1 ธ.ค. เวลา 01:30 • ข่าวรอบโลก

เหตุใดจึงเกิดขึ้นตอนนี้ “สงครามกลางเมืองซีเรีย” ปะทุขึ้นอีกครั้งในรอบหลายปี

แล้วมันเชื่อมโยงกับท่าทีของ อิสราเอล-ตุรกี-รัสเซีย-สหรัฐ อย่างไร
2
30 พฤศจิกายน 2024 กลุ่มกบฏในซีเรียซึ่งกลุ่มหลักคือ HTS (มีตุรกีสนับสนุน) ได้บุกโจมตีถึงศูนย์กลางของเมืองอาเลปโป เมืองใหญ่อันดับสองของซีเรียแล้ว กลุ่มดังกล่าวได้ต่อสู้กับกองกำลังของรัฐบาลกลางซีเรียของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด กลุ่มสังเกตการณ์สิทธิมนุษยชนซีเรียระบุว่ากลุ่มก่อการร้ายได้ยึดเมืองได้อย่างน้อยครึ่งหนึ่ง และกองกำลังของรัฐบาลซีเรียก็ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ในเมืองอาเลปโปได้ [1][2]
1
ก่อนหน้านี้ใน “สงครามซีเรีย” กลุ่มกบฏไม่สามารถควบคุมเมืองได้มากกว่าครึ่งหนึ่งเหมือนครั้งนี้ และไม่เคยยึดใจกลางเมืองทั้งหมดได้เลย กลุ่มก่อการร้ายเริ่มเปิดฉากโจมตีเมื่อวันพุธที่ 27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา และใช้เวลาในปฏิบัติการบุกถึงใจกลางเมืองอาเลปโปโดยใช้เวลาเพียงสามวันเท่านั้น
1
ทางเพจได้เคยลงบทความเกี่ยวกับจุดเริ่มต้นของการปะทะครั้งใหม่นี้ และสถานการณ์ต่อจากนั้น สามารถอ่านเพิ่มเติมได้จากลิงก์ด้านล่างนี้
1
กองทัพซีเรียยอมรับว่ากลุ่มกบฏได้บุกเข้าไปใน “หลายพื้นที่ของเมือง” นี่คือคำแถลงการณ์ของกองทัพซีเรีย “ผู้ก่อการร้ายจำนวนมากและการสู้รบในหลายแนวรบกระตุ้นให้กองกำลังติดอาวุธของเราดำเนินการปฏิบัติการส่งกำลังพลใหม่เพื่อเสริมกำลังแนวป้องกันเพื่อต่อต้านการโจมตี ช่วยชีวิตพลเรือนและทหาร และเตรียมพร้อมสำหรับการโต้กลับ” [3]
นอกจากนี้แถลงการณ์ยังระบุด้วยว่ากลุ่มกบฏยังไม่สามารถยึดฐานที่มั่นในเมืองได้ เนื่องจากกองกำลังติดอาวุธของรัฐบาลซีเรียยังคงโจมตีต่อไปในขณะที่รอการเสริมกำลังจากส่วนกลาง
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่รัฐบาลซีเรียที่ไม่เปิดเผยชื่อรายหนึ่งบอกกับบีบีซีว่า ไม่พบการสู้รบเกิดขึ้นระหว่างการอพยพออกจากเมือง และอาคารของรัฐบาลหลายแห่ง รวมถึงสภาเมือง สถานีตำรวจ และหน่วยข่าวกรอง ต่างก็ว่างเปล่าไม่มีเจ้าหน้าที่ทำงานอยู่แล้ว ชาวเมืองอาเลปโปหลายคนยังบอกกับซีเอ็นเอ็นด้วยว่าเห็นมีการสู้รบเกิดขึ้นเล็กน้อยในบางพื้นที่ของเมือง [4][5]
