29 พ.ย. เวลา 11:12 • ประวัติศาสตร์

ช่วงชีวิตหนึ่งกับการได้ชื่อว่า เด็กพาณิชย์ กับมิตรภาพดีๆที่มีค่ามากกว่าแค่มาเรียนเพื่อรอสอบ..

หลังจากจบ มศ.3 ที่โรงเรียนวัดสังเวช ในเดือนมีนาคม 2522 ก็มุ่งหน้าตามฝันของเด็กที่รักศิลปะมาตั้งแต่เล็กๆและไม่อยากเรียนสายอุดมศึกษา คือ ต่อ มศ.4-5 แล้วเข้ามหาวิทยาลัย เนื่องจากไม่ชอบวิชาเลข และพวกคำนวณ เพราะเป้าหมายได้เล็งเอาไว้แล้วตั้งแต่มาเข้าเรียนที่วัดสังเวชใหม่ๆ เพราะรถเมล์ที่โดยสารมาจากบ้านย่านตลาดสวนหลวง จะผ่านวิทยาลัยช่างศิลป วังหน้า ทุกเช้า
ตอนนั้นเป็นในปีแรกที่สอบเข้าช่างศิลป ไม่ติด จึงไปเรียน*โรงเรียนศิลปะของเอกชนย่านฝั่งธน แต่ดันไปมีเรื่องกับลูกชายเจ้าของโรงเรียน เลยโดนเชิญผู้ปกครองมาเซ็นใบลาออก หลังจากนั้นก็เริ่มเกเร จนอาป๊า(พ่อ)ยื่นคำขาด ถ้าหาที่เรียนไม่ได้ ก็ไม่ให้เรียนแล้ว ผู้เขียนจึงรีบตาลีตาเหลือกหาที่เรียนต่อ ซึ่งค่อนข้างยากเพราะเราออกมากลางคัน ทุกที่จึงหมายหัวว่าเป็นเด็กเหลือขอ จนไปได้ข่าวว่ามีโรงเรียนพาณิชย์ ย่านซอยแซ่ซิ้ม วงเวียนใหญ่ ที่ให้โอกาสและยินดีต้อนรับเด็กที่ลาออกหรือโดนไล่ออกกลางคันเข้าศึกษาต่อ
ผู้เขียนตอนนั้นขอแค่มีที่เรียนเพื่อฆ่าเวลารอสอบเข้า ช.ศ. วิทยาลัยช่างศิลป ที่สอบพลาดมาเมื่อปีที่แล้วอีกครั้งเท่านั้น จึงตัดสินใจเรียนที่นี่ เพราะคำประกาศิตจากอาป๊ายังก้องอยู่ในหู "ถ้าหาที่เรียนไม่ได้ ก็ไม่ต้องเรียน!!" อีกทั้งยังเป็นคนละเส้นทางกับตัวเองอีกด้วย จำต้องมาเรียนพาณิชย์เพราะหาที่เรียนอื่นไม่ได้
ตอนนั้นเพิ่งแตกเนื้อหนุ่ม ยังไม่ค่อยประสีประสาเรื่องจีบสาว แน่นอน โรงเรียนพาณิชย์ ย่อมมีนักเรียนหญิงมากกว่านักเรียนชาย แทบจะ 3-4:1 และแต่ละคนก็คือค่อนข้างเฟี้ยว เปรี้ยว และเก๋าพอตัว แลดูเป็นหนุ่มสาวมากกว่าผู้เขียนที่ยังคาบเกี่ยวระหว่างวัยเด็กกับวัยรุ่น
ชั่วโมงพิมพ์ดีด เป็นอะไรที่ชวนตื่นเต้นและ Adventure มากๆ ใช่ครับ..กว่าจะหาตัว ก ตัว ส หรือพยัญชนะที่ใช้ในการพิมพ์ได้แต่ละตัว เลือดตาแทบกระเด็น เสียงเคาะแป้นพิมพ์ทีละตัว ทีละตัว หันไปมองเพื่อนๆโดยเฉพาะสาวๆ พิมพ์ดีดกันไว เสียงดังยังกับรัวปืนกล ฮ่าๆน่าจะ Born To Be เกิดมาเพื่อสิ่งนี้
ผู้เขียนแค่แวะมาหลบร้อน เป็นศาลาพักใจ ได้มิตรภาพดีๆได้ทั้งเพื่อนและแฟนที่คบกันแบบบริสุทธิ์ใจ ไม่มีเรื่องเพศเข้ามาเกี่ยวข้องเลย เป็นรักที่เหมือนในสมัยประถม เธอเป็นลูกสาวตำรวจโรงพักในพื้นที่นั้น ที่เรียนห้องเดียวกัน แต่เธออยู่ก่อนเพราะผู้เขียนเข้ามาเทอม 2 ออกห้าวๆแบบกึ่งทอมแต่ไม่ใช่
