30 พ.ย. เวลา 06:11 • กีฬา

เด้งคูเปอร์ ตั้งฟาน นิสเตลรอย ปฏิบัติการชั่วพริบตา กุนซือคนใหม่เลสเตอร์

อาจจะดูเลือดเย็น ที่ไล่ผู้จัดการทีมออก ทั้งๆ ที่ทำงานได้แค่ 12 นัด แต่เลสเตอร์ จำเป็นต้องคิดเร็วทำเร็ว เพื่อดึงตัวรุด ฟาน นิสเตลรอย มาเป็นบอสคนใหม่ให้ได้
นี่คือการตัดสินใจที่เร็วฉับพลัน แต่ก็สมเหตุสมผล เพราะดูแนวโน้มแล้ว ฟาน นิสเตลรอย คงไม่ว่างงานนาน เดี๋ยวก็จะมีสโมสรอื่นดึงตัวไปอยู่ด้วยแน่ๆ ดังนั้น ตอนที่ยังมีโอกาส เลสเตอร์ก็ต้องรีบขยับตัวให้ไวที่สุด
เลสเตอร์ ในยุคสตีฟ คูเปอร์ อยู่ในภาวะวิกฤติ เล่น 12 นัด ชนะแค่ 2 นัด ห่างจากโซนตกชั้นแค่ 1 แต้มเท่านั้น
อย่าลืมว่า ในโปรแกรมครึ่งซีซั่นแรก เลสเตอร์ ยังไม่ได้เจอ ลิเวอร์พูล กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ด้วยซ้ำ แต่ทีมหนีตายอื่นๆ อย่างอิปสวิช, เซาธ์แฮมป์ตัน หรือ วูล์ฟแฮมป์ตัน เจอหงส์กับเรือครบไปหมดแล้ว
แปลว่าพอเลสเตอร์ไปเจอสองทีมใหญ่นั้น ก็อาจจะแพ้รวด แล้วโดนทีมหนีตายทำแต้มแซง คือพร้อมจะหล่นไปอยู่โซนสีแดงได้ทุกเมื่อ
ทีมงานนอกสนาม อุตส่าห์สู้เต็มที่จนรอดโดนตัดแต้มในคดี PSR มาได้ แต่ถ้าต้องมาตกชั้น ด้วยผลงานในสนามแบบนี้ล่ะก็ ใครมันจะไปรับได้
ผู้บริหารเองก็รู้ดี ว่าถ้าปล่อยให้คูเปอร์อยู่ไปเรื่อยๆ ทีมต้องลำบากแน่ สู้วัดใจกับฟาน นิสเตลรอยไปเลย ยังจะเข้าท่ากว่า
 
ย้อนกลับไปในฤดูกาลที่แล้ว เลสเตอร์ ลงเล่นกับแบล็คเบิร์น ในเกมสุดท้ายของแชมเปี้ยนชิพ นัดนั้น ผมอยู่ในสนามคิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยมด้วย มีโอกาสได้คุยกับนักเตะ สตาฟฟ์ และแฟนบอลหลายๆ คน
พวกเขารู้สึกตรงกันว่า เมื่อเลื่อนชั้นได้แล้ว จะสามารถอยู่รอดในลีกสูงสุดได้อย่างแข็งแแกร่ง และไม่ตกชั้นอีกครั้งแน่นอน
โอเคว่า คงไม่สามารถกลับไปติดท็อปไฟว์ของลีก ได้เหมือนช่วงพีกๆ แต่อย่างน้อย การประคองตัวจบราวๆ อันดับ 13-14 ก็น่าจะเป็นไปได้
ทุกคนมั่นใจว่า ถ้ามีเอ็นโซ่ มาเรสก้าอยู่ ก็ไม่ต้องกลัวอะไร
แต่แล้วทุกอย่างที่วาดฝันไว้ ก็พังทลายลง เมื่อเอ็นโซ่ มาเรสก้า คนที่เลสเตอร์อยากฝากอนาคตระยะยาวเอาไว้ กลับขอฉีกสัญญา เพื่อย้ายไปคุมเชลซีแทน
