2 ธ.ค. เวลา 08:01 • ประวัติศาสตร์

เกมส์ชิงอำนาจของสองขั้วอำนาจแห่งอิตาลี

ในยุคเรเนสซองส์ของอิตาลี เป็นยุคที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง
1
ในยุคนั้นเป็นยุครุ่งเรืองของการศึกษาและการค้า โดยเฉพาะทางเหนือนั้น เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของความรุ่งเรือง
หากแต่ความรุ่งเรืองเหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากปราศจากตระกูลใหญ่ที่คอยอุปถัมภ์เหล่าศิลปิน โดยเฉพาะในสมัยศตวรรษที่ 14 15 และ 16
ตระกูลใหญ่เหล่านี้จะคอยสนับสนุนเหล่าศิลปินให้สร้างงานที่มีคุณภาพ ทำให้เกิดความรุ่งเรือง หากแต่กระนั้น เบื้องหลังความโอบอ้อมของตระกูลเหล่านี้ ก็คือเกมส์การเมือง การแย่งชิงอำนาจ รวมทั้งสังหารทุกคนที่ขวางทาง
หนึ่งในตระกูลที่ทรงอิทธิพลและเป็นผู้อุปถัมภ์รายใหญ่ก็คือตระกูล “เมดิชี (Medici)” แห่งฟลอเรนซ์
หากแต่ตระกูลเมดิชีก็เกือบถูกกวาดล้างตระกูลในปีค.ศ.1478 (พ.ศ.2021)
เรื่องราวเป็นอย่างไร ผมจะเล่าให้ฟังครับ
ความรุ่งเรืองของตระกูลเมดิชีเริ่มขึ้นจากการนำของ “จีโอวานนิ เดอ เมดิชี (Giovanni de Medici)“
จีโอวานนิ เดอ เมดิชี (Giovanni de Medici)
จีโอวานนิเป็นนักการเมืองและนายธนาคารที่เก่งกาจ เขาเป็นผู้ก่อตั้ง “ธนาคารเมดิชี (Medici Bank)” และขยายสาขาไปทั่วอิตาลี และด้วยการสนับสนุนขั้วอำนาจในกรุงวาติกันถูกฝั่ง ทำให้ธนาคารเมดิชีกลายเป็นธนาคารใหญ่ของกรุงวาติกัน เป็นนายทุนคนสำคัญ
จีโอวานนิเสียชีวิตในปีค.ศ.1429 (พ.ศ.1972) และผู้ที่ขึ้นมาเป็นผู้นำตระกูลคนต่อมาก็คือ “โคซิโม เดอ เมดิชี (Cosimo De Medici)” บุตรชายของจีโอวานนิ
ในช่วงแรกที่ขึ้นเป็นผู้นำตระกูล โคซิโมต้องทำสงครามทางการเมืองกับเหล่าผู้ท้าทายอำนาจในฟลอเรนซ์ ซึ่งจบลงด้วยการที่โคซิโมต้องลี้ภัยออกจากฟลอเรนซ์
โคซิโม เดอ เมดิชี (Cosimo De Medici)
หากแต่โคซิโมก็มีอิทธิพลมากพอที่จะกลับมาได้ในปีต่อมา และจากนั้น อิทธิพลของตระกูลเมดิชีก็มีแต่จะยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นตระกูลที่ร่ำรวยและทรงอำนาจที่สุดในฟลอเรนซ์
ภายใต้การนำของโคซิโม ตระกูลเมดิชีสามารถขยายสาขาธนาคารไปนอกประเทศอิตาลี มีการเปิดสาขาอื่นในยุโรป เช่น สาขาลอนดอน สาขาบาร์เซโลนา เป็นต้น
โคซิโมเสียชีวิตในปีค.ศ.1464 (พ.ศ.2007) และ “ปีเอโร เดอ เมดิชี (Piero De Medici)” บุตรชายของโคซิโม ก็ได้ขึ้นเป็นผู้นำตระกูลแทน
ปีเอโร เดอ เมดิชี (Piero De Medici)
หากแต่เป็นโชคร้าย ปีเอโรเป็นคนที่มีสุขภาพร่างกายไม่ดีนัก และเสียชีวิตในอีกห้าปีต่อมาหลังจากขึ้นเป็นผู้นำตระกูล และ “โลเรนโซ เดอ เมดิชี (Lorenzo De Medici)” บุตรชายของปิเอโรก็ขึ้นเป็นผู้นำตระกูล
