มต้นปัจจุบันอยู่ที่ขวดละ 16,500 เยน (ราว 3,600 บาท)
Fillico เริ่มวางจำหน่ายที่ถนนโรดิโอไดรฟ์ในย่านเบเวอร์ลีฮิลส์ในรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ เมื่อปี 2005 เป็นที่แรก เพราะย่านดังกล่าวได้ชื่อว่าเป็นย่านไฮโซที่มีเหล่าเศรษฐีและดาราฮอลลีวูดพำนักอยู่ อันเป็นกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อน้ำแร่ราคาสูงได้นั่นเอง
ผลตอบรับของ Fillico ในแวดวงชั้นสูงของสหรัฐฯ เป็นไปอย่างสวยงาม มีดาราฮอลลีวูด นักดนตรี และเศรษฐีอื่น ๆ ชื่นชอบ จนเกิดการบอกต่อกันไป
ความสำเร็จในสหรัฐฯ ทำให้ในปีถัดมา Fillico Jewelry Water เปิดตัวในญี่ปุ่นและมีการยื่นขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก รวมถึงได้ลงพิมพ์ในนิตยสารสมาชิกพิเศษของ Christian Dior และมีข้อเสนอเข้ามาจากทั่วทุกมุมโลก
Fillico ยังนำขวดน้ำ Jewelry Water มาเรียงเป็นหอคอยขวดน้ำรูปต้นคริสต์มาสที่ Osaka Navio Hankyu (ปัจจุบันคือ Hankyu Men's Osaka) ถือเป็นการจัดแสดงครั้งแรกในห้างสรรพสินค้า
ปี 2007 Fillico เปิดร้านสาขาแรกในห้าง Takashimaya Osaka หลังจากนั้นจึงทยอยเปิดร้านในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ เช่น Mitsukoshi, Isetan, Matsuya และ Daimaru และยังเริ่มมีความร่วมมือกับบริษัท แบรนด์ โรงแรมต่างประเทศ ฯลฯ ที่อยู่ในภูมิภาคคันนไซ รวมถึงเริ่มงาน OEM ให้กับแบรนด์แฟชั่นหรูและแบรนด์รถยนต์หรูชื่อดังหลายเจ้า
ด้วยความสวยงามของบรรจุภัณฑ์ทำให้หลายคนมองว่า Fillico ไม่ได้มีคุณค่าแค่ในฐานะน้ำแร่ แต่ยังมีมูลค่าในฐานะ “ของสะสม” ด้วย และเหตุนี้เองที่ทำให้ทางแบรนด์มองเห็นโอกาสในการกระตุ้นความต้องการด้วยการออกขวดที่เป็นลิมิเต็ด มีจำนวนจำกัด และเริ่มการคอลแลบกับแบรนด์และคาแรกเตอร์ชื่อดังต่าง ๆ
ในปี 2009 Fillico ได้ประกาศเปิดตัวขวดคอลเลกชันพิเศษชุดแรกของแบรนด์ เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 35 ปีของคาแรกเตอร์ “เฮลโลคิตตี” (Hello Kitty) ซึ่งขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
ตั้งแต่นั้นมา Fillico ออกคอลเลกชันร่วมกับคาแรกเตอร์ของซานริโอ (Sanrio) มาโดยตลอด และขายดีมาโดยตลอดจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งนอกจากเฮลโลคิตตีแล้วยังมีตัวละครอื่นอีก เช่น คุโรมิ (Kuromi) หรือซินนามอนโรล (Cinnamonroll)
ขณะที่ปี 2011 Fillico Jewelry Water รุ่นลิมิเต็ดออกสู่ตลาดโดยได้รับแรงบันดาลใจจากภาพยนตร์เรื่อง “The Three Musketeers: The Queen's Necklace and Da Vinci's Airship”