มาเรสก้าไม่ได้ไปคนเดียว แต่สตาฟฟ์ทั้งหมด วิลลี่ กาบาเยโร่, แดนนี่ วอล์กเกอร์, มิเคเล่ เดอ เบอร์นาดิน, มาร์กอส อัลวาเรซ, ฮาเวียร์ โมลีน่า กาบาเยโร่ และ โรแบร์โต้ วิติเอโล่ ก็ลาออกตามไปยกเซ็ต
ฝั่งเลสเตอร์ก็รู้สึกเจ็บแค้น เพราะอุตส่าห์ให้โอกาสมาเรสก้า ทั้งๆ ที่ มีประสบการณ์ในฐานะผู้จัดการทีมตัวจริงน้อยมาก เคยคุมปาร์ม่าช่วงสั้นๆ แต่ก็ล้มเหลว
แต่ถ้ามองในมุมมาเรสก้า ก็ต้องยอมรับนั่นแหละ ว่าโอกาสจากทีมใหญ่อย่างเชลซี ที่เงินมากกว่า และมีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่า มันปฏิเสธยากจริงๆ
เลสเตอร์ได้เงินค่าชดเชยประมาณ 8 ล้านปอนด์จากเชลซี แต่เอาจริงๆ มันก็ไม่คุ้ม เพราะการหาโค้ชคนใหม่ ที่เคมีเข้ากับทีม มันไม่ง่ายเลย
เมื่อตำแหน่งผู้จัดการทีมว่างกะทันหัน ก่อนพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2024-25 เริ่มแค่ไม่กี่เดือน เลสเตอร์ ต้องหาคนมาทำงานแทน และตัดสินใจเลือกสตีฟ คูเปอร์ ผู้จัดการทีมชาวเวลส์ ที่กำลังว่างงานอยู่
มุมของเลสเตอร์มองว่า คูเปอร์ไม่ใช่ชอยส์ที่แย่
อย่างแรก เขากับมาเรสก้า อายุเท่ากัน (44 ปี) ถือเป็นผู้จัดการทีมรุ่นใหม่ ไม่ใช่คนที่ตกยุคไปแล้ว
หลายคนอาจจะลืมไปว่า คูเปอร์ สอบยูฟ่า โปรไลเซนส์ได้ตั้งแต่อายุ 27 ปี เป็นโค้ชที่สอบไลเซนส์ได้เร็วที่สุด อันดับต้นๆ ในประวัติศาสตร์ของสหราชอาณาจักร
อย่างที่สอง คูเปอร์ ถือเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องการปลุกปั้นเยาวชน
เขาเคยเป็นโค้ชอะคาเดมี่ของลิเวอร์พูลมาก่อน และเป็นคนพัฒนา เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, ราฮีม สเตอร์ลิ่ง และ เบน วูดเบิร์น ให้มีฝีเท้าที่เก่งขึ้น
นอกจากนั้น ยังเคยเป็นเฮดโค้ชทีมชาติอังกฤษชุด u-17 คว้าแชมป์โลกในปี 2017 โดยในทีมชุดนั้น มีฟิล โฟเด้น, เจดอน ซานโช่, เอมิล สมิธ โรว์ และ คอนเนอร์ กัลลาเกอร์
ผลงานที่ผ่านๆ มา บ่งบอกว่า เขามีเซนส์ที่ดี ในการใช้งานเยาวชน ซึ่งสอดคล้องกับสิ่งที่เลสเตอร์ต้องการ
เลสเตอร์ มีทีมอะคาเดมี่อยู่ในระดับ Category 1 นั่นคือมีความพร้อมสูงสุดในการปั้นผู้เล่น ดังนั้น สตีฟ คูเปอร์ ที่เชี่ยวชาญเรื่องบอลเยาวชน อาจจะหยิบจับเอาเด็กในอะคาเดมี่ มาปลุกปั้นให้เป็นสตาร์ได้
