Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เรื่องเล่าเมาเมาแมน
•
ติดตาม
1 ธ.ค. เวลา 10:43 • ศิลปะ & ออกแบบ
ทำไมการ์ตูนญี่ปุ่นจึงเป็นเบอร์หนึ่งของโลก ?
เคยสงสัยเรื่องนี้กันไหมครับ ว่าทำไมเป็นแบบนั้น
ทำไมคนญี่ปุ่นถึงเชี่ยวชาญเรื่องนี้นัก
ทั้งๆที่คนเขียนการ์ตูน ก็มีทั่วโลก
ทั้งที่ตลอดเวลาที่ผ่านมา ทางญี่ปุ่นก็ไม่ได้ลงทุนมหาศาล
ไปกับมัน เหมือนที่ Walt Disney , DC ทำมันให้อลังการ
เพื่อสร้างมันให้ไปทั่วโลก
ของญี่ปุ่นนี่จะเหมือนกับว่า ให้คนเขียนเขียนไป
เรื่องไหนดัง เดี๋ยวเอกชนก็จับมาทำอะนิเมะขายเองแหละ
แถมชอบทำเป็นอนิเมชั่นสองมิติธรรมดาๆ เหมือนไม่ลงทุน
และรัฐก็แทบไม่ต้องเข้าไปวุ่นวายอะไรเลย
จนดูสิ ทุกวันนี้ เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมสากลไปแล้ว
ทุกปีจะต้องมีตัวการ์ตูนญี่ปุ่น เข้าไปในงานพาเหรดวัน
ขอบคุณพระเจ้า หรือฮาโลวีนในตะวันตก หรือกีฬาใหญ่ๆ
ซึ่งแม้แต่ตัวละครมาเวลยังทำแบบนี้ไม่ได้เลย
แม้แต่จีนก็ใช้ เมื่อล่าสุด โปสเตอร์โปรโมทฟุตบอลโลก
รอบคัดเลือกที่ผ่านมาก ทางจีนเลือกใช้ ซุน โกคู
จากดราก้อนบอลมาเป็นสัญลักษณ์แทนทีมชาติญี่ปุ่น
และใช้ ซุนหงอคงจากไซอิ๋วมาแทนทีมชาติจีน
คือ ขิงกันเล็กๆแหละ ใครของแท้ ประมาณนั้น แต่น่ารักดี
…ที่การ์ตูนญี่ปุ่นยิ่งใหญ่แบบไม่มีใครทำได้ มันมีที่มาที่ไปครับ
…และมันคือซอฟท์พาวเวอร์ที่รัฐหยิบมาใช้ได้ภายหลัง
ไม่ใช่ใช้งบประมาณไปสร้างมันขึ้นมา….
โปสเตอร์บอลโลกรอบคัดเลือก จีน-ญี่ปุ่น ซุนหงอคงกับซุนโกคู
ญี่ปุ่นมีรากฐานวัฒนธรรมการ์ตูนเก่าแก่ที่สุดในโลก…
ในขณะที่โลกส่วนมากนั้น รู้จักการ์ตูนผ่านภาพล้อ
ในวัฒนธรรมตะวันตก
และให้คุณค่าแต่กับศิลปะแบบ ชิ้นเดียวในโลก
แต่ญี่ปุ่นนั้นต่างออกไป
พวกเขามีวิธีสื่อสารด้วยภาพเป็นสัญลักษณ์มาตั้งแต่สมัยโบราณ นัยว่าเพื่อให้คนไม่รู้หนังสือเข้าใจ
และสัญลักษณ์เหล่านี้ มักมีภาพคน ที่ไม่ใช่ภาพเหมือน
เข้าไปเกี่ยวข้อง หลายครั้งจะมีคำบรรยายในลักษณะ
เดียวกับการ์ตูนปัจจุบันด้วย
คือ มันเป็นงานเพื่อการสื่อสารโดยตรง
โดยไม่ได้มองว่า ต้องเป็นศิลปะอะไรนัก
เหมือนในโลกตะวันตก และในจีน
และไม่ใช่ภาพวาดเชิงศาสนา หรือเกี่ยวข้องกับรัฐ
แบบจิตรกรรมฝาผนังของไทย หรือภาพเชิงศาสนา
ในที่อื่นบนโลก
มันเป็นงานที่รับใช้ประชาชนโดยตรง
วัตถุประสงค์นี้ ค่อนข้างแหกกฎงานศิลปะยุคโบราณ
ในที่อื่นของโลก
ตอนแรกก็ภาพวาดแหละ แต่ในภายหลัง
มันถูกผลิตเป็นจำนวนมาก
ด้วยแม่พิมพ์ไม้แบบโบราณ เพื่อใช้ในการโฆษณา
ประชาสัมพันธ์จริงๆ เช่น การโฆษณาละครคาบูกิ
สถานเกอิชา เป็นต้น
…ศิลปะแขนงนี้ เราเรียกกันว่า “อุคิโยเอะ”
มันเริ่มขึ้นในศตวรรษที่ 18 หรือในญี่ปุ่นคือยุคเอโดะ
ซึ่งถือเป็นหนึ่งเดียวในโลกยุคนั้นที่มีงานลักษณะ
พาณิชย์ศิลป์ โฆษณาเช่นนี้ ….