หลังจากนั้น บริษัทเริ่มผลิตขวดที่ได้รับแรงบันดาลใจจากภาพยนตร์ร่วมกับบริษัทจัดจำหน่ายภาพยนตร์อีกมากมาย และมักออกรุ่นลิมิเต็ดในช่วงเทศกาลต่าง ๆ เช่น วันแม่ เทศกาลฮาโลวีน ฯลฯ จนกลายเป็นกิมมิกของแบรนด์ไปแล้วที่ต้องออกรุ่นลิมิเตต็ดมาให้ลูกค้าได้สะสม ด้วยราคาขั้นต่ำมากกว่า 20,000 เยนต่อขวด
คอลเลกชันพิเศษชุดแรกของ Fillico คือชุดครบรอบ 35 ปี Hello Kitty
อวยยศแบรนด์น้ำแร่ดีสุดในโลก
ก้าวสำคัญของ Fillico เกิดขึ้นในปี 2017 เมื่อ Jewelry Water ได้รับการจัดอันดับให้เป็นแบรนด์น้ำแร่อันดับ 1 ใน 10 อันดับแรกของโลกประจำปี 2017 โดย Insider Monkey จาก วอลล์ สตรีท นิวยอร์ก
เดือน พ.ค. ปีเดียวกันนั้น ร้าน Fillico Ginza Flagship Shop เปิดตัวอย่างเป็นทางการที่ย่านกินซาของโตเกียว ใกล้กับสถานีรถไฟกินซาและฮิงาชิกินซา (ปัจจุบันผิดเพื่อย้ายสถานที่อยู่)
พร้อมกันนั้นยังได้ประกาศเปิดตัว Fillico Limited EditionQUEEN ซึ่งเป็นผลงานการคอลแลบกับวงร็อกชื่อดังระดับโลกอย่าง “ควีน”
ไม่เพียงเท่านั้น Fillico ยังเปิดตัวผลิตภัณฑ์ “น้ำแร่ขวดพลาสติก” เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงน้ำแร่คุณภาพดีได้มากขึ้น มาในขวด PET ดีไซน์สวยงามและฉลากสีทองเพื่อยังคงไว้ซึ่งความไฮเอนด์ของผลิตภัณฑ์
น้ำแร่ Fillico เวอร์ชันขวดพลาสติก
Fillico เวอร์ชันขวดพลาสติกนี้ขนาด 500 มิลลิลิตร วางจำหน่ายแบบยกแพ็ก 24 ขวดในราคา 5,500 เยน (ราว 1,200 บาท) หรือตกขวดละ 50 บาทนั่นเอง โดยยังคงคุณสมบัติเดิมไว้ทั้งหมด โดยเฉพาะข้อที่ว่าสามารถเก็บไว้ได้นานถึง 5 ปีหลังจากบรรจุ จึงสามารถเก็บไว้ใช้เป็นน้ำสำรองในสถานการณ์ฉุกเฉินได้ (เนื่องจาดญี่ปุ่นเกิดภัยพิบัติบ่อยครั้ง
จากนั้น 2021 Filico ได้เปิดตัว “Jewelry Water Gen 2” ซึ่งมาพร้อมดีไซน์ใหม่ทั้งหมด ซึ่งเป็นผลจากการวิจัยเกี่ยวกับความแวววาวของคริสตัลเป็นเวลา 16 ปีเต็ม เพื่อสร้างประกายระยิบระยับ (Gigant Spark) ที่ไม่เหมือนใคร
และล่าสุดในปี 2023 เพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 18 ปี แบรนด์ได้เปิดตัวแชมเปญขวดแรกของแบรนด์ นั่นคือ “Fillico Champagne” ซึ่งได้รับการออกแบบมาให้ยังคงสามารถนำมาจัดแสดงได้อย่างสวยงามแม้หลังจากเปิดขวดแล้ว
ราคาเริ่มต้นของ Fillico Champagne อยู่ที่ 33,000 เยน (ราว 7,300 บาท) ส่วนราคาแรงสุดนั้นสูงถึง 99,000 เยน (ราว 22,000 บาท)
Fillico Champagne
