2 ธ.ค. เวลา 09:14 • ข่าวรอบโลก

ภายใต้การประชุมสนธิสัญญาพลาสติกโลกของ UN ประเทศต่างๆ มากกว่า 100 ประเทศ

ต้องการให้สนธิสัญญาจำกัดการผลิตพลาสติก ตลอดจนจัดการกับการทำความสะอาดและการรีไซเคิลพลาสติก
โดยหลายประเทศมองว่าควรจำกัดสารตั้งต้นในการผลิตพลาสติก แต่สำหรับประเทศผู้ผลิตพลาสติก น้ำมันและก๊าซบางประเทศ มองว่าการกระทำดังกล่าวถือเป็นการล้ำเส้น
การประชุมคณะกรรมการเจรจาระหว่างรัฐบาลแห่งสหประชาชาติครั้งที่ 5 (INC-5) ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองปูซาน ประเทศเกาหลีใต้ โดยการประชุมครั้งนี้มีความพยายามที่จะบรรลุสนธิสัญญาผูกพันระดับโลกเกี่ยวกับมลภาวะพลาสติก รวมถึงพลาสติกในมหาสมุทร ให้ได้ในปีนี้ (พ.ศ.2567) แต่สุดท้ายก็ไม่สำเร็จ เนื่องจากคณะเจรจาต่าง ๆ ยังไม่มีแผนดำเนินการในเรื่องดังกล่าวที่ชัดเจน
กลุ่มประเทศผลิตน้ำมัน ซึ่งเป็นวัตถุดิบ
ผลิตพลาสติกต่อรองสุดฤทธิ์
ไม่เท่านั้นประเทศต่างๆ ยังคงความคิดเห็นที่แตกต่างกันอย่างมากในขอบเขตพื้นฐานของสนธิสัญญา จึงตกลงกันได้เพียง “เลื่อนการตัดสินใจ” ที่สำคัญและกลับมาเจรจาต่อในภายหลัง
อิงเกอร์ แอนเดอร์เซน ผู้อำนวยการบริหารโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ กล่าวว่า เป็นที่ชัดเจนแล้วว่ายังคงมีความขัดแย้งกันอยู่
ประเด็นที่สร้างความแตกแยกมากที่สุด ได้แก่ การจำกัดการผลิตพลาสติก การจัดการผลิตภัณฑ์พลาสติกและสารเคมี รวมถึงการจัดหาเงินทุนเพื่อช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนาในการนำสนธิสัญญาไปปฏิบัติ
ด้าน หลุยส์ วายาส วัลดิวิเอโซ (Luis Vayas Valdivieso) ประธานการประชุม กล่าวว่า รายละเอียดของการประชุมในครั้งนี้อาจเป็นพื้นฐานของสนธิสัญญา แต่ยังคงเต็มไปด้วยทางเลือกในประเด็นละเอียดอ่อนต่าง ๆ มากมาย
จูเลียต คาเบรา ผู้อำนวยการทั่วไปของสำนักงานจัดการสิ่งแวดล้อมแห่งรวันดา กล่าวว่า สนธิสัญญาเป็นมาตรการโดยสมัครใจเท่านั้น จึงไม่เป็นที่ยอมรับ
“ถึงเวลาที่เราจะต้องจริงจังกับเรื่องนี้และเจรจาสนธิสัญญาที่เหมาะสมกับจุดประสงค์ ไม่ใช่สร้างมาให้ล้มเหลว”
แซม อาดู-คูมิ หัวหน้าคณะเจรจาของประเทศกานา กล่าวว่า ในประเทศกานา ชุมชน แหล่งน้ำ ท่อระบายน้ำ และพื้นที่เกษตรกรรมเต็มไปด้วยพลาสติก และสถานที่ทิ้งขยะเต็มไปด้วยพลาสติกมักจะถูกไฟไหม้อยู่เสมอ
“เราต้องการสนธิสัญญาที่จะแก้ไขปัญหานี้ได้ มิฉะนั้น เราจะอยู่โดยไม่มีสนธิสัญญาและมาสู้กันใหม่อีกครั้ง”
ติดตามอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ลิงก์
โฆษณา