จริงอยู่ แม่พิมพ์ไม้ อาจมีในจีนมาก่อน แต่ในจีนนั้น
มักใช้กับงานพิมพ์หนังสือมากกว่า น้อยมากที่เป็นภาพคน
หรือสัญลักษณะต่างๆ และเมื่อเป็นภาพคนก็จะไม่แจกจ่าย
และเพราะคนจีน ไม่ได้มองงานลักษณะนี้เป็นศิลปะ
เนื่องจากมันเป็นงานทำซ้ำได้ มันจึงไม่มีการพัฒนา
ให้กลายเทคนิคชั้นสูง ใส่สี มีลูกเล่นแบบในญี่ปุ่น
มันน่าจะเป็นพาณิชย์ศิลป์ แบบแรกๆของโลก
มันเทียบได้กับ pop art ของโลกตะวันตกหลังจากนั้น
อีกนับร้อยปีทีเดียว
แนวคิดในญี่ปุ่นก็แตกต่าง เมื่อมองว่า ผู้ทำแม่พิมพ์
และพิมพ์ภาพเหล่านี้เป็นศิลปิน
แนวคิดแบบนี้จึงยิ่งทำให้มันอุ้มชูธุรกิจศิลปะแขนงนี้
จนแพร่หลายไปทั่วญี่ปุ่น และทั่วโลกนั่นเอง
…อุคิโยเอะ จึงกลายเป็นพื้นฐานที่แข็งแกร่งมาก
ของศิลปินชาวญี่ปุ่น เมื่อรับวัฒนธรรมการ์ตูนเข้ามา…
…และคนญี่ปุ่น ซึ่งเคยชินกับงานลักษณะนี้อยู่แล้ว
ก็ซึมซับวัฒนธรรมการ์ตูน และสัญลักษณ์ได้ดีกว่าใคร
เพราะมันไม่ได้ถูกจำกัดไว้ในหมู่ศิลปินแบบในตะวันตก
เมื่อเป็นแบบนั้น การ์ตูนก็กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของ
วัฒนธรรมญี่ปุ่นได้ง่าย และกลมกลืน
เราจะเห็นว่าแม้แต่ปัจจุบัน คนญี่ปุ่นก็ยังสื่อสาร
ด้วยการ์ตูนในแทบทุกเรื่อง มากกว่าใครในโลกนั่นเอง….