1
กองทัพซีเรียเผยว่าทหารของรัฐบาลกลางหลายสิบนายเสียชีวิตจากการสู้รบรอบเมือง มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 277 คน รวมถึงพลเรือน 24 คน นับตั้งแต่เริ่มมีการบุกโจมตี ตามข้อมูลของกลุ่มสังเกตการณ์สิทธิมนุษยชนซีเรีย [6]
เครดิตภาพ: Ghaith Alsayed / AP
แหล่งข่าวทางทหารของรอยเตอร์สระบุว่า รัฐบาลซีเรียได้ปิดสนามบินและถนนสายต่างๆ ของเมืองอาเลปโป ท่ามกลางการรุกคืบของกลุ่มกบฏ ตามแหล่งข่าวระบุว่า “รัสเซียซึ่งเป็นพันธมิตรรายสำคัญของอัสซาด” ได้ให้คำมั่นกับดามัสกัสว่าจะให้ความช่วยเหลือทางทหารเพิ่มเติม โดยอาวุธชุดใหม่จะเริ่มมาถึงภายใน 72 ชั่วโมงข้างหน้านี้ จนกว่าจะถึงเวลานั้นสื่อดังกล่าวนี้รายงานว่า กองกำลังของรัฐบาลกลางซีเรียได้รับคำสั่งให้ถอนกำลังออกจากพื้นที่สำคัญๆ ของเมืองที่กลุ่มกบฏบุกเข้ามา [1]
1
นอกจากนี้สำนักข่าวรอยเตอร์และเอเอฟพีรายงานว่า เครื่องบินของกองทัพอากาศซีเรียที่ได้รับการสนับสนุนจากรัสเซียได้โจมตีพื้นที่บางส่วนของเมืองอาเลปโปเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2016 ในคืนวันที่ 30 พฤศจิกายน และยังโจมตีเมืองอิดลิบอีกด้วย [1][7][8]
1
“โอเลก อิกนาซิอุค” โฆษกกองทัพรัสเซียประกาศว่ากองกำลังอวกาศรัสเซียกำลัง “ยิงขีปนาวุธและระเบิดทำลาย” ใส่ตำแหน่งของกลุ่มก่อการร้ายในซีเรีย ตามรายงานของอิกนาซิอุค “กลุ่มก่อการร้ายอย่างน้อย 200 รายถูกสังหาร” ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ในเวลาเดียวกัน ช่องเทเลแกรม Rybar ของรัสเซียรายงานว่า โดรนของกลุ่มกบฏโจมตีฐานทัพอากาศ Kweires ของรัสเซีย-ซีเรีย ทางตะวันออกของเมืองอาเลปโป [9][10]
รัสเซียกล่าวว่าสถานการณ์ในอาเลปโปเป็นการละเมิดอำนาจอธิปไตยของซีเรีย และเสริมว่ามอสโกสนับสนุนการฟื้นฟูความสงบเรียบร้อยในภูมิภาคตะวันออกกลาง “ดมิทรี เปสคอฟ” ไม่ได้ตอบคำถามว่าประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดแห่งซีเรียได้เดินทางโดยด่วนมาถึงมอสโกจริงหรือไม่ “ผมไม่มีอะไรจะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้” โฆษกเครมลินกล่าว [11]
เครดิตภาพ: GEORGE OURFALIAN/AFP/Getty Images
  • เหตุใดกลุ่มกบฏในซีเรียจึงตัดสินใจเข้าโจมตีในช่วงเวลานี้?