ซึ่งก็เป็นเรื่องแปลก เพราะ puppy love คนที่ 2 สมัยเรียนประถมปลาย ก็เป็นลูกสาวตำรวจในพื้นที่เหมือนกัน ยอมรับจริงๆว่าลูกสาวตำรวจมักสวย และห้าวๆออกทรงเดียวกัน ที่จริงเริ่มจากผู้เขียนไปปิ๊งเพื่อนสาวร่วมห้องอีกคนหนึ่งก่อน พอเธอรู้จึงรีบอาสาเป็นแม่สื่อให้ วันนั้นเป็นวันเกิดของคนที่เราชอบ และมีจัดงานวันเกิดที่บ้านย่านมหาชัย เธอก็อาสาพาเราไปร่วมงานเบิร์ธเดย์นั้น โดยไปกันหลายคน
งานเลี้ยงแบบโต๊ะจีนบ้านที่มีบริเวณตามต่างจังหวัดทั่วไป ตอนนั้นผู้เขียนยังละอ่อนนักกับเรื่องของมึนเมา จำได้ว่าไปถึงนั่นตั้งแต่สายๆ พอบ่ายต้นๆก็เริ่มเมา จากเบียร์ล้วนๆตามประสาคนคอแป๊ป(แป๊ปเดียวเมา) พวกเราเลยพากันลากลับ ระหว่างเดินมาเพื่อขึ้นรถไฟ ผู้เขียนซึ่งถูกประคองปีกด้วยแม่สื่อ ก็อาเจียนเหมือนที่เขาพูดกันว่า กินเผื่อสุนัข อ้วกเลอะเทอะขากางเกงทรงขาม้าสีดำ เสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว แน่นอนเศษอาหารที่อาเจียนออกมาเปรอะเปื้อนไปตามขากางเกง เห็นได้ชัดเจนเพราะเป็นผ้าเสิร์ทสีดำ
เธอให้ผู้เขียนนั่งพักและไปหาผ้าเย็นมาเช็ดหน้า เช็ดกางเกงที่เลอะเทอะให้ผู้เขียน แล้วบอกให้เพื่อนๆที่มาด้วยกันกลับไปก่อน เนื่องจากเกรงใจที่คนอื่นต้องมาเสียเวลารอ โดยมีเธออยู่กับผู้เขียนกว่าจะสร่างเมาก็ใกล้ค่ำ ทำให้เกิดความประทับใจ ตกลงเสร็จแม่สื่อนี่แหละครับ หลังจากวันนั้นเธอมาเล่าให้ฟังว่า คืนนั้นแม่เกือบไม่ให้เข้าบ้าน เพราะเธอไม่เคยกลับดึกขนาดนี้ จนผู้เขียนสอบติดและไปเรียนที่ช่างศิลป ได้ดังหวัง ก็ติดต่อกันทางจดหมายอยู่พักใหญ่ๆ ก่อนชะตาฟ้าลิขิตให้ชีวิตต้องดำเนินไปตามทางของแต่ละคน
*ขณะนั้นมีเพียง 3 แห่ง เรียงจากชื่อเสียงและค่าเทอมตามลำดับ ไทยวิจิตรศิลป์ บางเขน อาชีวศิลป์ ศรีย่าน และ กรุงเทพวิจิตรศิลป์ บางพลัด ก่อนจะมีสถาบันศิลปะเอกชนตามมาอีกหลายแห่ง
.
ภาพประกอบ
◀️ ซ้าย : เด็กนักเรียนมัธยมต้น โรงเรียนวัดสังเวช บางลำพู ว.ว. รุ่น 23 ในภาพปี 2519 เข้าเรียน ม.ศ.1/11 รอบเช้า
▶️ ขวา : นักเรียนศิลปะ แห่ง วิทยาลัยช่างศิลป วังหน้า รุ่น 29 ปี พ.ศ. 2523 ผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยไฟแห่งฝันและจินตนาการ
อาลั้นเด็กหลังตลาด/เตี่ยงหม่อโผ่วตาโปวเกี้ย
โฆษณา