2 ธ.ค. เวลา 10:50 • หุ้น & เศรษฐกิจ

สรุปภาวะตลาดประจำสัปดาห์ที่ 25 – 29 พ.ย. 2567

ภาพรวม
  • ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เดือน พ.ย..ทำผลตอบแทนได้ดีกว่าตลาดหุ้นทั่วโลก
  • นโยบายของทรัมป์ ส่งผลให้ดอลลาร์แข็งค่า ราคาทองลดลง และความกังวลเกี่ยวกับการขึ้นกำแพงภาษีนำเข้า (Tariff) กดดันตลาดหุ้นกลุ่มตลาดเกิดใหม่ (EM) รวมถึงเอเชีย
  • ทรัมป์เสนอชื่อนาย Scott Bessent เป็นรัฐมนตรีคลัง ตลาดตอบรับเชิงบวก
  • การประชุม Fed ประเด็นหลักคือ แนวโน้มดอกเบี้ยยังเป็นขาลง การลดดอกเบี้ยจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยจะพิจารณาจากข้อมูลเศรษฐกิจเป็นหลัก
  • ทรัมป์ประกาศเตรียมขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดา 25% และจีนเพิ่มอีก 10% ยังต่ำกว่าที่เคยประกาศตอนหาเสียงว่าจะเก็บภาษีจากจีน 60%
1
  • ตัวเลข PMI ภาคการผลิตจีน ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2
สถานการณ์ตลาด
  • ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 1% WoW โดยในเดือน พ.ย. สามารถทำผลตอบแทนได้ดีกว่าตลาดหุ้นทั่วโลก โดยดัชนี Dow Jones+7.5%, S&P500 +5.7%, NASDAQ +6.2% และ Russell 2000 +10.8% จากความคาดหวังเชิงบวก หลังจากทราบผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ ที่ทรัมป์เป็นประธานาธิบดี ซึ่งมีนโยบายทั้งในเรื่องการปรับลด Corporate Tax และนโยบายผ่อนคลายกฎระเบียบ (Deregulation)
  • จากนโยบายของทรัมป์ ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า และมีความกังวลเกี่ยวกับนโยบายการขึ้นกำแพงภาษี (Tariff) ของทรัมป์ เป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นกลุ่มตลาดเกิดใหม่ (EM) รวมถึงเอเชีย
  • การแข็งค่าของดอลลาร์ กดดันราคาทองคำให้ปรับตัวลดลง โดยในเดือน พ.ย. ราคาทองคำปรับตัวลดลงประมาณ 3% เป็นการปรับตัวลดลงรายเดือนมากที่สุดนับตั้งแต่ ก.ย. 2566
  • ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อตลาด ได้แก่
1. ทรัมป์ได้เสนอชื่อนาย Scott Besent เป็นรัฐนนตรีคลัง ซึ่งเป็นผู้ที่สนับสนุนโยบาย "333"
๐ เป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจให้สูงถึง 3% ต่อปี
๐ การลดการขาดดุลงบประมาณให้เหลือ 3% ของ GDP
๐ การเพิ่มการผลิตน้ำมันอีก 3 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ตลาดตอบรับเชิงบวก และคาดว่าจะมีการดำเนินมาตรการที่เอื้อต่อตลาดหุ้นมีการผลักดันการลดภาษี และการผ่อนคลายกฎระเบียบ (Deregulation) เพื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจของสหรัฐฯ ขณะที่นโยบายการขึ้น Tariff มีมุมมองว่าจะทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อลดแรงกดดันต่อเงินเฟ้อ
2. รายงานการประชุม Fed และตัวเลขทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ
๐ ประเด็นหลักคือ แนวโน้มดอกเบี้ยยังเป็นขาลง และการลดดอกเบี้ยจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยจะพิจารณาจากข้อมูลเศรษฐกิจเป็นหลัก
๐ ตัวเลขเงินเฟ้อ Core PCE+2.8% YoY และ +0.3% MoM ตามที่ตลาดคาด ตลาดมองว่าโอกาสการลดดอกเบี้ยของ Fed ในการประชุมเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้นที่ 65% จาก 52% ในสัปดาห์ก่อน
๐ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 4.2% จาก 4.4%
๐ GDP สหรัฐฯ ไตรมาส 3 (ประกาศครั้งที่ 2) ขยายตัว 2.8% ตามคาด ได้แรงสนับสนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่แข็งแกร่ง และการส่งออกที่เติบโต
3. ทรัมป์ประกาศเตรียมขึ้นภาษีสินค้านำเข้า
๐ ทรัมป์จะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดา 25% และจีนเพิ่มอีก 10% ซึ่งการปรับขึ้นนี้ ยังต่ำกว่าที่ทรัมป์เคยประกาศไว้ตอนหาเสียงว่าจะเพิ่มเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน 60% และต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 20-30%
๐ ประกาศนี้มีผลต่อค่าเงินของทั้ง 3 ประเทศอ่อนค่าลง และกดดันหุ้นกลุ่มยานยนต์ ไม่ว่าจะเป็น Ford หรือ GM ให้ปรับตัวลดลง เพราะว่ามี supply chain ที่พึ่งพาการค้าระหว่างเม็กซิโก และแคนาดา
๐ ล่าสุดทรัมป์ออกมาโพสต์ขู่ว่าจะมีการเก็บภาษีสินค้านำเข้า 100% ต่อประเทศในกลุ่ม BRICS หากมีการสร้างสกุลเงินใหม่เพื่อลดบทบาทดอลลาร์ในตลาดโลก ประเด็นนี้ต้องติดตามต่อไป
4. ตลาดน้ำมัน สัปดาห์ที่แล้วราคาน้ำมัน Brent ปรับตัวลดลงประมาณ 3% Wow
๐ ราคาน้ำมันลดลง จากอิสราเอลได้บรรลุข้อตกลงการหยุดยิงกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของตลาดน้ำมัน
๐ IEA บอกว่าจะมีอุปทานน้ำมันส่วนเกินประมาณ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งคิดเป็นมากกว่า 1% ของผลผลิตทั่วโลก
๐ ติดตามการประชุม OPEC+ ที่เลื่อนจากวันที่ 1 ธ.ค. เป็น 5 5.ค. ซึ่งตลาดคาดว่า OPEC+ น่าจะเลื่อนแผนเพิ่มกำลังการผลิตไปเป็นก.พ. 2568 เพื่อพยุงราคาน้ำมันที่ช่วงนี้มีการปรับตัวลดลง
5. เศรษฐกิจจีน มีประกาศตัวเลข PMI ภาคการผลิตขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ตลาดหุ้นจีนมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นระหว่างสัปดาห์ จากที่
๐ ตลาดคาดหวังเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ในการประชุมคณะทำงานว่าด้วยเรื่องเศรษฐกิจ หรือ Central Economic Work Conference อาจเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้
๐ ทางการจีนอาจมีการตั้งเป้าการขาดดุลการคลังในปี 2568 ในระดับที่สูงกว่าปกติ ซึ่งโดยรวมมองว่าทางการจีนน่าจะมีการออกมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ และรับมือกับผลกระทบจากนโยบาย Tariff ของทรัมป์ที่อาจจะเกิดขึ้น
นโยบายการลงทุนและคำเตือน
ติดตามกองทุนกรุงศรี อัปเดตข่าวสาร และกิจกรรมต่างๆ ได้ที่
#KrungsriAsset #กองทุนกรุงศรี #Weeklymarketview #สรุปภาวะตลาดรายสัปดาห์
โฆษณา