2 ธ.ค. เวลา 06:46 • ความคิดเห็น

Socialize: ทำไงให้ไอเดียผ่านที่ประชุม

หนึ่งในปัญหาของ Amazon คือ การทำให้ไอเดียใหม่ๆ ผ่านที่ประชุม และด้วยความที่เป็นองค์กรที่มีไอเดียใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา แต่ไม่ใช่ทุกไอเดียจะผ่านที่ประชุมได้ง่ายๆ และโดยปกติแล้ว ถ้าไอเดียไม่ดีจริง ไม่ได้รับความเห็นด้วยอย่างล้นหลาม ก็มักจะตกไปเป็นประจำ โดยเฉพาะไอเดียบางอย่างที่อาจจะทำให้คนในองค์กรบางคนได้ประโยชน์ บางคนเสียประโยชน์
วันนี้เลยมาเล่าเทคนิคที่คนในองค์กรไทยๆ ไม่ค่อยใช้กัน แต่อาจจะมีประโยชน์ โดยเฉพาะองค์กรที่มี bureaucracy ค่อนข้างมาก นั่นคือกระบวนการที่เรียกว่า socialize
หลายๆ คนเวลาที่คิดไอเดียอะไรเจ๋งๆ มาได้ ก็มักจะอยู่ดีๆ ก็นัดประชุมชาวบ้านชาวช่อง และมานั่งเล่าไอเดียที่ตัวเองคิดว่าเจ๋งให้คนอื่นฟัง เสร็จแล้วก็โดนยิงตกทุกครั้ง จนหมดกำลังใจ นี่เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่ผิดมากๆ
ลองคิดดูว่าทำไม? นั่นเป็นเพราะเวลาเรานำเสนออะไรที่แปลกใหม่ หรือไม่เคยทำมาก่อน ลองคิดดูว่าคนที่เข้าประชุมจะ react อย่างไร? โดยปกติ คนที่เข้าประชุมแบบนี้ ก็มักจะคิดว่า อะไรเป็นจุดอ่อน อะไรเป็นสิ่งที่อาจจะเป็นปัญหาได้ ตามประสาคนทั่วไปที่ระมัดระวัง ต่อให้เขาไม่ได้เกลียดเรา เขามีโอกาสที่จะทักเรื่องเหล่านี้ได้ ยิ่งเป็นคนที่เกลียดเรายิ่งแล้วใหญ่เลย
การเริ่มต้นที่ดีกลับเป็นการนัดคนที่เราสนิท มีความสัมพันธ์ที่ดีด้วย เล่าเรื่องเหล่านี้ให้เขาฟัง แต่ต้องมั่นใจว่า เขาจะไม่แอบขโมยไอเดียของเราไป เช่น เราอาจจะไป register ไอเดียนี้กับหัวหน้าของเราเอาไว้ก่อน ว่าเรากำลัง explore ไอเดียนี้อยู่ พอเรานัดคนที่เราสนิทด้วย ลองไปเล่าไอเดียนี้ให้เขาฟัง และปรึกษาว่าเขาคิดอย่างไร ไอเดียมีจุดอ่อนอะไรบ้าง ในขณะเดียวกัน เราจะได้ฝึก pitch ได้ด้วย ลองดูว่า คนฟังมีท่าทีอย่างไร ส่วนไหนน่าสนใจ ส่วนไหนไม่น่าสนใจ เป็นต้น
1
ใครที่เราเล่าแล้วสนใจมากๆ เราก็อาจจะดึงเข้ามาเป็นพวกด้วย ช่วยกันนำเสนองาน ยิ่งดีใหญ่
หลังจากนั้น ลองพยายามทำความเข้าใจโจทย์ให้ชัด ว่าไอเดียของเราช่วยอะไร ช่วยแก้อะไร ทำให้ชีวิตใครดีขึ้น ทำให้ชีวิตใครแย่ลง ลองเข้าไปคุยกับคนที่มีส่วนได้เสีย พยายามเข้าใจในมุมมองของเขาว่าเขาได้อะไร เสียอะไร และค่อยๆ fime tune ไอเดียของเรา จนเราได้ buy-in จากทุกๆ คนที่เราไปคุยด้วย
ถ้าสำเร็จ ถึงจะเข้าไปนำเสนอในที่ประชุม โดยนำเสนอในรูปแบบที่นำเสนอ paint point วิธีการแก้ปัญหาในรูปแบบของเราสั้นๆ และผลลัพธ์ที่คาดหมาย โดยไม่ต้องยืดยาวมาก ซึ่งในตอนนั้น คนส่วนใหญ่ก็จะเห็นด้วยกับไอเดียของเราแล้ว ถึงแม้วิธีนี้จะใช้เวลานานกว่า แต่การทำแบบนี้ทำให้ไอเดียของเรามีโอกาสได้นำไป implement จริงจังมากกว่ามาก และมักจะคุ้มค่ากับเวลาที่เสียไปเพิ่มครับ
ไปลองทำกันดูครับ
โฆษณา