โลเรนโซนั้นเป็นคนเฉลียวฉลาด หากแต่ก็ยังมีอายุน้อยมาก เพียง 20 ปีเท่านั้น และถึงแม้ว่าเขาจะเป็นนักการเมืองที่ยอดเยี่ยม แต่เขาก็ไม่ใช่นายธนาคารที่เก่งกาจเท่าไรนัก ตลอดช่วงสมัยของโลเรนโซ สาขาของธนาคารเมดิชีหลายแห่งต้องเผชิญกับปัญหาทางการเงินและต้องปิดตัว
แต่ปัญหาทางการเงินก็ไม่ใช่ปัญหาเดียวที่ตระกูลเมดิชีต้องเผชิญในช่วงปลายศตวรรษที่ 15
โลเรนโซ เดอ เมดิชี (Lorenzo De Medici)
หลังจาก “สมเด็จพระสันตะปาปาซิกส์ตัสที่ 4 (Pope Sixtus IV)” ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปาในปีค.ศ.1471 (พ.ศ.2014) ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลเมดิชีกับองค์พระสันตะปาปาก็เริ่มจะเสื่อมถอย
ในยุคกลาง (หรืออาจจะปัจจุบันด้วย) ระบอบเครือญาตินั้นเป็นสิ่งที่พบเห็นได้ปกติในยุโรป หากแต่พระสันตะปาปาซิกส์ตัสที่ 4 ทรงไปไกลกว่านั้นมาก ทรงแต่งตั้งเครือญาติทั้งตระกูลให้ดำรงตำแหน่งสำคัญมากมาย และพยายามจะรวบอำนาจให้ตระกูลของพระองค์ขึ้นมาเป็นใหญ่ ครอบครองเมืองทั้งเมืองและที่ดินทั้งหมด
แต่ความขัดแย้งที่รุนแรงระหว่างโลเรนโซกับพระสันตะปาปาซิกส์ตัสที่ 4 ก็คือเรื่องการแย่งกันครอบครองเมืองอิโมลา ซึ่งเป็นเมืองที่โลเรนโซอ้างว่าตนได้ตกลงซื้อมาจาก “ดยุกแห่งมิลาน (Duke of Milan)” มาด้วยเงินจำนวน 100,000 ดูคัทส์
สมเด็จพระสันตะปาปาซิกส์ตัสที่ 4 (Pope Sixtus IV)
แต่พระสันตะปาปาซิกส์ตัสที่ 4 ก็ทรงชิงตัดหน้าด้วยการทำข้อตกลงกับดยุกแห่งมิลานว่าจะขอซื้อเมืองอิโมลาด้วยราคา 40,000 ดูคัทส์ หากแต่จะยอมให้หลานชายของตนซึ่งกลายเป็นลอร์ดแห่งอิโมลา ให้แต่งงานกับบุตรสาวบุญธรรมของท่านดยุก
เท่านั้นยังไม่พอ พระสันตะปาปาซิกส์ตัสที่ 4 ยังหยามหน้าโลเรนโซด้วยการทำธุรกรรมซื้อขายนี้ผ่านธนาคารเมดิชี สร้างความโกรธแค้นแก่โลเรนโซเป็นอย่างมาก และทำให้สัมพันธ์ระหว่างโลเรนโซกับพระสันตะปาปาต้องสิ้นสุดลง
เมื่อตัดสัมพันธ์กับตระกูลเมดิชี พระสันตะปาปาซิกส์ตัสที่ 4 ก็หันไปผูกมิตรกับตระกูล “ปาสซี (Pazzi)” ซึ่งเป็นตระกูลคู่แข่งของเมดิชี คอยจ้องจะขึ้นมาแทนที่เมดิชีตลอดเวลา
นอกจากนั้น พระสันตะปาปาซิกส์ตัสที่ 4 กับโลเรนโซยังขัดแย้งกันเรื่องตำแหน่งบิชอปแห่งฟลอเรนซ์ ซึ่งต่างฝ่ายต่างก็พยายามจะให้คนของตนขึ้นดำรงตำแหน่ง
ตราประจำตระกูลปาสซี
เมื่อถึงปีค.ศ.1478 (พ.ศ.2021) ศัตรูของตระกูลเมดิชีต่างมั่นใจว่าหากสามารถกำจัดตระกูลเมดิชีได้ พวกตนจะได้ครองอำนาจและความยิ่งใหญ่ทั้งหมด
เหล่าผู้ก่อการ ซึ่งก็คือคนจากตระกูลปาสซีและเหล่าเครือญาติของพระสันตะปาปาซิกส์ตัสที่ 4 ได้วางแผนสังหารโลเรนโซและน้องชาย
หากผู้นำตระกูลเมดิชีหมดลมหายใจ เหล่าผู้ก่อการก็เชื่อว่าตระกูลเมดิชีต้องล่มสลายเป็นแน่ แต่ปัญหาก็คือพี่น้องคู่นี้ไม่ค่อยออกงานคู่กันเลย แต่ผู้ก่อการต้องการจะกำจัดให้สิ้นทั้งพี่ทั้งน้อง
