1 ธ.ค. เวลา 03:46 • ความคิดเห็น
คำว่า จิตวิญญาณ นั่น ที่เคยได้ยินพระ ท่านพูดให้ฟัง คำนี้ใช้เรียก จิตที่ไม่มีกาย เป็นลักษณะที่เรียกว่า เป็นเส้นสายของวิญญาณ ยังไม่มีที่อาศัย ..ทำนองเร่ร่อน บางที่ก็เป็นคล้ายตัวหนอน ยืดได้หดได้ จิตวิญญาณนั้น ..ก็มีสายของวิญญาณ .ในเรื่องพิธีกรรม ท่องคาถาอาคม ปลุกเสก เครื่องรางของขลัง ตุ๊กตา..อะไรต่างๆ ตะกรุด ผ้ายันต์ สักยันต์.ก็ไปเรียกร้อง ไปดึงจิตพวกนี้ ลงไปเกาะ เหมือนถูกล่ามโซ่ ติดอยู่กับสิ่งนั่น ..บางที่ไปอยู่กับหุ่นตุ๊กตา .ก็จะแสดงภาพ ตามหุ่นตุ๊กตาให้เห็นบ้าง
เช่นเรื่องชูชก ..ก็มีคนเอาหุ่นชูชกมาบูชา เชื่อว่าทำให้ ร่ำรวย ชูชกขออะไรก็ได้ ..โอ้ว.อารมณ์อุปทาน ..ก็เชื่อ ..ชูชกนั้นตกนรก ..ไปไหนไม่ได้ ..ไอ้ที่ไปเกาะหุ่นชูชก ..นั้น มันพวกจิตเร่ร่อน มันมีมากมาย ..พอเห็นอะไรวับๆ ที่หุ่นก็ลงไปเกาะ นั่นก็เรื่องไสยศาสตร์มนต์ดำไปเรียกร้องมา มันก็เลยมีผู้ที่โลภ ..หลงไปทำ ไปยึด ..เพื่ออยากมีกรรม ..ทำให้คนนั้นหลงใหล ..จิตต้องล่มจมอยู่กับโคลนตมไสยศาสตร์มนต์ดำ ..ยากที่จะแก้ไข้ ..ยกกายยกจิต..ให้มีกายเป็นบุญ .มันก็ต้องมีแต่ทุกข์ ..เรื่องราวของความทุกข์ ทุกข์กายทุกข์ใจ
ในคำว่า จิตวิญญาณ ..มันมีความหมายกว้าง . รวมไปถึง สิ่งที่เรียกว่า ตัวกระทำไสยศาสตร์ ที่เกิดขึ้น จากพวกที่ท่องบ่นคาถาอาคม ..ท่องเป็นวักเป็นเวร ..เรียกร้อง ..กรรมมาใส่ตัว ..ทำให้ตัวเองเดือดร้อน ผู้อื่นเดือดร้อน .แต่กรรนนั่น ก็ปกปิดไม่ให้รู้จักสิ่งเหล่านี้ กลับเห็น กงจักรเป็นดอกบัว ..กงจักร มีบั่นทอนจิตของตน ลงนรก .
เอาเรื่องราวของตัวเราเอง ..ที่พูดกันว่า ขันธ์ห้า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ..ที่จิตเราอาศัยอยู่ในกายที่พ่อแม่ให้มา ..เรารู้จักอะไรบ้างในตัวตน ที่อาศัยกาย อาศัยขันธ์ห้านี้อยู่ เรารู้จักขคำว่า วิญญาณได้มั้ย เราจับต้องได้มั้ย ..ในสิ่งที่เรียกว่า ตาหูจมูกลิ้นกายใจ สัมผัส รูปรสกลิ่นเสียงต่างๆ เรารู้จักวิญญาณทั่งหดนั้นเป็นอย่างไร แล้วในสิ่งที่เรียกว่า วิญญาณทั้งหกที่เราใช้อยู่นั้น มีความสามารถที่จะไปรับรู้จัก จิตวิญญาณที่ไม่มีกายได้มั้ย .
