30 พ.ย. เวลา 01:00 • อสังหาริมทรัพย์

สหรัฐอเมริกากำลังห้าม ‘จีน’ ซื้อที่ดิน แต่ ‘ไทย’ ยังส่งเสริมให้ต่างชาติเข้ามาครอบครองที่ดินในประเทศ?

[เรื่อง: ดร.โสภณ พรโชคชัย | อสังหาริมทรัพย์ต่างแดน]
ที่ผ่านมา สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่เปิดโอกาสให้ต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์ได้มากที่สุด โดยจีนเป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตอนนี้สถานการณ์กำลังแปรเปลี่ยน
การเปลี่ยนแปลงแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นหลังจากที่ทรัมป์ได้เป็นประธานาธิบดีอีกครั้งหนึ่ง แต่ทยอยเกิดขึ้นมาเป็นระยะๆ เป็นที่ทราบดีว่า บิล เกตส์ ซื้อที่ดินเพื่อการเกษตรถึง 275,000 เอเคอร์ (1,224 ตร.กม.) ราว 70% ของขนาดกรุงเทพฯ
แต่นักลงทุนจีนไปซื้อที่ดินเกษตรของสหรัฐถึง 383,934 เอเคอร์ (1,562 ตร.กม.) หรือขนาดพอๆ กับกรุงเทพฯ นี่จึงเป็นภัยคุกคามของจีนต่อสหรัฐอเมริกาผ่านอสังหาริมทรัพย์นั่นเอง จีนยังไปซื้อที่ดินใกล้ฐานทัพของสหรัฐอเมริกาอีกด้วย
มาตรการที่สหรัฐอเมริกาดำเนินการต่อการซื้ออสังหาริมทรัพย์ของคนต่างชาติทั้งหลาย เช่น
1. เก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างประมาณ 1% ถึง 3% ของราคาประเมินราชการซึ่งพอ ๆ กับราคาตลาด ในขณะที่ประเทศไทยเก็บภาษีบ้านหลังแรกที่มีราคาเกินกว่า 50 ล้านบาทตามราคาประเมินของทางราชการหรือประมาณ 150 ล้านบาทตามราคาตลาด รวมเก็บเพียง 0.02% เท่านั้น
2. ภาษีกำไรจากการขายต่อ เช่นในกรณีผู้ว่าชัชชาติซื้อบ้านหลังดังกล่าวในราคา 30 ล้านบาทและขายต่อในราคา 70 ล้านบาท มีกำไร 40 ล้านบาท เงินกำไรนี้ก็ต้องเสียภาษี 20% หรือ 8 ล้านบาท แต่ในกรณีที่ประเทศไทย ก็แทบไม่เสียภาษีเลย เพราะเขาเก็บภาษีตามราคาประเมินราชการซึ่งต่ำมากนั่นเอง
1
3. ในสหรัฐอเมริกาก็ยังมีการเก็บภาษีมรดกซึ่งก็แล้วแต่มลรัฐ แต่ในกรณีที่ประเทศไทยจะเก็บก็ต่อเมื่อกองมรดกนั้นมูลค่าเกิน 100 ล้านบาท ตามราคาประเมินราชการ อาจเป็นราคาตลาดประมาณ 300 ถึง 400 ล้านบาท และอาจทยอยโอนให้ทายาทปีละ 20 ล้านบาทก็ไม่ต้องเสียภาษีมรดกเลย ในขณะที่ประเทศตะวันตกรวมทั้งญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน ฯลฯ ภาษีมรดกแรงมาก
4. ในหลายประเทศยังมีการเก็บภาษีซื้อ เช่น ประมาณ 10% ถึง 19% ในยุโรป 30% ในฮ่องกง และ 60% ในประเทศสิงคโปร์ ในประเทศไทยไม่เก็บภาษีเหล่านี้เลย เช่นนี้แล้วจะมีรายได้จากการซื้อที่ดินของชาวต่างชาติมาพัฒนาประเทศได้อย่างไร
2
ในขณะที่สหรัฐอเมริกาและประเทศตะวันตกกำลังทบทวนนโยบายการขายชาติ ขายแผ่นดิน ประเทศไทยยังกลับพยายามส่งเสริมให้ต่างชาติมาครอบครองที่ดินในประเทศไทย เช่น
1. ในเขตอีอีซีก็ให้ต่างชาติสามารถเช่าที่ดินได้ 99 ปีแล้ว พยายามที่จะให้ทำได้ในขอบเขตทั่วประเทศ
1
2. ในเขตอีอีซี ต่างชาติสามารถครอง ห้องชุดในอาคารชุดได้ทั้ง 100% ในขณะเดียวกันก็กำลังพยายามที่จะให้ต่างชาติครองได้ถึง 75% ทั่วประเทศเช่นกัน
จะสังเกตได้ว่าในประเทศไทยมีอภิมหาเศรษฐีที่ครองที่ดินหลักหมื่นหลักแสนไร่เป็นจำนวนมาก พวกนี้แหละที่ได้ประโยชน์จากการประกาศให้ต่างชาติเช่าที่ดินได้ 99 ปี เพราะพวกเขาจะได้นำที่ดินที่สะสมทั้งหลายมาสร้างรายได้ด้วยการปล่อยเช่า และพวกนี้ก็จะจะยิ่งร่ำรวยยิ่งขึ้นไปอีกไม่ต้องสงสัย ในขณะที่ประชาชนคนไทยซึ่งเป็นเจ้าของประเทศเช่นกันได้แต่มองตาปริบๆ
โฆษณา