เหตุผลข้อที่สาม ที่คูเปอร์ เป็นชอยส์ที่ไม่เลวของเลสเตอร์ คือเจ้าตัวมีประสบการณ์ในพรีเมียร์ลีกมาบ้างกับน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ พาเลื่อนชั้นได้ในฤดูกาล 2021-22 และ พาอยู่รอดได้ในฤดูกาล 2022-23
เหตุผลทุกอย่างรวมกัน ทำให้เลสเตอร์แต่งตั้งคูเปอร์เป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ โดยเซ็นสัญญา 3 ปีเต็ม
เมื่อคูเปอร์เข้ามาคุมทีม เขาขอสโมสร เอาสตาฟฟ์ที่ต้องการมาทำงานด้วย ซึ่งเลสเตอร์ก็อนุญาต
คูเปอร์ ไปดึงอลัน เทต อดีตกองหลังสวอนซี มาเป็นมือขวา, ดึงแดนนี่ อัลค็อก โค้ชทีมชาติอังกฤษชุด u-20 มาเป็นโค้ชผู้รักษาประตู ตามด้วยดึงแอนดี้ ฮิวจ์ส โค้ชเซ็ตพีซจากนอริช และ สตีฟ แรนด์ หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ฟอร์มการเล่นของฟอเรสต์ มาอยู่ด้วยกัน
ทุกคนบอกตรงกันว่า คูเปอร์ดีใจมากที่ถูกแต่งตั้ง เขามุ่งมั่นทำงานเต็มที่ เพื่อที่ผลงานในสนามจะได้ออกมาสวยที่สุด
เขาไปคุยกับแฟนบอล คุยกับนักเตะคนต่อคน รวมถึงเชิญแมตต์ เอลเลียตต์ กับ เจอร์รี่ แท็กการ์ต ตำนานของสโมสรมาที่สนามซ้อม เพื่อพยายามทำความรู้จักกับความเป็นเลสเตอร์ให้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
เคียร์นัน ดิวส์บิวรี่-ฮอลล์ (ก่อนย้ายทีม) บอกว่า "ผมประทับใจในความกระตือรือร้นของคูเปอร์"
ความตั้งใจเป็นสิ่งดี แต่เส้นทางของคูเปอร์ก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ปัญหาของเขาที่เกิดขึ้นตั้งแต่ Day One ที่รับงานก็คือ แฟนบอลไม่ค่อยชื่นชอบเท่าไหร่นัก
อธิบายคือ เลสเตอร์ ซิตี้ กับน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ทีมเก่าของคูเปอร์ ถือเป็นคู่ปรับสำคัญต่อกัน
เลสเตอร์ อาจมีทำเลอยู่ใกล้กับโคเวนทรี่ ซิตี้ (แชมเปี้ยนชิพ) มากที่สุด ขณะที่นอตติ้งแฮม ฟอเรสต์ มีทีมร่วมเมืองคือ น็อตต์ เคาน์ตี้ (ลีกทู) แต่ในแง่ความเป็น Rivalry เลสเตอร์จะเป็นอริ กับฟอเรสต์มากที่สุด เพราะเป็นสองทีมที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในเขตอีสต์มิดแลนด์