แล้วเรื่องราวเหล่านี้ เมื่ออยากจะรู้จักจิตวิญญาณ ..วันหนึ่ง เราก็จะไม่มีกายที่อาศัย จะเหลือแต่คำว่า จิตวิญญาณ ..ถึงเวลานั่น มันก็สายไปเสียแล้ว ..เพราะจะเรียนรู้จักสิางเหล่านี้ได้ ก็ตอนที่มีกายเป็นมนุษย์อยู่ ..เรียนรู้จัก ..จิตวิญญาณที่ไม่มีกายนั้นมีสภาพทุกข์ร้อน อย่างไร เป็นสุขหรือเป็นทุกข์เมื่อไม่มีกาย ..ถึงวันที่เราเหล่อแต่จิตวิญญาณ ..เราจะเป็นอย่างไร ..มีสุขหรือมีทุกข์ ..
เคยไปงานศพ ..วัดแห่งหนึ่ง มีจิตวิญญาณ ที่เค้าทุกข์ มายืนเข้าแถวเป็นเหมือนกองทหารเป็นหันคน ตัวดำๆ กันทั้งนั้น มีผู้คุมหัวหน้า .เค้ามายืนรอคอย เพื่อจะขอรับบุญกุศล ..เพราะอดยากหิวโหย ..มันก็เกิดเป็นคำถามว่า ทำไมจิตวิญญาณเหล่านั้น ต้องการบุญ ..
แล้วบุญนั้นมีลักษณะอย่างไร ..บุญนั้นเกิดจากอะไร ..จิตเป็นบุญที่เค้าต้องการดับความหิวโหยของเค้า .บางทีก็มีจิตวิญญาณ..ที่ดี ..เวลาเค้ามาก็ร่มเย็นสบายสดชื่น ..นี่ก็ภายในวัดสถานที่เดียวกัน ..จิตวิญญาณที่ดี ..กับจิตวิญญาณที่ไม่บุญ ..อดอยาก เค้าก็แยกที่กันอยู่ ไม่ยุ่งเกี่ยวกัน
เมื่อถามว่า เชื่อเรื่องจิตวิญญาณมั้ย ..เราก็เป็นจิตวิญญาณดวงหนึ่งที่มาอาศัยกายพ่อแม่เป็นมนุษย์ ..เราก็เรียนรู้ ..เรื่องที่เราไม่รู้ จิตวิญญาณของตัวเองให้มันรู้จัก ..จิตวิญญาณของตัวเอง ว่าวันหนึ่งเราต้องออกจากกายนี้ เราก็ตระเตรียมเสบียง ..บุญกุศลบารมี ไปกับจิตวิญญาณของเราเอง .จะได้ไม่รอคอย..ให้ใครมา..ทำให้ฉันบ้าง ..ช่วยฉันด้วย ..อดอยากหิวโหย ทุกข์ทรมานจิตเหลือเกิน
..การได้เรียนรู้พบเห็น จิตวิญญาณเร่ร่อน..แล้วย้อนมาถามตัวเอง ..ว่าเราจะเป็นเหมือนเค้ามั่ย เมื่อโอกาสยังมีลมหายใจ เราก็เรียนรู้ขึ้นมา .นั่นเป็นเรื่องราวหนึ่ง ที่พระท่านบอกให้เรียนรู้จัก ในคำว่า มะโนทะศึกษา .ในคำว่าจิตที่เกิดมาอาศัยกายมนุษย์ .กายหมูหมากาไก่..มันเอามาเรียรู้จักเรื่องราวเหล่านี้ไม่ได้เลย ..เพราะกายนั่นเป็นกรรม จิตที่อาศัยกายนั้นต้องรับกรรมอย่างเดียว ใช้กายไปสร้างเรื่องราวดีๆไม่ได้เลย
เรื่องจิตวิญญาณ มันเป็นนามธรรม ล้วนๆ จับต้องไม่ได้ เอามาพิสูจน์ให้ตาเห็น ก็ไม่ได้ สิ่งที่จะช่วยได้ ก็ใช้จิตของตนที่เป็นนามธรรมเหมืิอนกัน เรียนรู้ขึ้นมา ..
โฆษณา