…พื้นฐานขนาดนี้ จะไม่โปรกว่าชาวบ้านก็แปลกล่ะครับ…
“อุคิโยเอะ”รากฐานการ์ตูนญี่ปุ่น และมีแต่คนญี่ปุ่นในยุคนั้นเท่านั้น ที่มองว่ามันคือศิลปะ ไอ้รูปที่สอง รูปคลื่นเนีย โด่งดังไปทั่วโลก ทุกคนคงเคยเห็นแหละ เป็นผลงานของศิลปินนาม Hokusai ซึ่งปัจจุบันได้รับการยกย่องเทียเท่าแวนโกะห์ที่เดียว ราคาภาพแท้นั้นไม่ต้องพูดถึงครับ ไม่น้อยกว่าของแวนโก๊ะห์แน่
เนื้อหาที่เป็นสากล คืออีกกุญแจความสำเร็จ…
เรามักเข้าใจว่าการสื่อสารซอฟท์พาวเวอร์นั้น
จะต้องส่งออกลักษณะเฉพาะของประเทศนั้นๆออกไป
เช่น กรณีหนังแดจังกึมของเกาหลี ที่บุกเบิกวัฒนธรรม
ของเกาหลีต่อสากล และหนังกังฟูจากจีน
แต่ความจริงแล้ว ความสำเร็จการ์ตูนญี่ปุ่นบอกเราว่า
แนวคิดลักษณะนี้น่าจะผิดอย่างสิ้นเชิง
การ์ตูนญี่ปุ่นนั้น มีเนื้อหาค่อนข้างเป็นสากล
เช่น กีฬา หรือการต่อสู้ต่างๆ ที่เข้าใจได้ง่าย ไม่เฉพาะ
ที่จริงแล้ว การ์ตูนต่อสู้ของญี่ปุ่นแทบทุกเรื่อง
อิงกับกังฟูจากจีนเสียด้วยซ้ำ ในหลายแง่
ต่อให้จะพยายามบอกว่า คาราเต้เจ๋งกว่า
และคนญี่ปุ่นเก่งที่สุดก็ตาม
แต่พวกเขาก็ฉลาดพอ ที่จะใส่ความเป็นญี่ปุ่นเข้าไปแบบเนียนๆ
…ใครบ้าง ไม่รู้จักโดรายากิ ขนมประจำตัวโดราเอมอน…
…บะหมี่กระป๋อง ก็ถูกส่งออกทางวัฒนธรรม
สมัยผมเด็กๆ มันไม่ได้มีขายเกลื่อนแบบทุกวันนี้นะ
เด็กผู้ชายที่อ่านการ์ตูน จะอยากลองมาก เพราะมันโผล่
ในการ์ตูนแทบทุกเรื่องเลยก็ว่าได้…
…เช่นเดียวกับอาหาร และวัฒนธรรมแบบญี่ปุ่นอื่นๆ
ที่ถูกใส่ลงไป แม้ว่าเนื้อหาจะไม่เกี่ยวกับความเป็นญี่ปุ่นแท้ๆ
เลยก็ตาม….
การสื่อสารของการ์ตูนญี่ปุ่นนั้นเนียน และกลืนไปกับ
ความเป็นสากลได้อย่างมาก โดยที่ไม่ต้องเป็นญี่ปุ่นจ๋าเลย
สิ่งเหล่านี้ทำให้โลกอยากลอง อยากรู้จักพวกเขามากขึ้น
มันมีผลต่อสินค้าของพวกเขา จนในยุคนั้น พวกเขา
คือผู้ส่งออกสิ่งต่างๆมากที่สุดในโลก
…จะมีใครกล้าปฏิเสธล่ะ ว่าการ์ตูนญี่ปุ่น ไม่มีส่วนช่วยผลักดัน
อุตสาหกรรมอื่นๆ ของพวกเขา แม้แต่ในวันนี้ก็ตาม….
เท่าที่หาข้อมูลมา ในอดีตนั้น รัฐบาลญี่ปุ่นไม่ได้มีเจตนา
หรือจงใจผลักดันสิ่งเหล่านี้อะไรมากนัก
แต่มันเกิดจากเอกชน ที่เที่ยวได้เร่ขายงาน เพื่อธุรกิจ
ของตัวเองเสียมากกว่า
ในอดีตนั้น การ์ตูนญี่ปุ่น มีค่าลิขสิทธิ์ที่ถูกกว่า
สื่อบันเทิงฝั่งอเมริกามาก หลายชาติจึงเลือกเอาไป
พิมพ์ หรือฉายออกอากาศ จนคนติดกันงอมแงม
ปัจจุบัน วงการการ์ตูนญี่ปุ่นนั้น มีมูลค่าสูงเกือบที่สุด
ในสื่อบันเทิงทั่วโลก เป็นรองเพียง ฮอลลีวูด และพรีเมียร์ลีก
อังกฤษเท่านั้น และสูงกว่าเคป็อปที่รัฐอุดหนุนงบหลายเท่า
และการ์ตูนญี่ปุ่น ก็ยังคงรักษาวิถีดั้งเดิม
ที่นิยมใช้ภาพสองมิติในการสื่อสาร
มากกว่าจะใส่ความสมจริงแบบสามมิติเข้าไปแบบ
พวกการ์ตูนดิสนีย์ หรืออนิเมชั่นจากจีนแผ่นดินใหญ่
ด้วยเทคโนโลยีปัจจุบัน มันจึงยิ่งทำให้การ์ตูนญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม
มีต้นทุนต่ำลงกว่าเดิมมาก สวนทางกับลิขสิทธิ์
ที่มีราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ และคนเข้าถึงก็มากขึ้นเรื่อยๆ
การ์ตูนญี่ปุ่น ยังแทบไม่ถูกปิดกั้นที่ไหนเลย
อาจมีการเซ็นเซอร์บ้าง ตามวัฒนธรรม กฎหมาย
ของแต่ละที่ แม้แต่ในจีน พวกเขาก็ไม่ได้แบนการตูนญี่ปุ่น
ดราก้อนบอลภาคใหม่ คือไดม่านั้น ยังคงอยู่บนแพลตฟอร์มจีน
และได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลาย
โรคอาหรับ ก็ดูการ์ตูนญี่ปุ่นกันเป็นล่ำเป็นสัน
ซึ่งน้อยมากที่จะมีสื่อไหนทำได้แบบนี้
…ตลาดของมัน จึงมีแต่โตขึ้นๆ และสร้างรายได้เข้าญี่ปุ่น
โดยก้าวข้ามข้อจำกัดต่างๆ อย่างเหลือเชื่อ….