เกมระหว่าง เลสเตอร์ กับ ฟอเรสต์ ถูกเรียกว่าเป็นอีสต์ มิดแลนด์ ดาร์บี้ ดังนั้นการที่ผู้จัดการทีม ที่เคยเป็นฮีโร่ของฟอเรสต์ย้ายมารับงานที่เลสเตอร์ ก็ไม่ใช่แฟนบอลทุกคนจะยอมรับโดยง่าย
1
คล้ายๆ กับเคสของสตีฟ บรูซ ที่เคยคุมเบอร์มิงแฮม แล้วย้ายมาคุม แอสตัน วิลล่า มันก็ยากที่เขาจะถูกยอมรับจากแฟนๆ ทีมใหม่
จุดเริ่มต้นที่ไม่สวย ทำให้คูเปอร์ต้องเร่งผลงานให้ดีที่สุดตั้งแต่วันแรก ถึงจะได้รับการยอมรับจากแฟนบอลเลสเตอร์
1
แต่เปิดมา 6 เกมแรกในพรีเมียร์ลีก คูเปอร์ยังไม่ชนะใครแม้แต่นัดเดียว (เสมอ 3 แพ้ 3) ทีมจมอยู่ในโซนท้ายตาราง
เกมที่น่าจะชนะมากๆ คือนำคริสตัล พาเลซ 2-0 ในบ้าน แต่ก็ยังโดนตามตีเสมอ 2-2 ในช่วงทดเจ็บ คือทำยังไง เลสเตอร์ ก็ไม่ชนะ
กว่าจะรู้จักชัยชนะเกมแรก ก็คือเกมที่ 7 ที่เอาชนะบอร์นมัธ 1-0 ตามด้วยเกมที่ 8 ที่เอาชนะเซาธ์แฮมป์ตัน 3-2 ทุกอย่างเหมือนจะดีขึ้น แต่สุดท้ายมันก็เป็นแค่ภาพลวงตา
ในเกมที่ 9 10 11 และ 12 เลสเตอร์ก็กลับไปไม่ชนะใครอีกครั้ง (เสมอ 1 แพ้ 3)
โดยเฉพาะในนัดที่ 9 ที่เจอกับคู่ปรับน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ปรากฏว่าเลสเตอร์โดนอัดคาบ้านแพ้ไป 3-1 แบบไม่มีทรง ถึงจุดนี้ แฟนๆ ของเลสเตอร์ ก็รู้สึกแล้วว่า คูเปอร์ไม่น่าจะไหว
1
สิ่งที่แฟนบอลเลสเตอร์ไม่ชอบคูเปอร์เลย คือเรื่องแท็กติกในสนาม เพราะเขาเป็นคนที่เปลี่ยนตัวช้ามากๆ
เลสเตอร์มีค่าเฉลี่ยการเปลี่ยนตัวคนแรก คือนาทีที่ 79.7 เป็นทีมที่เปลี่ยนตัวผู้เล่นช้าที่สุด ใน 20 ทีมของพรีเมียร์ลีก แฟนๆ ก็ไม่เข้าใจว่า ทีมฟอร์มไม่ดีขนาดนี้ สกอร์ตามหลังแบบนี้ คุณไม่ควรจะแก้เกมเร็วๆ หรือ? พอแก้เกมช้า ก็พลิกเกมไม่ได้ สุดท้ายก็แพ้
แถมคูเปอร์ก็ยังชอบใช้ตัวสำรองไม่ครบอีกด้วย จนแฟนๆ โวย ว่าคุณจะเก็บโควต้าเอาไว้ทำไม ก็เห็นอยู่ว่าทีมจะแพ้อยู่แล้ว
นอกจากนั้น เลสเตอร์ ยังมีเกมรับที่แย่มากๆ เสียไปแล้ว 23 ลูก จาก 12 นัด แย่ที่สุดอันดับ 3 ของลีก เป็นรองแค่ วูล์ฟแฮมป์ตัน 28 ลูก กับ เซาธ์แฮมป์ตัน 25 ลูกเท่านั้น
1
ปกติทีมที่ลุ้นหนีตาย ต้องมีเกมรับที่แน่นกว่านี้ สถิติบอกว่า 12 นัดของคูเปอร์ มีถึง 10 นัด ที่เขาโดนคู่แข่งยิงขึ้นนำก่อน คือสุดท้ายก็ต้องให้เกมรุกเหนื่อยมาไล่ยิงคืนทุกที