อาจเป็นผลมาจากการที่ทางการอิสราเอลและกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนตกลงที่จะยุติการสู้รบที่ชายแดนเลบานอน-อิสราเอล เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี “เบนจามิน เนทันยาฮู” ของอิสราเอล และประธานาธิบดี “โจ ไบเดน” ของสหรัฐ ประกาศว่าอิสราเอลและเลบานอนบรรลุข้อตกลงหยุดยิงแล้ว [12]
ฮิซบอลเลาะห์มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับอิหร่าน ซึ่งกำลังต่อสู้เคียงข้างกองกำลังของรัฐบาลในความขัดแย้ง และกับระบอบการปกครองของ “บาชาร์ อัล-อัสซาด” เอง ตามข้อมูลการประมาณจากบางแหล่งระบุว่า ฮิซบอลเลาะห์ได้ส่งนักรบให้กับอัสซาดมากถึง 10,000 คนระหว่างสงครามซีเรีย แต่ไม่สามารถระบุจำนวนที่แน่ชัดได้ [13]
3
ในขณะเดียวกันอิสราเอลซึ่งเป็นศัตรูของอิหร่านได้โจมตีซีเรียมาหลายปีแล้ว โดยอ้างว่าเป้าหมายคือกลุ่มก่อการร้ายที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน รวมถึงกลุ่มจากเลบานอน และยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นหลังจากการโจมตีที่นำโดยกลุ่มฮามาสเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 ในเดือนกันยายน 2024 ฮัสซัน นาสรัลเลาะห์ หัวหน้ากลุ่มฮิซบอลเลาะห์ถูกสังหารที่เบรุต ตามมาด้วยฮาเชม ซาฟีดดีน ผู้สืบทอดตำแหน่งของเขาอีกที
1
ในขณะนี้ศักยภาพของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์อยู่ในระดับต่ำสุด และหากเกิดการสงบศึกระยะยาวกับอิสราเอล ฮิซบอลเลาะห์อาจฟื้นคืนกำลังขึ้นมาได้
โรเบิร์ต ฟอร์ด ทูตสหรัฐฯ ประจำซีเรียคนก่อนหน้าเชื่อว่าการโจมตีเป้าหมายในซีเรียและกลุ่มฮิซบอลเลาะห์เป็นเวลานานหลายเดือนของอิสราเอลเป็นปัจจัยที่จะเปิดโอกาสให้กลุ่มกบฏได้ทำการรุกคืบดังกล่าว รัสเซียซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของอัสซาด กำลังประสบปัญหาเช่นกันจากสงครามกับยูเครนที่ดำเนินมานานกว่าสองปีครึ่ง อิหร่านซึ่งอาจช่วยอัสซาดได้อีกคนก็กำลังเผชิญหน้ากับอิสราเอลเช่นกัน กองกำลังอิสราเอลได้โจมตีทางอากาศใส่เป้าหมายทางทหารในอิหร่านหลายครั้งในคืนวันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา [14][15]
1
เครดิตภาพ: AFP
ชาร์ลส์ ลิสเตอร์ นักวิเคราะห์จากสถาบันศึกษาด้านตะวันออกกลางซึ่งตั้งอยู่ในสหรัฐฯ เชื่อว่ามีความเสี่ยงที่ทั้ง “รัสเซีย” และ “ตุรกี” จะเข้าสู่ความขัดแย้ง เนื่องจากแต่ละฝ่ายต่างก็มีผลประโยชน์ของตนเองที่ต้องปกป้องในภูมิภาค [16]
เมื่อ 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมา กระทรวงต่างประเทศรัสเซียรายงานว่ารัฐมนตรีต่างประเทศของทั้งสองประเทศ (รัสเซียกับตุรกี) ได้สนทนาทางโทรศัพท์และหารือถึง “สถานการณ์ที่กำลังพัฒนาในซีเรีย” กระทรวงต่างประเทศรัสเซียระบุในข่าวประชาสัมพันธ์ว่า “ทั้งสองฝ่ายแสดงความกังวลอย่างจริงจังเกี่ยวกับการพัฒนาสถานการณ์ที่อันตรายในเขตปกครองพิเศษ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการยกระดับการทหารในเมืองอาเลปโปและอิดลิบ” [17]
