30 พ.ย. เวลา 10:53 • ข่าว

บังเอิญ หรือแค่เรื่องเรือประมง จริงเหรอ ?

มันเกิดอะไรขึ้นกับชายแดนตะวันตกของเรา
บทจะมีเรื่อง ก็มีติดๆ
บอกตรงๆไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น
หวังว่าจะไม่มีอะไรในกอไผ่ หรือใครลากเราเข้าไปในวงจร
ความขัดแย้งอะไรนะ
นี่ฝั่งตะวันตก ก็เหมือนรอวันประทุอีกแล้ว…
แต่ที่เหมือนกัน ทั้งสองฝั่งทะเลเรา
ก็คือปัจจัยด้านความมั่นคงทางพลังงาน
โดยเฉพาะ ก๊าซธรรมชาติ
เรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงยุโรป ที่ยอมเจ็บตัวอย่างหนัก
ถึงขนาดทุบหม้อข้าว ระเบิดท่อก๊าซตัวเอง
เพื่อเป็นอิสระจากรัสเซีย
สิ่งที่เกิดขึ้นกับไทยและพม่าตอนนี้ จะเป็นแค่ความบังเอิญ
ที่เรือประมงไทยซวยหรือไม่ ผมไม่ทราบได้
แต่ที่แน่ๆ มันเกิดขึ้นพอดีกับที่ทางกระทรวงพลังงานไทย
โดยคุณ พีระพันธุ์ ออกมาพูดถึงการเปิดเฟสประมูล
แหล่งพลังงานฝั่งอันดามัน
…แล้วก็ได้เรื่องเลย ตูม…
( ข่าวอ้างอิง : https://www.facebook.com/share/p/1Vr4dZ8eQA/?mibextid=WC7FNe )
ซึ่งสาเหตุการต้องไปเอาฝั่งอันดามัน เพราะคุณพีระพันธุ์
แกว่า ทางฝั่งตะวันออกกับเขมรนั้น ดูท่าจะไม่จบ
คงอีกนานกว่าจะแบ่งกับเขมรได้ เมื่อ MOU กลายเป็น
ประเด็นทางการเมืองในไทยไปแล้ว
( อ้าว งี้คนผลักดัน MOU ก็คุณพีระพันธุ์ด้วยสิ ??? )
การพูดถึงลักษณะนี้ ถ้าพม่าจะออกอาการ
มันก็คงไม่แปลกนัก
เพราะไทยกับพม่า มีทั้งพื้นที่ทับซ้อน
ทางทะเล และส่วนที่เราซื้อพลังงานจากเขา
หรือเราลงทุนอยู่ค่อนข้างมากทีเดียว
หากไทยไปอ้างสิทธิให้ประมูลฝ่ายเดียว
หรือไปเอี่ยวกับแค่อินโดนีเซีย พม่าก็ย่อมเสียประโยชน์
คือ แหล่งที่คุณพีระพันธ์ุพูดถึงเนี่ย มันเป็นส่วนที่ใกล้ทาง
อินโดนีเซีย ไม่ใช่พม่า แต่ถึงงั้นก็ยังไม่มีความชัดเจน
เรื่องสิทธิในพื้นที่ ว่าเป็นของเราแบบ 100%
…พูดงี้พม่าก็เต้นผางสิครับ …
เราต้องเข้าใจนะครับ กับเรื่องก๊าซธรรมชาตินี่
พม่าหากินกับเรามานาน และมาช่วงหลัง
พวกเขาไม่ค่อยพอใจ รู้สึกว่าตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
เมื่อไทยได้จากแหล่งยาดานา ถึง 70% แต่เขาได้แค่ 30
เรื่องนี้ต้องขอบคุณพวกเมกัน เพราะพวกเขาขายและโอนสิทธิ
เดิมของตัวเอง คือ Chevron และ Unocal มาให้ไทย
ผ่าน ปตท.สผ. แบบถูกแสนถูก
เพราะเป็นของร้อน ที่มีผลจากรัฐบาลสหรัฐคว่ำบาตรพม่า
และสหรัฐก็ไม่ต้องการให้จีนได้ไป
ทำให้ไทยได้ประโยชน์มาก ที่ได้ส่วนแบ่งขนาดนั้น
เพราะแหล่งนั้นอยู่ในอ่าวเมาะตะมะ ซึ่งความจริง
ถ้าให้ไทยเจรจาเองคงไม่มีทางได้สัดส่วนขนาดนั้น …
นั่นทำให้พม่าซึ่งเสียประโยชน์กับประเทศขนาดใกล้กัน
มีความรู้สึกทนทานไม่ได้นัก
พวกเขาจึงอาศัยความเป็นเจ้าของพื้นที่ อ้างเหตุผลต่างๆ
เพื่อปิดแหล่งยาดานาอยู่เสมอ
จนไทยต้องไปนำเข้าก๊าซเหลวจากตะวันออกกลาง
ซึ่งแพงกว่ามากมาให้คนไทยใช้แทน
โดยเฉพาะ เมื่อแหล่งบงกช-เอราวัณ ที่ไทยทะลึ่งไปทวง
คืนมาจาก Chevron แล้ว ผลิต สำรวจเองได้ไม่ตามเป้า
เนื่องจากเทคโนโลยีไม่ถึง….