วิธีการสังหารในทีเดียว ก็ต้องเป็นในพิธีทางศาสนาซึ่งจะจัดขึ้นในฟลอเรนซ์ ที่ซึ่งพี่น้องจะออกงานคู่กัน และหากสองพี่น้องเสียชีวิตแล้ว กลุ่มผู้ก่อการก็จะยึดอำนาจบริหารเมืองโดยมีกองทัพที่ตั้งทัพอยู่นอกเมืองคอยสนับสนุน
การลงมือสังหารนั้นเป็นไปอย่างอุกอาจกลางพิธีทางศาสนา โดยน้องชายของโลเรนโซเสียชีวิต ส่วนโลเรนโซถูกแทงที่คอแต่ไม่ตาย และสามารถหนีออกมาได้
ถึงแม้ว่าน้องชายจะเสียชีวิต แต่โลเรนโซนั้นรอด ถึงจะบาดเจ็บแต่ก็ยังไม่ตาย และตั้งใจจะแก้แค้น
เมื่ออาการบาดเจ็บดีขึ้น โลเรนโซก็รวบรวมผู้คนในฟลอเรนซ์ ออกตามล่ากลุ่มผู้ก่อการ และสังหารผู้ก่อการทั้งหมดทิ้ง ส่วนกองทัพที่สนับสนุนกลุ่มผู้ก่อการนั้น ก็ไม่กล้ายกกำลังเข้ามาช่วยเนื่องจากมีกำลังพลเพียง 1,000 นายเท่านั้น หากแต่ประชาชนที่เข้าร่วมกับโลเรนโซนั้นมีหลักหมื่นคน
ด้วยเหตุนี้ ทำให้โลเรนโซสามารถรวบอำนาจและขึ้นเป็นใหญ่ในฟลอเรนซ์
โลเรนโซสั่งประหารบิชอปรายหนึ่ง ทำให้พระสันตะปาปาซิกส์ตัสที่ 4 ใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างในการแบนเมืองฟลอเรนซ์ และไปขอความช่วยเหลือจากเมืองเนเปิลส์ ยกทัพมาตีเมืองฟลอเรนซ์
เมืองฟลอเรนซ์ก็ตั้งรับเต็มที่ หากแต่สถานการณ์นับวันมีแต่จะแย่ลงเรื่อยๆ ทำให้โลเรนโซใช้ยุทธวิธีที่ไม่มีใครคาดคิด
นั่นคือ โลเรนโซตัดสินใจเดินทางไปเมืองเนเปิลส์ด้วยตนเองเพื่อเจรจากับ “พระเจ้าเฟอร์ดินานด์ที่ 1 แห่งเนเปิลส์ (Ferdinand I of Naples)” กษัตริย์แห่งเนเปิลส์
ปรากฎว่าพระเจ้าเฟอร์ดินานด์ที่ื 1 ทรงประทับใจในตัวโลเรนโซอย่างมาก และทรงตกลงจะถอนกำลังออกไป ทำให้พระสันตะปาปาซิกส์ตัสที่ 4 ต้องยอมเจรจาสันติภาพกับโลเรนโซ
เหตุนี้ทำให้โลเรนโซยังคงเป็นผู้ปกครองสูงสุดของฟลอเรนซ์และดำรงอยู่ไปตลอดชีวิต และในเมื่อตระกูลปาสซีล่มสลายไปแล้ว ยิ่งทำให้อำนาจของตระกูลเมดิชีแผ่ขยายสุดขีด
พระเจ้าเฟอร์ดินานด์ที่ 1 แห่งเนเปิลส์ (Ferdinand I of Naples)
แต่ถึงจะขึ้นมาครองอำนาจสูงสุด แต่โลเรนโซก็ยังไม่สามารถแก้สถานการณ์ของธนาคารเมดิชีให้ดีขึ้นได้ ทำให้สาขาธนาคารหลายแห่งต้องปิดตัว
หลังจากโลเรนโซเสียชีวิตในปีค.ศ.1492 (พ.ศ.2035) ตระกูลเมดิชีก็เริ่มเสื่อมถอย โดยตระกูลเมดิชีได้ทำข้อตกลงที่ผิดพลาดกับกษัตริย์ฝรั่งเศส ทำให้ชาวเมืองฟลอเรนซ์ลุกฮือขึ้นขับไล่ตระกูลเมดิชี
แต่ตระกูลเมดิชีก็กลับมาได้ในช่วงต้นศตวรรษที่ 16 เนื่องจากการสนับสนุนของ “สมเด็จพระสันตะปาปาลีโอที่ 10 (Pope Leo X)” ซึ่งเป็นสมาชิกตระกูลเมดิชี
สมเด็จพระสันตะปาปาลีโอที่ 10 (Pope Leo X)
และนี่ก็คือเรื่องราวของอดีตตระกูลที่เคยยิ่งใหญ่อย่างเมดิชี ตระกูลที่ฆ่าไม่ตายแห่งยุคกลางของยุโรป
โฆษณา