ย้อนกลับมาดูที่ไทย ซึ่งกำลังผลักดันซอฟท์พาวเวอร์สิ
…ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่…
เราพยายามยัดเยียดความเป็นไทย จนเฝือหรือไม่ ?
มันมีความจำเป็นจริงๆเหรอ ที่ต้องทำแบบนั้น ?
หน่วยงานรัฐที่เข้ามาส่งเสริม ก็ยิ่งพาให้เสีย
เมื่อการพิจารณาอุดหนุนเงิน ต้องให้สื่ออะไรก็ตามนั้น
สื่อความเป็นไทยแบบตรงๆ
…มันตลก ที่เราทำแบบนั้น….
…เราอาจบอกว่า เกาหลีใต้ใช้วิธีนี้สำเร็จมาแล้ว มันก็ใช่…
….แต่ถ้าถามว่าเทียบกับการ์ตูนญี่ปุ่นล่ะ เป็นอย่างไร…
ในขณะที่ K-pop ปัจจุบัน ดูมีอนาคตไม่แน่นอนแล้ว
เหมือนจะมาไวไปไว
แต่การ์ตูนญี่ปุ่นกลับยิ่งโตขึ้นเรื่อยๆ
มันคงไม่ยากนักหรอก ถ้าจะบอกว่าวิธีของญี่ปุ่นหรือเกาหลี
วิธีไหนที่ดี และยั่งยืนกว่า….
พูดถึงการ์ตูน ผมเสียดายมาก
ที่คนไทยมองมันเป็นเรื่องเด็กๆ
จนละเลย ไม่ส่งเสริมมาตลอด
ไม่ใช่แค่ภาครัฐ เอาพ่อแม่นี่ก็เหอะ ถ้าลูกวาดภาพเหมือน
ภาพลายไทย ภาพเปอร์ฯ ก็จะถูกชื่นชม
ส่วนเด็กวาดการ์ตูนกลับถูกดุด่า
ทั้งที่มันมีคุณค่า ทั้งในทางศิลปะ และธุรกิจไม่ต่างกันเลย
…หรือเรายังไม่เข้าใจคำว่าศิลปะดีพอ ???….
ถ้าเป็นแบบนั้น มันก็คงไม่ต้องมาพูดเรื่องซอฟท์พาวเวอร์แล้ว
จะขายรำไทย มวยไทย ผีไทย อาหารไทย
แบะหนังประวัติศาสตร์ไทยอย่างเดียว
มันไม่มีทางได้เกิดหรอกครับ…
ในเมืองไทย บุคลากรสายการ์ตูนเก่งๆเยอะแยะ
ทุกวันนี้นี้ก็มีลักษณะเป็นโปรดักชั่นเฮาส์ให้คนอื่นทั่วโลก
…ถ้ารู้จักทำให้ดี การ์ตูนไทย ก็น่าจะไปได้แหละ…
แต่อย่างที่บอก ไม่ใช่ไปบังคับให้เขียน มวยไทย รำไทย
หรืออะไรที่มันไทยจ๋าเกินไปล่ะ มันไม่มีประโยชน์….
2
โกคูมานิวยอร์กแทบทุกปีแหละ ปีนี้มากับลูฟี่ด้วย
ความคิดเห็น
ญี่ปุ่น
ธุรกิจ
1 บันทึก
12
4
1
1
12
4
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย