1 ธ.ค. เวลา 23:05 • ประวัติศาสตร์

โรงยาฝิ่น

“โรงยาฝิ่น”
ในอดีต วัดสัมพันธวงศ์ (วัดเกาะ) เป็นที่ว่าการอำเภอสัมพันธวงศ์ และ สถานตำรวจนครบาลสัมพันธวงศ์ (ปัจจุบันคือ สถานตำรวจนครบาลพลับพลาไชย เขต ๒) ซึ่งแบ่งท้องที่ออกเป็น ๒ ส่วน คือ;
เยาวราชไปจนถึงถนนปทุมคงคา เป็นส่วนที่มีคนอยู่อย่างอึกทึก มีโรงมหรสพ มีโรงแรม มีภัตตาคาร มีร้านอาหาร มีโรงยาฝิ่น มีสถานที่เล่นการพนัน มีสถานที่บริการทางกามารมณ์ มีผู้คนไปมาตลอดคืนตลอดวัน มีเสียงดังตลอดเวลา
 
ตลาดน้อย เป็นที่อยู่อาศัย เป็นที่ประกอบอาชีพต่างๆ ที่ไม่ค่อยมีเสียง เมื่อหมดเวลาแล้วก็เงียบสงบ ปราศจากเสียงดังรบกวน มีวัดพระพุทธศาสนา คือปทุมคงคา (วัดสำเพ็ง), วัดกาลหว่าร์ (วัดแม่พระลูกประคำ)
โรงยาฝิ่น หรือ สถานที่ซึ่งจัดไว้สำหรับให้คนที่ติดยาสูบฝิ่น คือ:-
“เยาวราช” แบ่งพื้นที่ออกเป็น ๒ ส่วน คือ ที่ถนนพาดสาย และ ที่ตรอกน่ำแช (ใกล้กับโรงภาพยนตร์เท็กซัส)
“ตลาดน้อย” แบ่งพื้นที่ออกเป็น ๓ ส่วน คือ วัดคริสต์ (ในอดีตเป็นที่ตั้งของ โป่วโล่ง “โรงทอผ้า” ต่อมาได้ปรับเปลี่ยนเป็นสลัมเรียกว่า “ย่งเฮงลี่”) ปัจจุบันคือ วัดกาลหว่าร์ (วัดแม่พระลูกประคำ), ตรอกผีดิบ (ที่ของทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ปัจจุบันชื่อซอยแฟลตทรัพย์สิน), และที่ของตระกูลโปษยจินดา (มีเนื้อที่ ๑๐๐ วา เป็นสลัมจำนวน ๓๐ หลัง เสียค่าเช่าเดือน ๑๐ - ๒๐ บาท)
โรงยาฝิ่น ลักษณะเหมือนอาคาร หรือ โรงเรียน มองดูทึมๆ เหมือน “ซ่อง” แสงสว่างมีไม่มากนัก ภายในแบ่งเป็นห้องเล็กๆ ค่อนข้างแคบ บรรจุคนได้ไม่เกิน ๔ - ๕ คน ยกแคร่สูงแค่หัวเข่า บนแคร่ปูด้วยเสื่อผิวไผ่ มีหมอนหิน รูปสามเหลี่ยมขนาดพอรองต้นคอ (ทำด้วยกระเบื้อง), บ้องสูบยาฝิ่น ตะเกียงน้ำมันมะพร้าวชนิดหลอดหนา
อัฐบริขารที่ใช้ในการสูบฝิ่น แผ่นใบลานขนาดเล็กปลายฝ่ามือ ๒ - ๓ ชิ้น เหล็กแหลมเรียวรูปร่างคล้ายเข็มโคร์เชต์ ยาวราว ๑ คืบ เรียกว่า “ไม้ตะเกียะ” ใช้เขี่ยคลึงขณะย่างลนฝิ่น หรือใช้ทุ่มหรือเจาะเม็ดฝิ่น แล้วก็ยังมี กา ถาดถ้วยน้ำชาจีนกระเบื้องเล็กๆ อีกชุดหนึ่ง, ฝาผนังห้องมีตะขอแขวนเสื้อกางเกง ขณะสูบฝิ่นต้องถอดเสื้อกางเกง เหลือแต่กางเกงใน หรือ เสื้อกล้ามตัวเดียว ข้าวของในห้องสูบฝิ่น ล้วนแต่เก่าโบราณ นักเลงยาฝิ่นถือกันว่ายิ่งเก่าเท่าไหร่ ก็ยิ่งดูขลังศักดิ์สิทธิ์ขึ้นเท่านั้น
ผู้เข้าไปสูบฝิ่นจะเอาเงินให้ อาแปะขี้ยาประจำโรงยาฝิ่น ไปซื้อฝิ่น ซึ่งเป็นฝิ่นของสรรพสามิต ในหลอดตะกั่วสีขาวหม่น รูปร่างเหมือนกระสุนปืนออโตฯ ๑๑ มม. แต่ปลายยาวเรียวกว่า
บรรยากาศโรงยาฝิ่น ไม่มีอะไรวุ่นวายเอะอะมะเทิ่ง เงียบสงบ สุขุมเยือกเย็น มีแต่เสียงคุยกันพึมพำแผ่วเบา ใครมีความลับอะไร มาเปิดเผยกันตรงหน้าบ้องฝิ่น โรงฝิ่นจึงเป็นสถานที่รวมของคนจีน และผู้คนหลากหลายอาชีพ และเป็นแหล่งหาข้อมูลข่าวสำคัญของผู้คนในยุคนั้น
จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ประกาศเลิกเสพฝิ่นเด็ดขาด เมื่อวันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๐๒ มีการเผาฝิ่นและอุปกรณ์สูบฝิ่นที่ท้องสนามหลวง นับเป็นการเผาฝิ่นครั้งที่ ๒ ของไทย หลังจากการประกาศเผาครั้งแรกในรัชกาลที่ ๓
เมื่อฝิ่นกลายเป็นของต้องห้าม ยาเสพติดตัวใหม่ของบรรดาอัศวินในหมู่สิงห์อมควัน ก็คือ “เฮโรอิน”
Sl.
ข้อมูลจาก เจริญ ตันมหาพราน
โฆษณา