ผลงานที่น่าผิดหวังในสนาม มีแต้มเหนือโซนตกชั้นแค่ 1 แต้ม มันสั่งสมความไม่พอใจให้แฟนๆ เลสเตอร์มากขึ้น เริ่มมีการเรียกร้องให้เด้งคูเปอร์ออกไป ก่อนจะสายเกินแก้
ในข้อเท็จจริงคือ ทีมน้องใหม่ทั้ง 3 ทีม เลสเตอร์, อิปสวิช และ เซาธ์แฮมป์ตัน ทุกทีมก็ฟอร์มแย่หมด และต้องลุ้นหนีตายกัน แต่สาเหตุที่แฟนๆ เซาธ์แฮมป์ตัน ไม่ขับไล่รัสเซลล์ มาร์ติน และ อิปสวิช ไม่ขับไล่ คีแรน แม็คเคนน่า ก็เพราะทั้งคู่มีความผูกพันอย่างเหนียวแน่นกับแฟนบอลมาก่อน
รัสเซลล์ มาร์ติน กับ คีแรน แม็คเคนน่า ช่วยพาทีมเลื่อนชั้นในฤดูกาลที่แล้ว มีความทรงจำดีๆ ร่วมกัน แต่คูเปอร์ ไม่มีสตอรี่ตรงนี้ร่วมกับแฟนเลสเตอร์ ดังนั้นแฟนบอลก็ไม่รู้ว่าพวกเขาจะทนกับคูเปอร์ไปทำไม
ขณะที่กลุ่มนักเตะเอง ก็ไม่ได้เคารพอะไรคูเปอร์ ในช่วงวันจันทร์ที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์เอ็กตร้า บลาเด็ต จับภาพได้ว่า นักเตะเลสเตอร์หลายคน เช่น แฮร์รี่ วิงก์ส, คอเนอร์ โคดี้ และ วิคเตอร์ คริสเตียเซ่น ไปเที่ยวไนท์คลับชื่อมูเซโอ้ ที่เมืองโคเปนเฮเกนในวันหยุด ปรากฏว่า ในกลุ่มนักเตะมีคนยกป้ายไฟที่เขียนว่า "Enzo I miss u" ขึ้นมา
คูเปอร์ยังทำงานอยู่ แต่นักเตะชูป้ายบอกคิดถึงโค้ชเก่า ไม่มีการให้เกียรติใดๆ กับผู้จัดการทีมคนปัจจุบันเลยสักนิด เรื่องนี้ผู้บริหารเลสเตอร์ ต้องตำหนินักเตะเลยว่า "เป็นพฤติกรรมที่ยอมรับไม่ได้"
เมื่อแฟนบอลไม่ซัพพอร์ท นักเตะไม่ซัพพอร์ท และ ในตลาดก็มีตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างรุด ฟาน นิสเตลรอย โผล่ขึ้นมาพอดี ทำให้สุดท้าย เลสเตอร์ ไล่สตีฟ คูเปอร์ ออกจากตำแหน่งทั้งๆ ที่ได้คุมทีมเพียงแค่ 12 นัดเท่านั้น
คูเปอร์ไม่ได้เป็นผู้จัดการทีมที่แย่อะไร ถ้าเขาได้คุมทีมนานกว่านี้ ก็อาจทำผลงานกระเตื้องได้ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างไม่เป็นใจกับเขาเลย ดังนั้นก็เลยต้องลงเอยด้วยการโดนเด้งในที่สุด
หลายคนบอกว่า เลสเตอร์ เลือดเย็นเกินไป โทมัส แฟรงค์ ผู้จัดการทีมเบรนท์ฟอร์ดบอกว่า "ช็อก" เพราะคูเปอร์ได้โอกาสทำงานแค่ 12 เกมเท่านั้นเอง ไม่คิดจะให้เวลากันหน่อยหรือ?
