1 ธ.ค. เวลา 14:44 • การศึกษา

| ทฤษฎีเกม (Game Theory) : โครงสร้างการตัดสินใจ สำหรับการสร้างกลุยทธ์เหนือเมฆทุกระดับ 🎮♟️

ทฤษฎีเกมคืออะไรกันนะ?
ทฤษฎีเกม (Game Theory) เป็นศาสตร์ที่ศึกษาการตัดสินใจในสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับผู้เล่น (Players) หลายฝ่าย ซึ่งการตัดสินใจของแต่ละฝ่ายจะส่งผลต่อผลลัพธ์โดยรวม ไม่ใช่แค่ในเกมกระดานหรือวิดีโอเกมเท่านั้น แต่รวมถึงการต่อรองทางธุรกิจ การแข่งขันทางการตลาด และแม้แต่กระทั้งการวางนโยบายระหว่างประเทศ! 🧠✨
ในเชิงคณิตศาสตร์ ทฤษฎีเกมมุ่งเน้นการค้นหากลยุทธ์ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผู้เล่นแต่ละคนในสถานการณ์ที่มีเงื่อนไขและผลประโยชน์แตกต่างกัน
เป้าหมายของทฤษฎีเกม
  • 1.
    เข้าใจเกมและผู้เล่น : วิเคราะห์ว่าใครอยู่ในเกมนี้บ้าง ใครต้องการอะไร และใครถือไพ่เหนือกว่า
  • 2.
    สร้างกลยุทธ์ที่ชาญฉลาด : หาวิธีที่ดีที่สุดเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับเรา
  • 3.
    คาดการณ์อนาคต : ทำนายการตอบสนองของคู่แข่ง หรือแม้แต่คาดเดากลยุทธ์ของพวกเขาก่อนที่เกมจะเริ่ม
ศัพท์เบื้องต้นที่ควรรู้
  • 1.
    Players ( ผู้เล่น ) : ทุกคนที่มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ เช่น คนสองคนกำลังเล่นหมากรุก หรือบริษัทสองแห่งกำลังแข่งขันกัน
  • 2.
    Strategies (กลยุทธ์) : ทางเลือกหรือแผนที่ผู้เล่นแต่ละคนสามารถเลือกใช้ เช่น ในหมากรุก คุณอาจเลือกบุกเร็วหรือเล่นป้องกัน
  • 3.
    Payoff (ผลตอบแทน) : สิ่งที่ผู้เล่นจะได้รับจากการเลือกกลยุทธ์ เช่น ชนะ, แพ้, กำไร หรือขาดทุน
  • 4.
    Nash Equilibrium (จุดสมดุลแนช) : สถานการณ์ที่ไม่มีใครได้เปรียบหากเปลี่ยนกลยุทธ์ฝ่ายเดียว เช่น ทั้งสองฝ่ายไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงแผน เพราะจะทำให้ผลลัพธ์แย่ลง
ตัวอย่าง : Prisoner’s Dilemma ในธีมโจรสลัด 🏴‍☠️
สถานการณ์ : มีโจรสลัด 2 คนคือ กัปตันแจ็ค และ ลูกเรือจอห์น ทั้งสองร่วมกันปล้นสมบัติจากเรือพ่อค้า แต่ถูกจับโดยกองทัพเรือ พวกเขาถูกขังแยกกันและได้รับข้อเสนอ ตามนี้เลย
  • 1.
    ถ้า แจ็ค ทรยศ (Snitch) โดยบอกที่ซ่อนสมบัติ และ จอห์น ไม่ทรยศ (Silent) แจ็คจะได้รับอิสระพร้อม 50% ของสมบัติ ส่วนจอห์นจะถูกแขวนคอ ⚔️
  • 2.
    ถ้าทั้งคู่ทรยศ (Snitch ทั้งคู่) ทั้งคู่จะถูกลงโทษเบาๆ โดยแบ่งสมบัติ 10% ให้คนละส่วน 💰
  • 3.
    ถ้าทั้งคู่ไม่ทรยศ (Silent ทั้งคู่) ทั้งคู่จะได้อิสรภาพพร้อมแบ่งสมบัติคนละ 50% แต่ต้องต่อสู้เพื่อหนีจากคุกด้วยตัวเอง 🗝️
วิเคราะห์:
ถ้าคุณคือ แจ็ค คุณจะคิดว่า:
  • ถ้า จอห์น เงียบ คุณควรทรยศ เพราะคุณจะได้สมบัติ 100% และอิสรภาพ
  • ถ้า จอห์น ทรยศ คุณก็ควรทรยศเหมือนกัน เพราะจะได้อย่างน้อย 10% ดีกว่าถูกแขวนคอ
ในทางกลับกันจอห์นก็คิดเช่นนี้ เหมือนกัน และ ทั้งคู่ก็เลือกทางที่ดีที่สุดสำหรับตนเอง
ผลลัพธ์ก็คือ...
ทั้งคู่จะเลือกทรยศ (Snitch) อย่างแน่นอน และได้สมบัติแค่ 10% คนละส่วน แม้จะเสียโอกาสได้สมบัติมากกว่านี้
บทเรียนจากตัวอย่างนี้ เราเรียนได้ว่าอะไรบ้าง ??
Prisoner’s Dilemma แสดงให้เห็นถึงการขาดความไว้วางใจและการกลัวเสียเปรียบ (Fear of Missing Out) ที่ทำให้คนเลือกทางที่ "ปลอดภัย" แต่ไม่ใช่ทางที่ดีที่สุดร่วมกัน การวิเคราะห์นี้ช่วยให้คุณผู้อ่าน เข้าใจกลยุทธ์ที่เกี่ยวข้องกับความร่วมมือและการทรยศในสถานการณ์ที่มีผลประโยชน์ร่วมกันอย่างชัดเจน! 🚢✨
เมื่อเราเข้าใจพื้นฐานของ ทฤษฎีเกม แล้ว ไม่ว่าจะเป็นผู้เล่น (Players), กลยุทธ์ (Strategies), หรือผลตอบแทน (Payoff) ก็เหมือนกับการได้เครื่องมือชุดแรก แต่แค่พื้นฐานยังไม่พอสำหรับการพลิกสถานการณ์หรือเอาชนะในสนามที่ซับซ้อนได้
ในตอนต่อๆไปของซีรีย์นี้ เราจะพาคุณผู้อ่านลงลึกไปใน กลยุทธ์ขั้นสูง เช่น Nash Equilibrium เป็นต้น ว่ามันทำงานอย่างไรในสถานการณ์จริง และทำไมมันถึงสำคัญในโลกธุรกิจ การเจรจา หรือแม้กระทั่งเกมกระดานธรรมดาๆ 🎯
โฆษณา