เรื่องราววุ่นวายหนักขึ้น เมื่อมีจีนเข้ามาเอี่ยว
ใครๆก็รู้ว่าจีนนั้นมีความต้องการแหล่งพลังงานในพม่า
อย่างยิ่ง เพื่อนำไปใช้ทางภาคตะวันตกของตน
การเข้าช่วยกองทัพอารากัน ทางอ่าวเบงกอล
ก็เพราะพม่านั้นยึกยักมาก ในการจัดการให้จีน
พวกเขาจึงต้องยอมมือเปื้อนเอง
แน่นอน จีนมองมาถึงแหล่งยาดานาด้วย
ซึ่งเดิมมันเป็นของสหรัฐ พวกเขาจึงไม่กล้าวุ่นวาย
แต่เมื่อเป็นของไทยในปี 64 พวกเขาก็รุกรัฐบาลทหารพม่า
หนักขึ้น ทางพม่าก็ไม่พอใจกับ 70% ของไทยอยู่แล้ว
เรื่องมันจึงยิ่งวุ่นวายหนักเข้าไปอีกสำหรับไทย
ปัจจุบัน จีนดูกลับมามีท่าทีที่ดีขึ้นกับรัฐบาลทหารพม่า
นี่อาจเป็นส่วนหนึ่งของข้อแลกเปลี่ยนก็เป็นไปได้
ความอีรุงตุงนัง ซับซ้อนของชายแดนฝั่งตะวันตกไทย
มันจึงดูแล้วยิ่งกว่าหนังฮอลิวู๊ดเสียอีก ….
โลกปัจจุบันนั้น มีความวุ่นวายมาก
โดยปัจจัยผลักดันที่สำคัญมาก
เพราะนี่คือยุคแห่งการเปลี่ยนผ่านทางพลังงาน
แน่นอน การเปลี่ยนผ่านพลังงาน เพื่อใช้พลังงานหมุนเวียน
รวมถึงพลังงานสะอาด เป็นเรื่องที่ดี
แต่การทำแบบนั้น ทำให้มีหลายประเทศเสียผลประโยชน์
มากมายมหาศาล ซึ่งความต้องการรักษาผลประโยชน์
เหล่านี้ เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาต่างๆบนโลกให้รุนแรง
1
รัสเซีย ต้องรีบบุกยูเครน ก่อนยุโรปจะเปลี่ยนผ่านพลังงาน
สำเร็จ เพราะนั่นคือข้อต่อรองเดียวที่พวกเขามีต่อยุโรปมานาน
การบุกยูเครน หวังทำให้ยุโรปชะลอการเปลี่ยนแปลงพลังงาน
ออกไป เนื่องจากภาระงบประมาณ และความจำเป็นเร่งด่วน
ที่จะต้องใช้เฉพาะหน้า ซึ่งรัสเซียหวังว่ามันจะเป็นแบบนั้น
1
แต่มันกลับให้ผลตรงกันข้าม เนื่องจากยุโรปเอง
ไม่ยอมที่จะกลับไปใช้พลังงานฟอสซิลมากนัก
แต่กลับเร่งการเปลี่ยนแปลงพลังงานมากขึ้น
1
ความกลัว ว่าจะมีประเทศไหนแตกแถว
กลับไปใช้พลังงานราคาถูกจากรัสเซีย
ทำให้ยุโรปตัดสินใจ ระเบิดท่อก๊าซนอร์ดสตรีมทิ้งเสียเลย
เพื่อบังคับตัวเอง ให้เป็นไปตามแผน
ในระหว่างนั้น พวกเขายอมเจ็บ ยอมซื้อน้ำมันและก๊าซเหลว
ที่แพงกว่าจากสหรัฐและตะวันออกกลาง
และยอมเสียจุดยืน กลับไปใช้ถ่านหินและนิวเคลียร์มากขึ้น
สำหรับยุโรป การเจ็บตัวลักษณะนี้ในข่วงเวลาหนึ่ง
ย่อมดีกว่าการถูกรัสเซียกดดันได้ง่ายๆ ด้วยพลังงานตลอดไป
ล่าสุด พวกเขาได้แบน Gazprom บริษัทก๊าซอันดับหนึ่งของ
รัสเซียได้แบบเด็ดขาดแล้ว
และนี่คือสาเหตุ ที่พาให้เศรษฐกิจรัสเซีย
ทรุดลงอยากรวดเร็วภายในไม่กี่เดือน
พารูเบิลร่วงทะลุ 100 ต่อเหรียญ และ 15 ต่อหยวน
ไปเรียบร้อยแล้ว
…ซึ่งบางที ไอ้ที่ปูตินขู่ยุโรปอยู่ตอนนี้ ก็คงไม่ใช่เพราะแค่จรวด
ATACMS หรอก ไอ้เรื่องนี้น่ะ ร้ายแรงกว่าอีก เพราะนี่พาเงินเฟ้อรัสเซีย ทะลุสัปดาห์ละ 0.4% ไปเรียบร้อย
แถมต้องปิดการซื้อขายเงินตราต่างประเทศ รวมทั้งหยวนไปแล้วอย่างไม่มีกำหนด….
( ประเด็นนี้ เดี๋ยววันจันทร์มาคุยกันครับ )
แต่ยุโรปนั้น แม้จะหน้าหนาวแล้ว
พวกเขาก็ไม่มีท่าทีอ่อนลงเลย
นั่นเพราะพวกเขาไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องพลังงานแล้วนั่นเอง
แพงก็แพงไป ก็แค่ตอนนี้แหละ ทนกันหน่อย
…ในสนามรบก็ว่าไป แต่สงครามไฮบริดแบบนี้ พวกเขากำลังได้เปรียบรัสเซียอย่างมากในทางเศรษฐกิจ…
…และที่แน่ๆ มันคือการประกาศ ว่ายุโรปเป็นไทยแล้ว
จากพลังงานรัสเซียนั่นเอง ….
ในมุมของไทย เราเองก็ควรคิดได้แล้ว
ว่าการพึ่งพาพลังงานจากต่างประเทศนั้น
มันไม่ใช่ความยั่งยืนที่แท้จริง
แม้วันนี้จะยังได้ประโยชน์อย่างมากก็ตาม
มันทำให้เราเสียเปรียบอย่างมากเสมอในมิติความมั่นคง
กรณีกับพม่า เขมร เป็นอะไรที่ชัดเจนมาก
เราเสียเปรียบเวลาเจรจาตลอด เพราะความต้องการพลังงาน
ของเราเองที่สูงกว่าพวกเขาหลายเท่า
ในขณะที่พวกเขา ไม่เดือดร้อนนัก จากขนาดเศรษฐกิจที่เล็กกว่า และรัฐบาลพวกเขา ก็ไม่ได้แคร์ชาวบ้าน
อะไรนักอยู่แล้ว ชาวบ้านเองก็ลำบากจนชิน
1
กับสิ่งที่มีอยู่ อย่างแหล่งยาดานา ไม่รู้เหมือนกัน
ว่าเราจะรักษาไว้ได้อีกนานแค่ไหน เมื่ิอจีนบีบเราสารพัด
แบบที่เป็นอยู่นี้
…บางที มันอาจถึงเวลาที่ไทยจะตัองทุบหม้อข้าวตัวเอง
แบบยุโรป เพื่อเร่งการเปลี่ยนแปลงพลังงานเสียทีแล้ว….
…ไม่ใช่บอกให้ประเคนแหล่งอะไรให้ใครนะ …
…แต่จะบอกว่า เราควรใช้พลังงานหมุนเวียนที่มีอยู่จริงๆ
ของเราเองให้มากกว่านี้ต่างหาก มันถึงจะยั่งยืน…
…และไม่ต้องมาน้ำท่วมปาก เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้….
พลังงานฟอสซิล แม้จะอยู่กับเราอีกนานแน่
แต่ถ้าพูดถึงอุตสาหกรรมส่วนนี้ มันคงไม่มีมูลค่า
มากเหมือนสมัยก่อนอีกแล้ว
หากไม่ปรับตัว หรือหวงอยู่นั่นแหละแบบที่บางคนบอก
ว่าต้องเก็บไว้ให้ลูกหลาน จนไม่ขุด ไม่ลงทุนเอามาขาย
ต่อไป ราคามันอาจไม่ใช่จุดที่คุ้มทุน
ที่ลูกหลานเราจะขุด เพื่อเอามาพัฒนาประเทศอีกแล้ว
…การดึงประเด็น MOU กับเขมรมาเล่นการเมือง
มันอาจมาจากบางฝ่าย ที่นอกจากการเมืองแล้ว
มีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยก็ได้…
…นี่จู่ๆ ไปปูดแหย่พม่าทางฝั่งอันดามันอีก มันก็ได้เรื่องล่ะ…
แต่เราจะเอาอะไรไปต่อรองล่ะ ถ้ายังต้องซื้ิอของเขาแบบนี้
มีสัมปทานแล้วไงล่ะ เราไม่ใช่เจ้าของพื้นที่นี่
เขาอ้างโน่นนี่ ไม่ขายเราก็พัง
สถานการณ์โลกเลวร้ายขึ้นทุกวันๆ แต่เรา ดูเปมือนไม่เผื่อทาง
ถอยเรื่องเหล่านี้ให้ตัวเองเลย มันก็แย่งี้แหละ….
โฆษณา