แต่ก็ต้องเห็นใจฝั่งสโมสรเหมือนกัน เพราะคูเปอร์ ก็มีผลงานแย่มาก ซื้อใจแฟนบอลไม่ได้ ขณะที่คาแรคเตอร์ใดๆ ก็ต่อยอดได้ยาก บุคลิกของเขาไม่ค่อยมีเสน่ห์นัก
และที่สำคัญเมื่อมีชอยส์ฟาน นิสเตลรอย ว่างอยู่ เลสเตอร์ก็ต้องตัดสินใจอย่างรวดเร็ว ก่อนจะโดนทีมอื่นแย่ง
คูเปอร์ปิดฉากเส้นทางกับสโมสร ขณะที่เลสเตอร์ ก็จะเริ่มนับหนึ่งใหม่ในยุคของ "รุด"
สิ่งที่ฟาน นิสเตลรอย (48 ปี) มีเหนือกว่าคูเปอร์แน่นอน คือ "บารมี" เขาคือกองหน้าดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก และตัวจริงทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ในช่วงหนึ่งเขาคือกองหน้าระดับท็อปของโลก ดังนั้น นักเตะเลสเตอร์ก็จะเชื่อในสิ่งที่เขาพูด และแนะนำ
คูเปอร์อาจเก่งเรื่องงานโค้ช แต่เขาไม่ประสบความสำเร็จตอนเตะฟุตบอล ไม่เคยติดทีมชาติ บารมีตรงนี้ คนละเรื่องกับฟาน นิสเตลรอย
ขณะที่เรื่องประสบการณ์ในฐานะผู้จัดการทีม ก็ถือว่าฟาน นิสเตลรอย พอมีอยู่บ้าง พอแขวนสตั๊ด เขารับงานโค้ช โดยคุมทีมพีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น คว้าแชมป์ดัตช์คัพ 1 สมัย จากนั้นย้ายมาเป็นผู้ช่วยของเอริก เทน ฮาก ที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ตอนที่เทน ฮาก โดนไล่ออก ฟาน นิสเตลรอยรับหน้าที่คุมทีมเฉพาะกิจ 4 นัด มีผลงานชนะ 3 เสมอ 1 ถือว่าดูดีเลยทีเดียว
บารมีเยอะ ประสบการณ์ใช้ได้ และมีความสดใหม่ในตัว จึงลงเอยด้วยการเซ็นสัญญากันเป็นเวลา 2 ปีครึ่งในที่สุด
1
ต็อบ อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานสโมสรเลสเตอร์ กล่าวต้อนรับฟาน นิสเตลรอย ว่า "ประสบการณ์ ความรู้ และจิตใจยึดมั่นในชัยชนะของรุด จะเข้ามาส่งเสริมทีมเราอย่างไม่ต้องสงสัย"
คำกล่าวของอัยยวัฒน์ มีความหมายซ่อนอยู่คือ ยุคคูเปอร์ ทีมเล่นแค่ประคองตัวไม่ให้แพ้ เก็บแต้มให้ดิ้นรนพออยู่รอดได้ แต่ในยุคของฟาน นิสเตลรอย ควรเปลี่ยน mindset กันใหม่ จากที่คิดแค่ "ไม่แพ้" ต้องคิดถึง "ชัยชนะ" ซึ่งคาแรคเตอร์ ต้องการเป็นผู้ชนะทุกเกม มันถูกฝังอยู่ในตัวฟาน นิสเตลรอยอยู่แล้ว และอาจถูกถ่ายทอดมาให้ผู้เล่นของเลสเตอร์ได้
1
มาติดตามกันต่อไป ว่าฟาน นิสเตลรอย กับงานผู้จัดการทีมแบบเต็มตัวครั้งแรกในพรีเมียร์ลีก เขาจะทำผลงานได้ยอดเยี่ยมแค่ไหน และการตัดสินใจเด้งคูเปอร์กะทันหัน จะเป็นคำตอบที่ถูกต้องหรือไม่ เราก็จะได้รู้กันในอีกไม่นานนี้
แต่อีกหนึ่งเรื่อง ที่จะเกิดขึ้นชัวร์ๆ ก็คือ เลสเตอร์ ซิตี้ จะมีแฟนบอลเพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก จากการแต่งตั้งครั้งนี้
โดยเฉพาะแฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ยังรักและชื่นชมฟาน นิสเตลรอยอยู่ ก็คงตามเชียร์เลสเตอร์ เป็นทีมที่สอง เพื่อให้กำลังใจอดีตฮีโร่ของตัวเองอย่างแน่นอน
#WELCOMERUDD
โฆษณา