30 พ.ย. เวลา 13:47 • การศึกษา

| ระบบความมีอยู่เป็นอยู่ และ การบริหารสิ่งทั้งปวง

ก็อะไรละ? ที่เป็นความจริงในระบบความมีอยู่ เป็นอยู่ ทั้งปวง ( เข้าใจไว้เถิด จะมีประโยชน์ยิ่งสำหรับการเข้าใจกลยุทธ์ระดับสูงในทุกระดับ )
ก็ความจริง แท้จริงแล้ว มีสองระดับ
คือ ระดับสมมติสัจจะ และ ระดับปรมัตถ์สัจจะ
ระดับสมมติ
เราต้องบริหาร..
ก็เพราะสิ่งทั้งปวง ใดๆก็ตามที่เนื่องด้วย ตัวตน คือ ระดับสมมติทั้งหมด
เพราะเหตุนั้นจึงต้อง บริหาร อาทิ
อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ
ก็ตนแลเป็นที่พึงแห่งตน
(แม้แท้ที่จริง ตนจริงๆไม่ได้มี)
ถามว่าเช่นนั้นจะบริหารสิ่งทั้งปวง ที่มีตัวตนอย่างไร?
ครั้งนึงพระเจ้ามิลินท์ เคยถามแก่ พระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ นาคเสนว่า
" ภนฺเต นาคเสน ข้าแต่พระนาคเสนผู้จำเริญด้วยปรีชา ธรรมดาว่าร่างกายนี้
เป็นที่รักแห่งบรรพชิตทั้งหลายหรือประการใด "
พระนาคเสนจึงถามด้วยข้ออุปมาอุปไมยว่า
" ก็บุรุษมีแผล เขาพึงทำอย่างไร"
พระเจ้ามิลินท์ จึงตอบว่า
" เขาก็พึงรักษาแผลตนเอง"
พระนาคเสนจึงถามต่อไป
"ก็เขารักษาแผล เพราะเขารักในแผลนั้นหรือ?"
พระเจ้ามิลินท์ จึงตอบว่า
"หาไม่ได้ เขารักษาเพียงเพราะมุ่งหวังให้แผลหายดีเท่านั้น"
พระนาคเสนจึงตอบปัญหาไปว่า
"อุปมาข้อนี้เป็นฉันใด อุปไมยก็เป็นฉันนั้น ด้วยกระแสพระ
พุทธฎีกาตรัสประทานไว้ว่า พึงให้บรรพชิตรักษากายของอาตมาดุจหนึ่ง ว่าบุคคลทั้งหลายอันรักษาแผล แต่มิพึงให้เสน่หารักใคร่ในกาย ทั้งหมดเป็นไปเพื่อภารกิจเพียงเท่านั้น"
พระนาคเสนตอบเช่นไร พวกท่านทั้งหลาย ก็ใช้อุปมา อุปไมย กับตัวตนทั้งหลายเช่นนั้น เถิด
ระดับปรมัตถ์
เราต้องเห็นความธรรมดา ในธรรมชาติ และ ธรรมธาตุทั้งปวง
สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา
ธรรม (ความเป็นจริงทั้งปวง ที่ทั้งเกิดปรากฎ และ ไม่เกิดปรากฎ)
ไม่ใช่ตัวตน
ทั้งรูป จิต เจตสิก นิพพาน
ไม่มีอะไรเลย เป็นของใครอย่างแท้จริง
ก็ สัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา ก็มิได้มี ( มีเพียงเพราะสมมติ )
ความเป็นจริงแล้ว ทุกข์(สิ่งที่ไม่เที่ยง) เท่านั้นที่เกิดขึ้น ทุกข์เท่านั้นที่ดับไป
แท้ที่จริง
ทุกสิ่งแค่เพียงเคลื่อนไปตามเหตุปัจจัย เช่นนั้นอะไรๆก็ของจริง
สรุปลงว่า ทุกสิ่งนั้น ตถตา คือ เป็นเช่นนั้นเอง
ปัญญาชนผู้มุ่งหวังประโยชน์ยิ่งใหญ่ให้แก่มหาชน พึงเรียนรู้สัจจะนี้ให้ถ่องแท้
มองให้ทราบชัดว่า สิ่งใดเป็น อัตตา(มายา) สิ่งใดเป็น อนัตตา(ความจริง) มองให้ทะลุจนเห็น คุณในโทษ โทษในคุณ ดีในเสีย เสียในดี พร้อมไปถึง ความเป็นกลางในสิ่งทั้งปวงนั้น
และ ใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ทั้งปวง และ บริหารสิ่งทั้งปวงอย่างสนุกสนานเถิด
อนึ่ง ขอเตือนไว้
ความเข้าใจนี้ มิอาจเกิดขึ้นได้ กับบุคคลผู้มีเจตนาเลวทรามในจิตใจ ถ้าท่านคิดจะใช้ความรู้นี้ไปเพียงเพื่อ ทำลายล้างผู้ใด โปรดทราบชัดว่า ไม่ใช่สิ่งที่จะเป็นไปได้ เพราะ ต้องประกอบด้วย สมาธิ และ ปัญญา เป็นปัจจัยสำคัญ ดังนั้น จงโปรดจำไว้ และ กลับไป
เพราะ ความเข้าใจจริงนี้ จะเกิดขึ้นกับเพียง ผู้ที่มีกำลังใจในการ สละ ละ สลายคืน ซึ่ง อัตตาตํวตน อย่างยิ่งใหญ่ เท่านั้น
ดังนี้
โฆษณา