ชาร์ลส์ ลิสเตอร์ ยังให้ความเห็นด้วยว่าความเสี่ยงอีกประการหนึ่งคือการแทรกแซงของกลุ่มก่อการร้ายไอซิส (ISIS) ซึ่งอาจมองว่านี่เป็นโอกาสที่จะกลับเข้ามาในภูมิภาคนี้ได้อย่างเต็มตัว กลุ่มนี้สูญเสียฐานที่มั่นทางดินแดนแห่งสุดท้ายในซีเรียไปเมื่อปี 2019 แต่กลุ่มนี้ยังคงมีสมาชิกแฝงตัวอยู่ในซีเรีย ตามรายงานของนิวยอร์กไทมส์ [14][18]
กลุ่มสมาชิกและครอบครัวของพวกเขา (ISIS) ยังคงแฝงตัวอยู่ในซีเรีย เครดิตภาพ: Sky News
ประจวบกับช่วงเปลี่ยนผ่านอำนาจในสหรัฐอเมริกา พรรคเดโมแครตกำลังทิ้งทวนและสร้างภาระผูกพันด้านการต่างประเทศไว้ให้ทีมของทรัมป์ โดยปกติแล้วพรรครีพับลิกันจะใกล้ชิดกับล็อบบี้ยิสต์ชาวตุรกี ในขณะที่พรรคเดโมแครตมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับล็อบบี้ยิสต์ชาวกรีซและชาวอาร์เมเนีย จริงอยู่ที่ “บ็อบ เมเนนเดซ” พันธมิตรสำคัญคนหนึ่งในวุฒิสภา (พรรคเดโมแครต) ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานรับสินบนจากนักธุรกิจชาวอียิปต์เมื่อไม่นานนี้ [19]
แต่การกล่าวว่าทีมงานใหม่ของทรัมป์เข้าข้างฝ่ายตุรกีนั้นก็เชื่อได้ยาก “มาร์โก รูบิโอ” ว่าที่รัฐมนตรีต่างประเทศคนต่อไปสนับสนุนความร่วมมือด้านการทหารและพลังงานกับกรีซอย่างแข็งขัน แม้ว่าจะขัดต่อผลประโยชน์กับตุรกีก็ตาม “ไมค์ วอลซ์” ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของทรัมป์เสนอให้คว่ำบาตรตุรกีในกรณีสงครามกับชาวเคิร์ด และ “ตุลซี แกบบาร์ด” ว่าที่หัวหน้าหน่วยข่าวกรองคนใหม่ก็เคยเป็นทหารผ่านศึกในสงครามซีเรียและเคยเดินทางเข้าพบกับบาชาร์ อัล-อัสซาด [20]
ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลชุดใหม่สหรัฐภายใต้ทรัมป์กับตุรกีจึงมีแนวโน้มว่าจะมีปัญหาอย่างแน่นอน ในขณะเดียวกัน ทรัมป์อาจเร่งดำเนินการตามแผนถอนทหารสหรัฐฯ ออกจากซีเรีย ซึ่งเขาได้เริ่มดำเนินการไปแล้วตั้งแต่ปี 2020 นอกจากนี้ฐานทัพสหรัฐในอิรักก็ค่อยๆ ปิดตัวลง และหากไม่มีฐานทัพเหล่านี้ เพนตากอนจะประสบปัญหาอย่างมากในการจัดหากำลังทหารในซีเรีย [21]
ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่าตุรกีก็พยายามใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่สหรัฐอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน และท่าทีของสหรัฐฯ ในตะวันออกกลางที่อ่อนลงในช่วงนี้ ฝ่ายไบเดนซึ่งจะพ้นวาระอยู่แล้วก็คงไม่อยากรับรู้อะไรแล้วปล่อยให้มันเป็นไป และดีเสียอีกมีคนมารับภาระต่อไปในความขัดแย้งครั้งใหม่ในตะวันนออกกลาง เป็นใครไปไม่ได้ก็คือ ทรัมป์!
เครดิตภาพ: Sahab Zaribaf/Middle East Images/AFP via Getty Images / Politico
เรียบเรียงโดย Right Style
1st Dec 2024
  • เชิงอรรถ:
<เครดิตภาพปก: (บน) - SERGEI KARPUKHIN / Geopolitica.RU, Reuters (ล่าง) - Anas Alkharboutli / dpa / Scanpix>
โฆษณา