ขวดแต่ละขวดมาพร้อมกับจุกปิดแชมเปญดั้งเดิมซึ่งคล้ายกับมงกุฎอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์และประดับด้วยคริสตัล บริษัทระบุว่า “เราต้องการให้แชมเปญได้รับการทะนุถนอมและเพลิดเพลินในทุกโอกาส โดยให้ความเคารพต่อผู้ผลิตและประวัติศาสตร์ของแชมเปญ”
เรโกะ ผู้จัดการอาวุโสของ Fillico บอกว่า ความสำเร็จของแบรนด์นั้นเกิดจากการทำให้ผลตภัณฑ์เป็นที่นิยม โดยนอกจากขวดรุ่นลิมิเต็ดแล้ว ยังมีขวดที่เหมาะกับโอกาสพิเศษในชีวิต เช่น ขวด “RosaAngelo” ที่มีรูปคิวปิดแสนน่ารักบนฝาขวดนั้นเป็นที่นิยมสำหรับงานแต่งงาน
“ขวดที่ตกแต่งอย่างสวยงามนี้ใคร ๆ ก็ชอบ สำหรับลูกค้าหลาย ๆ คน ขวดเหล่านี้อาจเป็นของที่ระลึกในโอกาสพิเศษของพวกเขา งานแต่งงาน วันเกิด วันครบรอบ หรืองานใด ๆ ก็ได้ ขวดทั้งหมดทำด้วยมือ และเรายังรับออเดอร์สลักชื่อด้วย เพื่อให้ขวดของคุณมีความพิเศษและปรับแต่งให้เหมาะกับวันพิเศษของคุณได้อย่างสมบูรณ์แบบ” เรโกะกล่าว
เมื่อถามเกี่ยวกับอนาคตของบริษัท เรโกะอธิบายถึงการเติบโตของ Fillico ในตลาดโลกว่า ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ได้รับการยอมรับจากผู้ชื่นชอบสินค้าหรูหราในฮอลลีวูด และได้ปรากฏตัวในงานปาร์ตี้และงานสังสรรค์ของคนดังจำนวนมาก
นอกจากนี้ ตะวันออกกลางยังเป็นตลาดใหม่สำหรับแบรนด์นี้ “ลูกค้าของเราในภูมิภาคดังกล่าวใช้น้ำของเราในโอกาสพิเศษ เช่น งานแต่งงาน และเนื่องจากพวกเขาส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม พวกเขาจึงไม่ดื่มแอลกอฮอล์ ดังนั้นน้ำจึงเป็นที่นิยมสำหรับงานฉลองของพวกเขา”
อย่างไรก็ตาม แม้ว่า Fillico จะได้รับความนิยมในต่างประเทศ แต่เรโกะก็ยืนยันว่า บริษัทจะไม่ละทิ้งรากฐานของตนเอง “Fillico มีความเชื่อมโยงลึกซึ้งกับภูมิภาคคันไซ เพราะเราเริ่มต้นธุรกิจในคันไซ ... คันไซคือบ้านเกิดของ Fillico”
นี่คือเรื่องราวการนำสินทรัพย์ในธรรมชาติที่ถูกรักษาไว้อย่างดีมาต่อยอดเพิ่มมูลค่าให้สูงขึ้นหลายสิบหลายร้อยเท่า ที่มองย้อนมาแล้วน่าสนใจเหลือเกินว่า ประเทศไทยของเราเองนั้น มีสินทรัพย์ในธรรมชาติอะไรอีกบ้างที่อาจนำไปพัฒนาให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ไฮเอนด์ที่สร้างชื่อและรายได้ให้กับประเทศ
ประวัติธุรกิจ Fillico
อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ https://www.pptvhd36.com/wealth/trick-trend/235331(17.45)
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ https://www.pptvhd36.com
และช่องทาง Social Media
โฆษณา